ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ เปิดหน้าต่างการเมืองที่เมฆหมอกยังปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ยังไม่เห็นดวงดาวที่ฉายแสงโผล่ออกมาให้ได้เห็น เป็นวิถีที่ทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับความยากลำบากในการบริหารประเทศ
เริ่มจากเสียงอดีตผู้นำพันธมิตรที่เคยแสดงพลังปลุกมวลชนขับไล่รัฐบาล โดยเฉพาะ “ทักษิณ ชินวัตร” คงรู้ถึงความเป็นไปได้ดี
ประกาศปลุก “ม็อบ” ลงถนนอีกครั้งว่านี่จะเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้าย
แน่นอนว่าผู้นำประเทศอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ย่อมรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะน่าจะผ่านประสบการณ์มาด้วย
สำคัญคือรู้พิษสงว่ามันร้ายแรงขนาดไหน
การใช้กลเม็ด “อ่อนสยบแข็ง” จึง เริ่มเปิดฉากเพียงแต่ได้ยินเสียงคำรามแรกด้วยการประกาศว่า “คุยกันก่อนเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน”
พูดง่ายๆว่ามีอะไรก็คุยกันได้ อย่าเพิ่งทำอย่างนั้นเลย
ยังไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด...
จากการประเมินสถานการณ์ของบรรดานักวิชาการทางการเมืองค่อนข้างจะให้น้ำหนักน้อยว่าจะ “จุดติด”
เหตุผลก็คือสถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนแต่ก่อน การปลุกระดมจึงทำได้ยาก โอกาสจะเกิดขึ้นแทบไม่มีเลย
“ประชาชน” ยังไม่มีอารมณ์ร่วม เนื่องจากเบื่อการชุมนุมบนถนนที่หายไปนานแล้วและยังไม่อยากให้รื้อฟื้นขึ้นมาอีก
ก็ว่ากันไป...
พูดเอาเรื่องน่าจะเป็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างยังไม่สุกงอมพอที่จะเกิดการชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาล
แต่ประเด็นที่น่าจะจับตาและมีความเป็นไปได้สูงคือศึก “นิติสงคราม” มากกว่าจากจำนวนที่มีร้องมากกว่า 10 เรื่องขึ้นไปนั้น
ผู้ชำนาญการประเภทนักร้องมืออาชีพ ได้ประกาศด้วยความมั่นใจว่า ในจำนวนนี้มี 3 เรื่องที่จะเข้าเป้าและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
...
1. พุ่งไปที่นายกรัฐมนตรีโดยตรงคือการถือหุ้นสนามกอล์ฟ “อัลไพน์” แม้จะโอนไปแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากที่ดินผืนดังกล่าวเป็น “ที่ธรณีสงฆ์”
ซึ่งกรมที่ดินได้ชี้ชัดไปแล้วเพียงแต่ยังไม่มีการดำเนินการต่อเท่านั้น
ดังนั้น การถือหุ้นนี้จึงน่าจะเข้าข่ายมีความผิดในระดับ “จริยธรรม” ได้
2. การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี แม้ปัจจุบันได้มีการเลือกตั้งใหม่ และได้นายก อบจ.คนใหม่ แต่การเลือกตั้งก่อนหน้านี้
“ทักษิณ ชินวัตร”-“แพทองธาร ชินวัตร” ได้ร่วมสนับสนุน โดยพรรคเพื่อไทยได้การันตีว่าเป็นคนในสังกัด
พูดง่ายๆก็คือสมัครในนาม “เพื่อไทย” ว่างั้นเถอะ...
แต่เนื่องจาก “ชาญ พวงเพ็ชร์” ผู้สมัครมีมลทินติดตัว ถูกฟ้องร้องทุจริตต่อหน้าที่ก็เลยเกิดปัญหาที่เกี่ยวพันไปถึง “เพื่อไทย”
คือส่งผู้สมัครที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติ มีคดีติดตัว
“เพื่อไทย”-“ทักษิณ”-“อิ๊งค์” หัวหน้าพรรคต้องรับผิดชอบด้วย
3. เหตุเกิดที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่ง “ทักษิณ” อยู่ระหว่างเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่ได้อยู่ในคุก อ้างว่าป่วย จึงนำตัวไปรักษา
เรื่องนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่ออกมาเปิดว่าได้ไปเยี่ยม “ทักษิณ” ที่โรงพยาบาลและนำข้อมูลส่วนหนึ่งมาเปิดเผย
เข้าลักษณะ “อภิสิทธิ์ชน”
3 ประเด็น 3 ข้อร้องเรียนนี้ลูกแถวบ้านป่า ยืนยันว่าเอาผิดได้แน่ ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง
นี่เป็นแผน “พิฆาตนารี” ที่น่าลุ้น ยิ่งนักเป็นของฝากจาก “ลุง”!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม