“ปกรณ์วุฒิ” ชี้ประธานสภาฯ ชิงปิดประชุม 2 สัปดาห์ติด ส่อเค้าเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลง่อนแง่น ด้าน “ชัยธวัช” ยันไม่มีเหตุผลเลื่อนลงมติรายงานนิรโทษกรรม เหตุร่างกฎหมายจ่อเข้าสภาอยู่แล้ว 

วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา สส.พรรคประชาชน นำโดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน, นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. ร่วมแถลงข่าวภายหลังประธานในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรชิงปิดประชุมสภาฯ ระหว่างพิจารณารายงาน กมธ.นิรโทษกรรม โดยยังไม่มีการลงมติ

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ตนรับรู้สัญญาณตั้งแต่เมื่อเช้า ว่ามีความพยายามจากบางฝ่ายไม่ให้รายงานฉบับนี้เข้าสู่วาระ ตนได้พยายามเจรจาจนได้เข้าสู่วาระ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าอำนาจในการปิดประชุมเป็นของประธานสภาฯ โดยขอตั้งสังเกตต่อการประชุมสภาฯ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมแล้ว 4 ครั้ง จะเห็นว่าประธานสภาฯ สั่งปิดประชุมก่อนเวลาที่เหมาะสม ทำให้ไม่สามารถดำเนินวาระการประชุมตามที่วิปทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ 

หากติดตามตั้งแต่สภาฯ ชุดที่แล้ว จะเห็นรองประธานสภาฯ ที่เป็น “มือปิดประชุม” มักมาจากพรรคแกนนำรัฐบาล สาเหตุของการสั่งปิดเช่น กลัวองค์ประชุมล่ม กลัวประชาชนเห็นว่ารัฐบาลอยู่กันไม่ครบ แต่วันนี้พรรคประชาชนก็แสดงตัวชัดเจนว่าไม่ล่มแน่นอน เราพร้อมโหวตให้เป็นไปตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย รายงานจะถูกส่งไปยัง ครม. ถ้าไม่เห็นด้วย รายงานก็ตกไป

ดังนั้นสัญญาณที่ถูกส่งมาผ่านการปิดประชุมสภาฯ ก่อนกำหนด คือเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่เริ่มโอนเอนง่อนแง่น เช่นเมื่อวานนี้ (16 ตุลาคม) ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง มี 3 ร่าง ตนทราบมาว่ามีความไม่ลงตัวในการสรุประหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันเองว่าจะให้ร่างใดเป็นร่างหลัก เช่นเดียวกับวันนี้ พรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติก็ประกาศว่าพร้อมลงมติ ซึ่งมองด้วยสายตาก็รู้ว่า องค์ประชุมไม่ล่มแน่นอน แต่ประธานสภาฯ กลับปิดประชุมหนี ซึ่งในสภาฯ ชุดที่แล้ว สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นช่วงปลายรัฐบาลที่พรรคร่วมเริ่มมีความเห็นต่าง และไม่ยอมถอยให้กัน  อย่างไรก็ดี การปิดประชุมวันนี้ไม่มีประโยชน์อะไร วันพฤหัสหน้า (24 ตุลาคม) ก็ต้องกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง และการลงมติก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี

...

นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ส่วน สส. บางคนที่บอกว่าจะให้ปิดอภิปรายนั้น ตนต้องบอกว่าสภาฯ แต่งตั้ง กมธ. นี้เป็นตัวแทนของสภาฯ ไปพิจารณาเรื่องที่เราสนใจ ดังนั้นควรให้เกียรติ กมธ. ที่ไปศึกษาและมาให้ข้อมูล ถ้าให้พูดแต่ สส. แต่ไม่ให้ กมธ. อธิบายอะไรเลย อาจทำให้ความเข้าใจไม่ครบถ้วน เช่นวันนี้ สส.บางคนก็อภิปรายไม่ตรงข้อเท็จจริง ราวกับเป็นการพิจารณาเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือการพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมโดยตรง ทั้งที่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น 

ทั้งนี้ กมธ.นิรโทษกรรมฯ ได้เสนอหลายตัวเลือกเพื่อให้ ครม. นำความเห็นไปเป็นประโยชน์ในการร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในอนาคต เพื่อให้สังคมสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาได้ ดังนั้นหลังจากนี้พรรคประชาชนคงต้องกดดันให้สภาฯ สามารถดำเนินวาระไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุด 

ด้านนายชัยธวัช กล่าวเสริมว่า ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะทำให้การพิจารณารายงานฉบับนี้ไม่แล้วเสร็จในสมัยประชุมนี้ เพราะมีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจ่อเข้าสภาฯ อยู่แล้วในสมัยประชุมหน้า การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะยิ่งทำให้สิ่งที่รัฐบาลบอกเองว่าต้องการให้เกิดการตกผลึก ยิ่งล่าช้าออกไป นี่เป็นปัญหาการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องรีบแก้ไข