ปั้นได้แต่ก็ต้องรับปัญหาเก่าที่ก่อขึ้นมาให้แก้มาถึงวันนี้คงรู้แล้วว่าต้องหยุดสร้างปัญหาซ้อนปัญหาขึ้นมาอีก
กำลังพูดถึง “พ่อ-ลูก” จากตระกูล “ชินวัตร” ที่แม้จะมีอำนาจบารมีล้น “ผู้พ่อ” แม้จะไม่ได้มีอำนาจในรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
แต่ก็มีอำนาจเหนือกว่ารัฐบาล เหนือกว่านายกรัฐมนตรี
“ทักษิณ ชินวัตร” ปลุกปั้น “ลูกสาว” จนได้เป็นผู้นำประเทศและกำลังบริหารชาติบ้านเมืองนั้นเป็นเพราะ “พ่อ” สร้างให้ทุกอย่าง
ในทางกลับกัน “พ่อ” ก็ทิ้งปัญหาให้ “ลูก” ต้องตามล้างตามเช็ดจากปัญหาต่อความมั่นคงบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
เช่นการกลับบ้านอย่างเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวโดยไปนอนรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
นั้นเป็นเรื่องที่มีการร้องว่าใช้ “อภิสิทธิ์ชน”
“ลูก” ก็ต้องแก้ไขและแก้ไม่ดีก็อาจถึงตกเก้าอี้ได้
อีกเรื่องที่กำลังฮือฮาอยู่ในขณะนี้คือเหตุเกิดที่ “ตากใบ” แม้จะเป็นเรื่องเก่าหลาย 10 ปีมาแล้ว สมัยที่ “พ่อ” เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่เรื่องก็เงียบหายเหมือนจบไปแล้ว!
ทว่าวันนี้พรรคฝ่ายค้าน “ประชาชน” ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นกล่าวหาพรรค “เพื่อไทย” กำลังจะเป่าคดีให้หมดอายุความก่อนสิ้นเดือนนี้
ความจริงเรื่องนี้ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้วแต่ก็ไม่มีการดำเนินการ จนกระทั่งฝ่ายประชาชนได้ฟ้องร้องกันเองจนศาลรับฟ้องและออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำผิด ไล่ๆกันก็มีการฟ้องร้องผู้กระทำผิดอีกชุดหนึ่ง
โดยหมายจับชุดแรกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการระดับสูงซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่เกิดเหตุ คนหนึ่งในนั้นคือ
...
“พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยอดีตแม่ทัพภาค 4 ในช่วงที่เกิดเหตุ นี่คือประเด็นใหญ่ที่ฝ่ายค้านกล่าวหา “เพื่อไทย” ปกป้อง พยายามให้จบเรื่อง
ประเด็นก็คือเมื่อถูกออกหมายจับ “เจ้าตัว” ก็หายเงียบแบบไร้ร่องรอยเลยเรียกร้องให้ “เพื่อไทย” นำตัวไปส่งเจ้าหน้าที่
ปรากฏล่าสุดเจ้าหน้าที่สภาชี้แจงว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นใบลาและไม่ทราบว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน อีกทั้งตำรวจได้นำกำลังตรวจบ้านพักบรรดาผู้ถูกออกหมายหลายคนก็ไม่พบตัวเลยสักคน
คนในพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความเห็นเชิงปกป้องหลายคน
จนเมื่อฝ่ายค้านประกาศว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นนี้
“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ซึ่งตอนแรกจะบอกว่าเป็นเรื่องของ พล.อ.พิศาลที่จะตัดสินเองไม่เกี่ยวกับพรรค
แต่เมื่อกระแสแรงเข้าก็ออกมาบอกว่า “พล.อ.พิศาล” ควรจะมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่เพื่อต่อสู้คดีอันเป็นการส่งสัญญาณว่า “เพื่อไทย” ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
ทว่าเรื่องมันไปไกลกว่านั้นแล้วเพราะสังคมเชื่อว่า “เพื่อไทย” ปกป้องคนของตัวเองและให้หลบไปก่อน อีกไม่กี่วันคดีก็หมดอายุความแล้วทุกอย่างจะได้จบ
เหตุต่างๆที่เกิดขึ้นนี้มาจาก “พ่อ” ทั้งนั้น!
แต่เมื่อ “ลูก” มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องรับผิดชอบและแก้ไขถ้าแก้ได้ก็รอดตัวไปแต่ถ้าแก้ไม่ดีก็จะมีปัญหาต่อคะแนนนิยมได้
ยิ่งฝ่ายค้านกำลังหาประเด็นที่จะโจมตีรัฐบาลก็เข้าทางพอดี!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม