กมธ.ปปง.สภาฯ รับเรื่องสอบ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ลั่น อายัดกว่า 100 ล้านบาทน้อยไป เพราะผู้เสียหายมีมากกว่านั้น ยัน สอบจนส่งคดีถึงศาล พร้อมรับเป็นแม่งานหลัก หากสภามอบหมาย

วันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการนำกรณีขายสินค้าออนไลน์ของกลุ่มดิไอคอนกรุ๊ปเข้าหารือในประชุม กมธ. ว่า เป็นการหารือเพื่อพิจารณาว่าจะเป็นการเอาผิดผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างไร เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก สังคมสนใจติดตาม และจะสรุปว่าประชุมครั้งหน้าจะเดินเรื่องดิไอคอนกรุ๊ปต่อ

ส่วนกรณีที่ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของดิไอคอนกรุ๊ป ระบุ ไม่รู้การขายสินค้า เป็นการทำงานของแม่ข่าย และมีสินค้าจริง อาจจะไม่เข้าข่ายการฟอกเงินนั้น นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า รูปแบบของดิไอคอนกรุ๊ป ทำเป็นไปในทางอ้อม คือ มีการสมัครเป็นสมาชิกซื้อสินค้าแล้วฝากสินค้าไว้ ต้องไปดูว่าหลักการขายสินค้าและแหล่งกำเนิดภาษี รายได้ที่จะต้องมาจากการส่งมอบสินค้า หรือเป็นรายได้ที่มาจากการสมัครเป็นสมาชิกที่ไม่ใช่รายได้จากการขายสินค้า มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางบัญชี และทางกรมสรรพากรที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ใช่บอกว่าตนเองมีสินค้าแล้วเป็นการขายของ มันง่ายเกินไป

เมื่อถามต่อไปในประเด็นที่มีการสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของการซื้อสินค้า แล้วให้สต๊อกสินค้าไว้ก่อนนั้น นายเลิศศักดิ์ มองว่ากรณีนี้มีความน่าเชื่อถือน้อย ผู้เสียหายชี้แจงได้ชัดเจนว่าบางครั้งเบิกสินค้าไปแล้วขายไม่ได้ แต่การประชาสัมพันธ์หรือการสื่อสารทางการตลาดกลับบอกว่ายอดขายสูง ซึ่งยอดขายเกิดจากการเอาเงินจากการเป็นสมาชิกมาเป็นรายได้หลักไม่ใช่การขายสินค้าโดยตรง จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ให้คนหลงเชื่อสมัครสมาชิกเพิ่มที่มีความผิดปกติและสามารถเอาผิดได้

...

พร้อมกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลางรับแจ้งความแล้ว เขาก็ต้องรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่ง ปปง. ก็รับเรื่องไปแล้ว และสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดของผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้บริหารหรืออินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเลี่ยงได้ และ กมธ.ปปง. มีอำนาจขอตรวจสอบดูว่า ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินไปถึงไหนแล้ว และมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ในสัปดาห์หน้า กมธ. จะเชิญเลขาธิการ ปปง. มาชี้แจงเรื่องนี้ ทราบว่า ปปง. สั่งอายัดทรัพย์ไว้มากกว่า 100 ล้านบาทตามความเสียหาย แต่ส่วนตัวมองว่า 100 กว่าล้าน ยังน้อยเกินกว่าความเป็นจริง เฉพาะผู้เสียหายที่ไปร้องเรียนหรือแจ้งข้อกล่าวหาไว้มีจำนวนมากกว่า 100 กว่าล้านบาทที่ ปปง. อายัดไว้แล้ว

เมื่อถามย้ำว่ากรณีที่อาจจะมีบิ๊กบอสที่ใหญ่กว่า และไม่ใช่ บอสพอล เพียงคนเดียวหรือไม่ ประธาน กมธ.ปปง. สภาฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องฟังและติดตามดูจากพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนเรื่องการล็อบบี้กันในสภาที่มีคลิปเสียงของบุคคลภายนอกมาแอบอ้างว่าสามารถเคลียร์ กมธ. สภาได้นั้น กมธ.ประกอบไปด้วย ส.ส. แต่ละคณะจะมีที่ปรึกษาและเลขานุการ กมธ. ด้วยศักดิ์ศรีของ สส. ที่เป็น กมธ. ที่มาจากประชาชนเมื่อประชาชนเดือดร้อน เราไม่ยอมที่จะให้ใครมาขอหรือเคลียร์เพื่อช่วยเหลือคนบางคนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

“เรื่องคลิปเสียงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ กมธ.สภา และไม่สามารถเคลียร์ได้ โดยเฉพาะ กมธ.ปปง. เราติดตามคดีสำคัญๆ มาหลายคดีแล้ว เช่น การฉ้อโกงของบริษัท สตาร์ค (STARK) ก็ทำมาแล้วและทำจนถึงที่สุด ดังนั้นเรื่องดิไอคอนเราก็จะติดตามให้ถึงที่สุด โดยอาจจะตั้งอนุกรรมาธิการที่มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ให้เข้ามาช่วย ทำให้ถึงที่สุดเพื่อส่งคดีนี้ไปถึงศาล และประชาชนได้รับการเยียวยาชดเชย”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงกรณีเทวดามาช่วยประสานช่วยตรงนี้ เป็นการเกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือไม่ นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องของ สคบ. เป็นเรื่องภายในหน่วยงานเขา ถ้าฟังจากผู้เกี่ยวข้องที่มาชี้แจงแล้ว มันเกี่ยวกับบุคคลใดที่อยู่ใน สคบ. ก็เป็นอำนาจของ กมธ. คณะนี้สามารถเชิญมาชี้แจงได้ ซึ่งตนยังไม่ทราบในรายละเอียดว่า เทวดาคือใครบ้าง แต่เบื้องต้น กมธ. มีแนวทางในการติดตามเรื่องดิไอคอนกรุ๊ปแน่นอน ตนให้คำมั่นสัญญากับประชาชนทั่วประเทศว่าเราจะทำให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่จะทำให้เกิดการฉ้อโกงประชาชน จะต้องมาดูว่ายังมีช่องโหว่อีกหรือไม่ เราจะต้องมารวบรวมและแก้ไขกฎหมาย นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ส่วนที่ทางพรรคประชาชนจะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในเรื่องนี้ ตนเห็นว่ามีความเห็นตรงกันกับวิปรัฐบาล ซึ่งหากข้อสรุปของสภาบอกว่าจะให้ กมธ.ปปง.สภาฯ เป็นผู้ดำเนินการศึกษาและติดตามปัญหากรณีดิไอคอน ต่อทาง กมธ. ก็ยินดี.