หายใจสะดวกขึ้นนิดหลังจากที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ต้องหาคดี “ตากใบ” สส.บัญชีรายชื่อได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

เจ้าตัวอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน แต่บอกในใบลาออกว่าแล้วจะกลับมาชี้แจงความเป็นไปในภายหลัง

เมื่อเป็นเช่นนี้ “เพื่อไทย” ก็โล่งอกไปขีดหนึ่งเพราะถ้าไม่ลาออกพรรคก็จะขับออกเพื่อให้พ้นไปจากความรับผิดชอบ

มหากาพย์คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลโดย “ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีเหตุการณ์ชุมนุมที่นั่นและเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ร่วมชุมนุมขึ้นรถแออัดยัดเยียดจนนำมาให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

คดีนี้ค้างเติ่งมา 20 กว่าปีไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใดและจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 นี้

ถ้าถึงวันนั้นผู้ต้องหาทุกคนก็จะต้องพ้นผิดทันที

ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมานั้นเพราะไม่มีการแจ้งความเอาผิดผู้ร่วมกระทำผิดเรื่องจึงเงียบกระทั่งญาติของผู้เสียชีวิตได้แจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอาญาอัยการจึงสั่งฟ้องและศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาชุดแรกโดยมีชื่อ พล.อ.พิศาลกับพวก

ซึ่งแต่ละคนล้วนมีชื่อโด่งดังมีทั้งเพื่อนร่วมรุ่นของ “ทักษิณ” และเครือข่ายซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างหลบหนีคดี

แต่เนื่องจากการแจ้งความเอาผิดนั้นมีประเด็นที่เป็นคดีอาญาไม่ได้แจ้งเรื่องการปฏิบัติหน้าที่มิชอบทำให้คดีมีอายุความหากพ้นอายุความก็ถือว่าจบปิดคดี

หลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็ปล่อยเรื่องนี้ให้คาราคาซังเพราะคงไม่มีใครอยากไปยุ่งเกี่ยว รัฐบาลทหารก็ไม่อยากยุ่งเพราะเดี๋ยวจะเกี่ยวพันถึงตัว

รัฐบาลเลือกตั้งก็คนกันเองทั้งนั้น!

...

จนกระทั่งพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาและเรียกร้องให้รัฐบาล “เพื่อไทย” เร่งดำเนินคดี

เพราะมี สส.บัญชีรายชื่อ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” เป็นผู้ต้องหาและในฐานะรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต

นั่นแหละทำให้ “เพื่อไทย” ร้อนตัวและดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากความรับผิดชอบ

เพราะตอนแรกก็บอกว่าพรรคไม่เกี่ยวและไม่รู้ว่าผู้ต้องหาหนีไปที่ไหน แต่พอถูกโจมตีหนักเข้าก็พยายามหาทางออก

เรียกร้องให้ “พิศาล” มามอบตัวเสียเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค

แต่ก็ยังติดบ่วงความรับผิดชอบไม่พ้นจึงขอให้ลาออกจากพรรคถ้าไม่ลาออกก็จะมีมติขับออกจากพรรค

พูดง่ายๆคือกดดันทุกวิถีทาง

ที่สุด พล.อ.พิศาลก็ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

ทำให้ “เพื่อไทย” ลอยตัวขึ้นมาได้นิดหนึ่ง มิฉะนั้นต้องตกเป็นเป้าให้ฝ่ายค้านโจมตีและส่อว่าจะลุกลามบานปลาย

เป็นประเด็นใหญ่ทางการเมือง

แต่ในทางการเมืองที่เป็นจริงนั้นพรรคเพื่อไทยคงมิอาจหลีกหนีความรับผิดชอบไปได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้

เพราะเหตุเกิดในสมัย “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีและวันนี้ “เพื่อไทย” เป็นรัฐบาล

จะปล่อยให้ประชาชน “ตายฟรี” ไม่ได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม