“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ซัด “ธีรยุทธ” ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย เลอะเทอะ แถมยังเป็นเรื่องเก่า พยายามทำให้เป็นประเด็นทางการเมือง ย้ำ “ทักษิณ” ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับพรรค แจงปมฟื้นเจรจา MOU 2544 ชี้แบ่งผลประโยชน์ที่ทับซ้อนทำต้นทุนพลังงานถูก

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้สั่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทย เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันว่า สิ่งที่นายธีรยุทธยื่นคิดว่าพรรคเพื่อไทยสามารถตอบได้ทุกประเด็นไม่มีปัญหา ส่วนจะซ้ำรอยพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น มั่นใจไม่มีปัญหาเพราะคนละกรณีกัน และเท่าที่ตนได้อ่าน 6 ประเด็นคร่าวๆ แล้ว คิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก เมื่อถามว่ามีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะออกมาแจกแจงคำร้องของนายธีรยุทธเป็นรายข้อหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่มี เพราะที่พูดมาก็ไม่มีประเด็น เมื่อถามว่า ในทางการเมืองมองว่าเรื่องนี้มีนัยอะไรหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องที่ยื่นเป็นเรื่องเก่า และพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง โดยคาดหวังว่าเมื่อเปิดออกมาแล้วคนจะตกใจ แต่ทุกคนคงทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเก่าและการที่บอกว่านายทักษิณจะเข้ามาก้าวก่าย ความจริงนายทักษิณไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย บางเรื่องก็เกิดมาเป็นสิบปีแล้วยังหยิบขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กังวล เมื่อถามว่ามองว่าเป็นความแค้นของบางพรรคการเมืองหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่ขอลงรายละเอียดอย่างนั้น ไม่ขอพูดถึงแล้ว

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวรัฐบาลไทยเตรียมฟื้นการเจรจา MOU 2544 เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณเกาะกูด นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการต่างประเทศจะต้องไปพิจารณา มองว่าบริบทในอดีตกับปัจจุบันต่างกันเยอะ และความเห็นส่วนตัวของตนที่ในอดีตเคยเป็น รมว.อุตสาหกรรม ปี 2545 มีเรื่องการขุดเจาะแก๊สต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันสูง และหากมีการเจรจาและแบ่งผลประโยชน์สองฝ่ายทั้งกัมพูชาและไทยก็จะทำให้ต้นทุนพลังงานถูกลง เมื่อถามต่อว่า จะไม่เป็นการจุดชนวนการชุมนุมใช่หรือไม่ นายสุริยะ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว

...

“ชูศักดิ์” บอกคำร้อง “ธีรยุทธ” ไกลไป

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ให้สั่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย เลิกกระทำการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบัน ว่าประเด็นการยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเทียบความผิดประเภทนี้เท่ากับกบฏ เป็นการร้องขอเพื่อให้เลิกกระทำ คำร้อง 6 ข้อที่ร้องมา ตนมองว่าไกลกว่าเหตุ ที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก อย่างการที่นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ กลับเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซึ่งเป็นการบรรยายเกินไป และเรื่องของสถาบัน ทั้งนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เรายืนแน่นมาตลอด อย่างการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ก็ได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่าหากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะ เมื่อถึงรัฐบาลนี้ก็ชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 ส่วนที่บอกว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากตั้งคำถามว่าการร่วมมือกันในการทำกฎหมายผิดอะไร

ชี้คนอยู่เบื้องหลังชัดในคำร้อง

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่กังวลต่อคำร้องดังกล่าวใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า โดยรวมตนคิดว่าไม่น่าวิตกกังวล เมื่อถามต่อว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชี้แจงหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ หากศาลรับตนก็ยินดีเพราะมีคณะทำงานชี้แจงอยู่แล้ว สำหรับเรื่องการครอบงำ มีตัวอย่างชัดเจน วันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในคำร้องบอกว่ามีการไปประชุมกันท้ายที่สุดบอกว่าจะเอาคนนี้ แต่ในวันประชุมพรรคกลับเอาอีกคนหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวของตัวเอง เมื่อถามย้ำว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวมีนัยอะไรหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากคิดไปไกล ตอนนี้ต้องคิดเพียงว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับก็ชี้แจงไป เมื่อถามว่ามองว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องหลังอยู่ที่ความขัดแย้ง ข้อหนึ่งในคำร้องระบุว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลัง ในการเอาพรรคพลังประชารัฐ ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มันก็เป็นการเมืองมีเบื้องหลังอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองที่อยู่ในคำร้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใช่ นายชูศักดิ์ ย้อนถามกลับว่า “ให้ดูในคำร้อง หากดูจากคำร้องก็จะเห็น เขาก็บอกอยู่ในคำร้อง”

“สมคิด” บอก รัฐบาลไม่มีสะดุด เย้ย “ไพบูลย์” ไม่มีเกิดแผ่นดินไหว

ด้านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่าคำร้องหากเปรียบเพลงลูกทุ่งเหมือนกับร้อยเนื้อทำนองเดียวกันออกชะชะช่า ไม่ว่าใครร้องก็จะเริ่มต้นด้วยมาตรา 49 เรื่องสิทธิเสรีภาพ ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ดูเหมือนเกิดแผ่นดินไหว แต่พอข่าวออกมาดูปกติไม่มีอะไร คำร้องลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้การทำงานของพรรคเพื่อไทยสะดุด เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้นหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ยากอยู่แล้วเป็นปกติ ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะทุกพรรคยังช่วยกันทำงานดีอยู่ ตนอยู่วิปรัฐบาลก็กลมเกลียวกัน มีอะไรก็พูดคุยกันได้ตามปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ส่งสัญญาณ เมื่อถามว่าคำร้องลักษณะนี้ จะทำให้การทำงานของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยสะดุดหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่าไม่สะดุด สำหรับในพรรค ตนคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งก็บอกว่าไม่มีปัญหา ส่วนในวิปรัฐบาลก็นัดกันปกติ