คณะหลอมรวมประชาชน จัดเวทีปราศรัยซัดรัฐบาล “แพทองธาร” ด้าน “ทนายนกเขา” ซัด นักการเมือง - ทหาร - กลุ่มทุน รวมหัวกันแบ่งผลประโยชน์ ทำประเทศอยู่กับที่ไปต่อไม่ได้ ขณะที่ “จตุพร” ปลุกคนลงถนน ค้าน นโยบาย บ่อนถูกกฎหมาย - ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี - แลนด์บริดจ์ ซัดเป็นพวกขายแผ่นดิน ขู่เจอม็อบแน่ หากทำนโยบาย ยัน ไม่เคยร่วมมือกับ “ประวิตร” และจะไม่มีวันดีกับ “ทักษิณ”

วันที่ 5 ต.ค. 2567 เมื่อเวลา 14:00 น. ที่พีซทีวี คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มคณะหลอมรวมประชาชน จัดเวทีพูดคุยปราศรัยในหัวข้อ “ประเทศไทย อดีต ปัจจุบัน อนาคต” โดยเปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย

นายนิติธร กล่าวว่า เราหวังพึ่งนักการเมืองมานาน และบางคนก็หวังพึ่งนักการทหาร แต่สุดท้ายนักการเมืองก็คือนักการเมือง นักการทหารที่เราหวังพึ่งว่าเขาควรจะเป็นทหาร สุดท้ายเขาก็คือนักการเมืองตัวพ่อเหมือนกัน เราก็จะอยู่กันแบบนี้ ประเทศไปไหนไม่ได้ “เราจะออกมาห่วงใยบ้านเมืองท้วงติงแสดงความคิดเห็น ก็มีไอ้พวกปากหมาจัญไรทั้งหลาย ก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะปฏิวัติยึดอำนาจ แต่เขายึดอำนาจจากนักการเมืองชั่ว ไม่ได้ยึดอำนาจจากที่ประชาชนออกมาชุมนุม

สุดท้ายก็เอาตัวรอด ไปร่วมมือกัน ดังนั้นประเทศไทยต้องมาก่อน คือการหลอมรวมประชาชนให้ได้ แต่วันนี้เราถูกแบ่งแยก ทำให้ถูกแบ่งความสามัคคี ซึ่งทุกคนบอกว่าจะปรองดองสมานฉันท์ แต่สุดท้ายก็รวมหัวกัน คือการสมานฉันท์ของนักการทหาร และนักการเมือง เอาอำนาจไปสร้างผลประโยชน์ เอาผลประโยชน์มาซื้ออำนาจ จนประเทศไปไหนไม่ได้ เมื่อมีพรรคการเมืองน้องใหม่ขึ้นมา หลายคนก็มีความหวังลงคะแนนให้ แต่สำหรับตนไม่เคยลงคะแนนให้พรรคไหน เลือกตั้งครั้งใดก็โหวต NO เพราะเชื่อใจใครไม่ได้

...

“วันนี้เราเห็นภาพฝั่งนึงรัฐบาล ไอ้คนรัฐประหารไปจับมือกับคนโกง อีกฝั่งนึงเราเห็นคนโกงไปจับมือกับคนล้มเจ้า เสร็จแล้วการเมืองก็จะวนอยู่แบบนี้ เอาเศรษฐาออกไป ก็ได้อุ๊งอิ๊งมา เอาอุ๊งออกไปก็จะได้อนุทินมา ได้อนุทินมาเราก็จะกลายเป็นเด็กนักเรียน เพราะเขาจะมีครูใหญ่ตามมาด้วย ถ้าอนุทินไม่เอา เขาก็จะเสนอป้อมให้ ถ้าป้อมมาเราทุกคนก็ต้องเข้าบ้านป่า ในเมืองอยู่ไม่ได้” นายนิติธร กล่าว

นายนิติธร กล่าวต่อว่า ส่วนนายพีรพันธุ์ ที่ถูกมองว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี ตนก็เชื่อ แต่ขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีแค่ 30 เสียง ประเทศก็เป็นแบบนี้ หลายคนก็บอกว่าเลือกตั้งรอบหน้า พรรคเพื่อไทยจะสามารถรักษาระดับไว้ได้ก็มี พรรคก้าวไกลก็มีเช่นกัน ประเทศก็จะวนอยู่แบบนี้ไปไหนไม่ได้ ถ้าปล่อยให้มีการยึดอำนาจ เมื่อยึดเสร็จเราก็จะเห็นนักการเมืองหน้าเดิมกลับมานั่งรัฐมนตรี หรือไม่ก็นั่งบอร์ดต่างๆ ซึ่งก็จะมีกลุ่มทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง “มันไม่เคยมีประชาธิปไตย ไอ้ที่บอกว่ามีประชาธิปไตยมันไม่มีเคยมี มีแต่การสมคบคิด มีแต่ระบบอุปถัมภ์ มีแต่การแบ่งปันผลประโยชน์ใช่หรือไม่”

จึงเป็นสิ่งที่เราต้องเอาประเทศไทยมาก่อน และต้องหลอมรวมประชาชน ซึ่งสิ่งที่พวกคนเหล่านี้กลัวมากที่สุดคือประชาชน สิ่งที่จะจัดการบ้านเมืองได้อย่างแท้จริงไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่อาวุธ แต่คือใจของประชาชนที่ใจถึง รวมทั้งเขาบอกว่าเราจุดไม่ติดเพราะไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งมันสู้ใจไม่ได้ ที่ผ่านมาก็สู้กันแบบนี้ แต่ปัญหาทางการเมืองที่ติดตอนนี้ มันมาจากความคิดของคนไทย ไม่จดจำอดีตจนวนกลับมาเจอแบบนี้ ย่ำอยู่กับปัจจุบันเพ้อฝัน เลื่อนลอยกับอนาคต ทำให้คนไทยถูกกดขี่เอาเปรียบ เพราะหลายคนยึดติดกับตัวบุคคล และวาทกรรมปรุงแต่งทั้งหลาย แต่กลับปลอมทั้งสิ้น วันนี้ถ้าจะนำพาบ้านเมืองต้องประเทศไทยมาก่อน

นายนิติธร ยังกล่าวถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะสร้างเงินสกุลของตัวเอง ยังเอาเงินจากแผ่นดินมาสร้างเพื่อแข่งขันกับเงินของประเทศ ให้มีค่ามากกว่าเงินบาท เป็นจุดมุ่งหมายที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ต เช่นเดียวกับกรณีการเอาที่ให้ต่างชาติเช่า 99 ปี ที่ถูกมองว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

ขณะที่นายจตุพร ขึ้นเวทีกล่าวบทกลอนว่า “ผ่านเวลามา 59 ปี ผ่านร้อนหนาวในชีวี ไม่เคยหวั่น ยังคงเป็นจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ศรัทธาและเชื่อมั่นต่อผองชน“ พร้อมกล่าวต่อว่า ขอสื่อความไปถึงรัฐบาลว่าหลังจากนี้เราจะทำอะไรกันบ้าง ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ เต็มไปด้วยคำเยาะเย้ย ถากถาง ว่าเป็นม็อบจุดไม่ติด หรือเป็นม็อบรับจ้าง หรือมีดีลกับคนนั้นคนนี้บ้าง ซึ่งตนจะสื่อว่า คนที่จะทำให้ม็อบจุดติดหรือคนจุดม็อบ ไม่ใช่ตน หรือทนายนกเขา ไปจนถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ที่ผ่านมาคนที่มีหน้าที่จุดม็อบให้ติดคือ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลทั้งสิ้น

“น้ำมันกองฟืน ในนาครนี้ คนที่จะเป็นผู้จุดอยู่ในมือของคุณอุ๊งอิ๊ง อยู่ในมือของพ่ออุ๊งอิ๊ง หลายคนบอกว่าไล่รัฐบาลไม่ไปหรอก จริงครับ เพราะรัฐบาลจะไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ไม่ได้ไปเพราะประชาชนขับไล่ แต่ไปเพราะกรรมเก่า ไปเพราะสนามกอล์ฟอัลไพน์ของยายเนื่อม” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลจะไปก็มาจากการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มาจากการลงมติของพรรคที่มี น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค ที่อยู่ในห้วงเวลาขององค์กรอิสระ ส่วนภาคประชาชนที่จะลงถนนก็มาจากเรื่องนโยบายของรัฐบาล

“ถ้ามีการทำบ่อน 8 แห่ง หรือถ้าจะมีการขายแผ่นดิน 99 ปี ทั้งแผ่นดินบวกคอนโด หรือแผ่นดินที่อยู่ในแลนด์บริดจ์ ระบบรางระบบล้อคุณทำไป แต่ต้องไม่แถมแผ่นดิน 3 แสนไร่เป็นเวลา 99 ปี ซึ่งมีทางออก 2 มหาสมุทรอินเดียแปซิฟิก อ่าวไทย อันดามัน ไม่งั้นเจอกับประชาชนอย่างแน่นอน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ถามว่าทำไมเราต้องบอกประชาชนให้ลงท้องถนน การจุดม็อบติดคือรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง การบ่อน 8 แห่ง การขายแผ่นดิน 99 ปี การเจรจาผลประโยชน์ประเทศกับกัมพูชา และเสียดินแดน นี่คือการจุดม็อบ ถ้าคุณจุดติด ตนจะออกไปยืนขวางการขายชาติขายแผ่นดินของคุณเอง เพราะในแต่ละโครงการไม่มีผลประโยชน์ชาติ เป็นเรื่องผลประโยชน์ของตนเองทั้งสิ้น เพราะอีก 99 ปี ทั้งคนพูด และคนเชื่อก็ตาย แต่ประเทศจะเป็นอย่างไร รวมถึงยังพาประเทศเป็นเมืองอบายมุข ฟอกเงิน แลกกับผลประโยชน์อันน้อยนิดที่ชาติบ้านเมืองจะได้ แต่ให้ตัวเองมั่งคั่งอย่างมโหฬาร ไม่สนใจความชิบหาย และความหายนะของชาติ เป็นการจุดม็อบที่ดีที่สุด “สร้างบ่อนวันไหน เจอกันวันนั้น”

“พี่น้องภาคใต้ฟังผมดีๆ นะ 3 แสนไร่คือแผ่นดินของภาคใต้ ในอดีตขุดคลองคอดกระ บอกทำไมไม่ได้เพราะกลัวแบ่งแย่งดินแดน วันนี้ไม่กลัวการแบ่งแยกดินแดน เพราะยกดินแดน 3 แสนไร่ให้เขา ไม่บัดซบจริง คิดไม่ได้” นายจตุพร กล่าว

ถ้าการออกมาแบบนี้ เป็นพวกป่วนเมือง เป็นม็อบรับจ้าง แล้วพวกสนับสนุนการขายชาติขายแผ่นดินเป็นพวกไหน ตนอยากรู้จริงๆ ซึ่งรัฐบาลไม่มีสิทธิ์มาขายชาติขายแผ่นดิน ถ้าคนไทยยอมให้เกิดขึ้นก็ให้รู้ไป ต่อให้จะเหลือกี่คนก็ไม่สำคัญ เราจะไปยืนขวางต่อให้เหลือตนกับนายนิติธร ก็จะไปยืนขวาง

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในการรักษาตัวที่ชั้น 14 มีใครเชื่อบ้าง เป็นเรื่องที่ยิ่งกว่าละครลวงโลก รวมถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่ให้ถ้อยคำ และข้าราชการกรมราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ และการสอบสวนของแพทยสภา ที่ได้ยินว่าเสร็จแล้ว จึงสงสัยว่านายทักษิณหายไปไหนหลายวัน “ช่วยส่งเสียงหน่อย ใหญ่นักไม่ใช่หรือ ใหญ่คับบ้านคับเมืองไม่ใช่หรือ“ และหากมีการดำเนินการในส่วนนี้ นายทักษิณจะได้กลับไปเป็นนักโทษอย่างที่ควรจะเป็น

ในช่วงหนึ่งนายจตุพร กล่าวว่า มีพวกบรรดาลิ่วล้อทั้งหลายบอกว่าตนเองไปร่วมมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคประชารัฐ ซึ่งตนยืนยันว่า ยังไม่ได้ร่วมมือ แต่ถ้ากวนมากๆ จะเดินไปหาชวนพล.อ.ประวิตรด้วย แต่ตอนนี้ตนไม่เคยเจอกัน

“ตอนผมอยู่ตรงนั้น ผมก็ยืนอยู่แถวหน้า รู้มือกันทุกคน แต่เมื่อวันนี้ผมยืนอยู่ตรงกันข้ามกับทักษิณ และจะตรงกันข้ามกันตลอดไป ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่น” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ จดไม่มีใครไปมอบตัวในคดีตากใบจนขาดอายุความ และการพูดของรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานความมั่นคง จะทำให้ความสงบในชายแดนใต้รุนแรงเกินกว่าที่คุณคิด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชายแดนใต้คนที่จะต้องรับผิดชอบคนแรกชื่อนายทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างอื่นไม่ได้

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายจตุพร กล่าวว่า ปีนี้ตนเองอายุครบ 59 ปี ตนได้รับคำอวยพรจากคนที่ตนเคารพนับถือ ฉะนั้นเป็นคำพรที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญในการต่อสู้ยับยั้งการขายชาติขายแผ่นดิน แม้จะต้องแลกกับชีวิตอิสรภาพอีกครั้ง แค่คำพรนั้นตนก็ไม่กลัวตายไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ดังนั้นสิ่งที่พวกนี้วางแผนจะทำตนขอบอกเลยว่าไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็จะไม่มีวันได้ทำ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังปราศรัยของนายจตุพร มวลชนที่มารับฟังพร้อมอวยพรวันเกิดจตุพร ซึ่งนายจตุพรได้กล่าวขอบคุณ และไม่ขอรับการเป่าเค้กเนื่องจากไม่อยากให้มีบรรยากาศดังกล่าว เพราะมีสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ