“จิราพร สินธุไพร” เรียกถกด่วน “สคบ.-ดีเอสไอ-ปปง.-ตำรวจกองปราบ-บก.ปคบ.” ปม The Icon Group คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ รู้ผลสอบ ขณะ สคบ. เตรียมเรียก “บอสพอล-ดารา” แจง 16 ต.ค. นี้ ด้าน ปปง. เฝ้าระวังบัญชี-ทรัพย์สิน กันยักย้ายถ่ายเท เตรียมตั้งคกก.สอบคลิปเสียงหลุดเทวดาใน สคบ. พร้อมเล็งยึดโล่คืนหากใช้ผิดวัตถุประสงค์

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 2567 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกรณีบริษัท The Icon Group บริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ว่าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ต่อมาเวลา 18.10 น. น.ส.จิราพร แถลงภายหลังการประชุมว่า จากการที่ว่าที่ ผบ.ตร. มีคำสั่งตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งขณะนี้มีผู้ร้องเรียนจำนวน 250 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 95 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เป็นการเก็บข้อมูลหลักฐานและจะดูว่าจะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐานอะไรบ้าง เช่น การหลอกลวง การเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่เป็นการขายตรงหรือไม่ หรือผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุดอย่างช้าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะสามารถสรุปผลได้

เมื่อถามว่า จะให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งเรามีความกังวลว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือไม่ ก็ได้ให้ บก.ปคบ. มีหนังสือไปถึง ปปง. พิจารณาในการที่จะอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ซึ่งทางปปง. เองได้มีการเฝ้าระวังทรัพย์สินอยู่ หากมีการยักย้ายถ่ายเทผิดปกติก็เข้าข่ายการฟอกเงิน ก็ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เฝ้าระวังทรัพย์สินและบัญชีอยู่

...

เมื่อถามว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์จะได้ความชัดเจนในเรื่องต่างๆ เช่น การตั้งข้อกล่าวหา เป็นคดีพิเศษหรือการอายัดทรัพย์ใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ตอบว่า อีก 1 สัปดาห์ก็จะทราบผลของการสืบสวนข้อเท็จจริงจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ส่วนจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้นมีหลักเกณฑ์ว่าต้องมีผู้เสียหาย 300 คนขึ้นไปและมีมูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้เกณฑ์แล้ว ทั้งนี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบสวน ทั้ง สคบ. อย. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็ต้องเข้าไปร่วมสอบสวนด้วย

เมื่อถามว่าในที่ประชุมได้มีการพูดถึงประเด็นการออกหมายจับดาราด้วยหรือไม่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการเรียกอินฟลูเอนเซอร์สอบปากคำต่อไป ส่วนประเด็นนี้ทางสคบ.ดูประเด็นการโฆษณาอยู่ โดยวันที่ 16 ต.ค. สคบ.จะเรียกบริษัท The Icon Group และอินฟลูเอนเซอร์ มาให้ปากคำและจะมีการสอบสวนในวันนั้น เมื่อถามว่า ไปถึงดาราการตรวจเส้นทางการเงินจะรวมไปถึงดาราที่เป็นข่าวด้วยหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ก็ต้องขยายผลให้ครอบคลุม เพราะมีเครือข่ายเยอะ และตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลมา ซึ่งคนดังถ้าเข้าข่ายก็ต้องมาให้ปากคำกับตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการร้องเรียนตั้งแต่ ปี 65 แต่ทางสคบ.ไม่รับเรื่อง เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับผู้บริโภค วันนี้เป็นคดีเกี่ยวกับผู้บริโภคแล้วใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ตอบว่า ขณะนั้นมีมาร้องเรียนกว่า 10 ราย ถ้าดูตามพฤติการณ์แล้วเป็นลักษณะของการร่วมลงทุน ซึ่งตอนนั้นสคบ.มองว่า ไม่ใช่ผู้บริโภคโดยตรง แต่ก็ได้มีการเชิญมาให้ข้อมูลหลายราย และหลายรายก็ได้ยุติไปเอง เข้าใจได้รับการเยียวยาแล้ว ได้รับเงินคืนในบางเคส ซึ่งตนได้เน้นย้ำว่าประเด็นใดที่เกินขอบเขตอำนาจของสคบ.ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่เชิญ สตช. ปปง. ดีเอสไอ ทำงานร่วมกันเพื่อขยายผลต่อไป

เมื่อถามว่า กรณีที่มีเอกสารหลุดว่า สคบ. ส่งเรื่องไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อส่งไปแล้วก็ไม่มีการติดตามเรื่องนี้อีกเลย ถือว่าหมดหน้าที่เรื่องนี้หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า เมื่อปี 61 สคบ.ได้รับเรื่องตรวจสอบบริษัท The Icon Group ซึ่งสคบ.ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบ จึงได้ทำหนังสือไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ อย. โดยทางอย.ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้วในปี 62 แต่ในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการหารือกับว่าที่ผบ.ตร. ได้มีการตรวจสอบหนังสือที่ส่งไปว่ามีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ถ้ามีการสอบสวนในขณะนั้นและมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาใช้ในการสืบสวนข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย แต่ถ้ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีคำสั่งลงโทษทางวินัยโดยไม่มีการละเว้น ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เข้าใจว่า ก็ได้มีการมาให้ข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ด้วย โดยทางสคบ.ก็จะทำหนังสือสอบถามอีกครั้งเพื่อสอบถามความคืบหน้า

น.ส.จิราพร ยังชี้แจงกรณีปรากฏภาพ สคบ. มอบโล่ให้กับ “บอสพอล” ว่า ตอนนั้นเป็นทางบริษัทได้เข้ามาบริจาคหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ให้กับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรในต่างจังหวัด ซึ่งสคบ.เข้าไปเป็นวิทยากรร่วม และได้เสนอชื่อได้รับโล่รางวัลเกี่ยวกับการทำสาธารณะประโยชน์ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประกอบธุรกิจ ฉะนั้น ในประเด็นนี้ตนได้สั่งการสคบ.ให้เข้าไปตรวจสอบถ้าใช้โล่รางวัลผิดวัตถุประสงค์ หรือไปโฆษณาว่าเป็นการประกอบธุรกิจหรือเอื้ออำนวยประกอบธุรกิจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก็จะเรียกคืนโล่รางวัล

ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ “ที่บอกมีเทวดาที่ สคบ.นั้น” ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนสบายใจว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นคนนอก เพื่อให้มีความโปร่งใสมากที่สุด

เมื่อถามว่า ส่วนดาราที่ถูกเรียกว่าบอส แต่ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีตำแหน่ง เข้าข่ายความผิดในการหลอกลวงหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า “ต้องไปชี้แจงกับตำรวจ ชี้แจงกับสื่อไม่เกิดผล”