“รมว.นฤมล” ยกทัพกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดอยุธยา-ปทุมธานี เผย เสนอของบกลาง 3,700 ล้าน เยียวยา ฟื้นฟูเกษตรกร คาดเข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์นี้ ขณะที่ “ธรรมนัส” ควงภรรยา และ “อรรถกร” ลงพื้นที่จุดเดียวกัน แจง แค่มาสังเกตการณ์

วันที่ 5 ต.ค. 2567 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดย นางนฤมล กล่าวภายหลังการติดตามสถานการณ์น้ำว่า จากที่ได้รับฟังสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯเหมือนในปี 2554 แน่นอน เนื่องด้วยปริมาณน้ำและน้ำที่ยังเก็บกักได้เพิ่ม ตามที่รองอธิบดีกรมชลประทานรายงานข้อมูลมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานกับกรมชลประทานตลอด เพื่อเตรียมแผนระบายน้ำหากมีพายุและปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งมีการจัดการสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำในคลองระบายน้ำต่าง ๆ

...

เมื่อถามถึงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด นางนฤมล ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯได้ประเมินความเสียหาย และวางงบประมาณที่จะต้องใช้ในการฟื้นฟูทั้งหมดประมาณ 3,700 ล้านบาทและได้ส่งข้อมูลไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในสัปดาห์หน้า โดยงบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องของข้าว เช่น การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งช่วยเหลือภาคปศุสัตว์และประมงที่ได้รับความเสียหายด้วย

“กระทรวงเกษตรฯได้หารือกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ว่า กว่าน้ำจะลด กว่าจะได้งบประมาณมา และของจะไปถึง อาจจะไม่อยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกแล้ว จึงได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรฯ และให้ติดตามเรื่องที่สำนักงบประมาณตามที่ได้เสนอไปว่า ในบางพื้นที่ ในบางจุด ในบางงบฯ จะขอเปลี่ยนแปลงเป็นการฟื้นฟูด้วยเม็ดเงินเพิ่มเติมให้เกษตรกรได้หรือไม่” นางนฤมล กล่าว

ด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวชี้แจงถึงการออกประกาศเตือน ลุ่มเจ้าพระยาฉบับที่ 10 พื้นที่ 11 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มว่า การที่เราจะระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที จะต้องขออนุญาตคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จะทำโดยกรมชลประทานแห่งเดียวไม่ได้ ซึ่ง กนช.ได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว จึงต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อม โดยการระบายน้ำจะทำแบบขั้นบันไดค่อย ๆ ปล่อยน้ำไป การระบายน้ำที่จะเกิดขึ้น อาจจะไม่ถึงระดับที่เราได้ขออนุญาต กนช.ไป แต่จำเป็นที่ต้องขอเผื่อไว้ล่วงหน้า เนื่องจากต้องขอล่วงหน้าก่อน 3 วัน

จากนั้น นางนฤมล พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ และคณะได้เดินทางต่อไปยังวัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งไปตรวจปริมาณน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง ต.ทางช้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และเดินทางไปยังสถานีสูบน้ำปากคลองรังสิต ถ.เลียบคลองประปา ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส. เขต 1 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ พา น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยา และ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาลงพื้นที่ วัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จุดเดียวกับนางนฤมลด้วย พร้อมด้วยนายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส. พระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน เพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก

โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ตั้งวงพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ถึงปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และความต้องการสำหรับการช่วยเหลือต่าง ๆ จากภาครัฐ พร้อมระบุว่า ตนในฐานะ สส.ตัวแทนของประชาชน พร้อมที่จะดูแลคนไทยทั้งประเทศ ไม่จำเป็นต้องดูแลเฉพาะจังหวัดพะเยาเท่านั้น ในวันนี้ตนได้ประสานกับ สส.ในพื้นที่ เพื่อขอให้พี่น้องทุกคนมารวมตัวกัน เนื่องจากว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะมารับฟังเสียงเรียกร้องและข้อเสนอแนะของพวกเราที่นี่ด้วยตัวเอง