นึกว่าจะมีทีเด็ดอะไรเห็นโหมโรงว่าคราวนี้เสร็จแน่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จนทำให้พลพรรคเพื่อไทยสั่นไหวไปเหมือนกัน

ที่ไหนได้...

ไปยืมมือนักร้องอาชีพ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความที่สร้างผลงานด้วยการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค “ก้าวไกล” มาแล้ว

ประสบความสำเร็จ “ก้าวไกล” ถูกยุบต้องกลายเป็นพรรค “ประชาชน” ที่ยังมีลมหายใจอยู่

คราวนี้ก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีกให้วินิจฉัยสั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ม.49

คำร้องดังกล่าวมีทั้งหมด 65 หน้า และเอกสารจำนวน 433 แผ่น และเอกสารประกอบจำนวน 10 ชุด รวมทั้งสิ้น 5,080 แผ่น

ประเด็นก็คือการกระทำของ “ทักษิณ” หลายกรณีมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองและครอบงำพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สอดรับกับพรรคประชาชน การแสดงวิสัยทัศน์ที่กลายเป็นนโยบายของรัฐบาล

การสมคบคิดกับ “ฮุน เซน” เพื่อหวังยึดครองเขตทับซ้อนทางทะเล

การเรียกตัวแทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไปจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า การเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ

การครอบงำ ครอบครองและแทรกแซงพรรคเพื่อไทย

และชักนำให้พรรคเพื่อไทยบ่อนเซาะสถาบัน

เหล่านี้เป็นข้อกล่าวหาที่สรุปย่อๆว่า “ทักษิณ” และ “เพื่อไทย” มีพฤติกรรมที่ต้องการล้มล้างการปกครอง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งการให้หยุดการกระทำดังกล่าว

คำร้องชุดใหม่นี้ต่างกับคำร้องให้ยุบ “ก้าวไกล” แต่สรุปตรงกันคือ “ล้มล้างการปกครอง” ซึ่งข้อหาหนักไม่ต่างกัน

...

อยู่ที่เบื้องต้นศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยหรือไม่?

หากรับก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนไม่ต่างกับคดี “ก้าวไกล”

ถ้าคำวินิจฉัยออกมาว่าผิดจริงก็ต้องยุบพรรค “เพื่อไทย” และดำเนินคดีกับ “ทักษิณ”

นี่เป็นเพียงแค่ต้นทางเท่านั้น แต่กว่าจะถึงปลายทางก็คงจะต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร เพราะจะต้องให้ผู้ถูกร้องชี้แจงและให้หาพยานมาต่อสู้คดี

ถ้าจุดจบแบบ “ก้าวไกล” พรรค “เพื่อไทย” ก็จะถูกยุบและกรรมการบริหารจะต้องถูกเว้นวรรคการเมือง ส่วน สส.ก็ต้องไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด

ที่แน่ๆก็คือ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีความผิดด้วย

รัฐบาลก็จบเห่...

หากจะหนีปมนี้มีทางเดียวคือประกาศ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ โดยมีคนในตระกูล “ชินวัตร” ก็น่าจะหมดยุคหมดสมัย

เพราะไม่มีตัวเล่น

อีกทั้งเมื่อขาด “ทักษิณ” ก็ไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่แทน เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญหลายประการ

เป็นเรื่องที่ “ทักษิณ” จะต้องคิดและวางแผนล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะยังมีเวลา

แม้จะมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะเล่นงานพวกเขาได้ก็ตาม!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม