เคลิบเคลิ้มเสียงยกยอ ทันทีที่เดินทางกลับประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นภารกิจประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) ที่ประเทศกาตาร์ เรตติ้ง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ในภาวะขาขึ้น ได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์ สื่อยักษ์ระดับโลก ยกย่องให้ติดโผ 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต

ซูฮกเป็นนายกฯหญิงของไทย และเป็นผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชีย

ได้บารมีมาเติมถูกจังหวะ ระหว่างกำลังโกอินเตอร์ครั้งแรกในฐานะผู้นำประเทศ เตรียมรับบทบาทสำคัญ ประธานเอซีดีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพต่อไป ปี 2568

บทพิสูจน์ฝีมือเติมบารมีการเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของ “นายกฯอิ๊งค์”

รัศมีนายกฯหญิงเปล่งปลั่ง แต้มดีวันดีคืน ต่อเนื่องจากผลโพลช่วงต้นสัปดาห์ที่เบียด นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นมาครองความนิยมอันดับ 1 ในใจประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้คะแนนนิยมตกเป็นรองกองทัพสีส้มมาตลอด

เสียงตอบรับจากชาวบ้านพุ่งพรวด ผลพวงจากการเร่งเครื่องสร้างผลงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

หันมามุ่งมั่นเรียกคะแนนเฉพาะหน้า เร่งโอนเงินหมื่นถึงมือกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ลุล่วงเป็นส่วนใหญ่

หรือการแก้ปมฉุกเฉินเฉพาะหน้า เหยียบคันเร่งช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูสภาพจิตใจครอบครัวนักเรียนและครูที่ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์ทัศนศึกษาไฟไหม้คลอกเด็กและครูเสียชีวิต 23 ศพ

ได้รับเสียงชื่นชมการลงพื้นที่บริหารสั่งการ โชว์มาดผู้นำในภาวะวิกฤติเข้าตาประชาชน แม้แต่ฝ่ายค้านยังยอมรับรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาได้ทันท่วงที

มิติการทำงานที่เห็นผลงานรวดเร็ว เป็นรูปธรรม และได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ

แนวโน้มเห็นสัญญาณบวก แต้ม “นายกฯอิ๊งค์” ไหลมาเทมา แต่จะยืนระยะอยู่ได้นานต่อเนื่องหรือไม่ ยังต้องตามลุ้นตัวโก่ง

...

ภาวะที่โจทย์หินยังตระหง่าน รอให้แก้ปัญหาอีกมากมาย ภายใต้ไฟต์บังคับเศรษฐกิจระดับฐานรากต้องเข็นดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสองอีก 30 กว่าล้านคน สถานการณ์ที่รัฐบาลต้องวิ่งขาขวิดหาเงินระดับแสนล้านมาโปะโครงการให้เพียงพอ ถ้าออกมาไม่ตรงปก ต้นทุนความน่าเชื่อถืออาจกลับไปติดลบเหมือนเก่า

คำตอบปลายทางที่ยังต้องลุ้นหนัก จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจวูบวาบแค่ช่วงสั้นๆหรือก่อตัวแรงพอให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

แต่ที่เสียวไส้น่าห่วงกว่าคือ ภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์สู้รบตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียด จ่อกระทบเศรษฐกิจโลก ยักษ์ใหญ่มหาอำนาจสหรัฐฯ-จีน แห่ลดดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ

ต่างจากประเทศไทย รัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังขบเหลี่ยมเถียงกันไม่ลงตัวนโยบายลดดอกเบี้ย เห็นต่างไปคนละทาง

อนาคตเศรษฐกิจไทยยังลูกผีลูกคน รัฐบาลเสี่ยงเจอเส้นทางอันตราย ปล่อยให้ปากท้องประชาชนมีปัญหาวิกฤติ เลี่ยงไม่พ้นกระทบภูมิต้านทานนายกฯหญิง

เข้าทางเกิดโรคแทรก เกมปลุกม็อบลงถนน อย่างที่แกนนำตัวพ่อ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตหัวโจกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่งซิกระดมมวลชนขับไล่รัฐบาล ต้นปี 2568 หากบริหารประเทศในแนวทางไม่ถูกต้อง

รับส่งเข้าจังหวะกับกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จุดกระแสหลังวันที่ 10 ต.ค.จะมีจุดเริ่มต้นเรื่องใหญ่ นำไปสู่จุดจบของรัฐบาล

กองแช่ง กองชัง ส่งสัญญาณตีธงพร้อมล้มรัฐบาล

สถานการณ์ที่รัฐบาลต้องเร่งถอนฟืนจากกองไฟทุกแท่ง ชะลอการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา รอไปหารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลสัปดาห์หน้า แนวโน้มไม่รู้จะตกผลึกทางความคิดตรงกันได้เมื่อใด

แม้กระทั่งการนำรายงานพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็ถูกดองยาวไม่มีกำหนด

ภาวะที่นายกฯหญิงกำลังไต่ระดับสร้างภูมิต้านทาน ต้องโฟกัสความสำคัญเร่งด่วน แก้ปัญหาปากท้องประชาชนเป็นอันดับแรก

หากปมปากท้องยังแก้ไม่ตก และยังปล่อยให้เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรมเป็นตัวเพิ่มแรงกระแทกลากรัฐบาลเข้าสู่เรดโซน

อาจเข้าเงื่อนไขนักค้าความขัดแย้ง ปลุกม็อบลงถนนเล่นงานสะบักสะบอม!

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม