กระทู้ตากใบเดือด “รังสิมันต์” จี้ถามอีก 22 วันหมดอายุความรัฐบาลจะไม่ทำอะไรเลยหรือ-อยากให้หมดอายุความไปเองเหมือนกันหรือไม่ ด้าน “ภูมิธรรม” แจงเรื่องตากใบต้องมองให้รอบด้าน ใช้อารมณ์อย่างเดียวไม่ได้ ชี้ไม่มีใครตั้งใจให้คนตาย-การเอาผิดให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีคดีตากใบ ที่มีความเสี่ยงจะหมดอายุความลง เนื่องจากจำเลยซึ่งมี สส.เพื่อไทย ด้วยยังไม่ไปปรากฏตัวต่อศาลตามกำหนดที่จะครบในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
โดยนายรังสิมันต์ได้เริ่มต้นการอภิปราย ระบุว่า เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มีการสลายการชุมนุมบริเวณหน้า สภ.ตากใบ จนมีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม 7 คน ในจำนวนนั้นถูกยิงที่ศีรษะ 5 คน และมีการควบคุมตัวขนย้ายผู้ชุมนุมไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี 1,300 คน โดยให้นอนทับกันเป็นชั้นบนรถบรรทุก จนมีผู้เสียชีวิตระหว่างการขนย้ายถึง 78 คน รวมเป็นผู้เสียชีวิตมากถึง 85 คน ภายหลังรัฐบาลในเวลานั้นได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา โดยรายงานดังกล่าวชี้ว่า การสูญเสียเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่ควบคุมเหตุการณ์ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกลืมไปโดยผู้มีอำนาจมาเป็นเวลาหลายปี
ต่อมาประชาชนผู้สูญเสียได้ลุกขึ้นมาฟ้องเอาผิดเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ และหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรมกับพวกเขาได้ บางคนถึงขั้นกล่าวว่า อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่า มีผู้ใดบ้างที่มีส่วนพรากชีวิตของคนเหล่านั้นแม้บทลงโทษจะเบาก็ตาม
...
“เหตุการณ์ตากใบได้ทำลายความไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐอย่างสิ้นเชิง ผมเป็นห่วงว่า ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จะเป็นการฝังกลบความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐจนยากจะฟื้นคืนกลับมาได้ จนทำให้สันติภาพชายแดนใต้กลายเป็นเพียงภาพฝัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
แม้หลังเหตุการณ์ตากใบมีอดีตนายกรัฐมนตรีสองคนที่ขอโทษต่อเหตุการณ์ตากใบ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อปี 2549 และ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2565 แต่คำถาม คือ รองนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรเพื่อฟื้นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ สร้างความรู้สึกของประชาชนให้กลับมาดีให้ได้สมกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีเคยขอโทษ คดีที่กำลังเดินอยู่เป็นผลงานของประชาชน เมื่อนักข่าวถามเรื่องนี้รองนายกรัฐมนตรีก็มีอารมณ์แล้วบอกให้ไปสนใจเรื่องอื่น จนสุดท้ายนำไปสู่การเกิดเหตุระเบิดอีกครั้งในพื้นที่ อ.ตากใบ
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ดูเหมือนการให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรีจะสุมไฟมากกว่าการถอนฟืนจากกองไฟ ความสูญเสียที่นำไปสู่การเยียวยาโดยใช้เงินภาษีเป็นสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศต้องได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกันว่า ผู้เกี่ยวข้องจะถูกลงโทษอย่างไร ประชาชนต้องจ่ายเงินให้ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ คดีก็กำลังจะขาดอายุความ รองนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้
ในส่วนของนายภูมิธรรม ได้ตอบคำถามโดยระบุว่า การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ต้องเริ่มต้นจากความพยายามใช้เหตุผล ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครบทุกมิติ ไม่ใช่เริ่มจากการมองเพียงด้านลบ เหตุการณ์นี้มีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องหลายเรื่อง วันที่ผู้สื่อข่าวถามนั้นตนกำลังแถลงข่าวเรื่องความเสียหายกรณีน้ำท่วม ผู้สื่อข่าวพยายามถามเรื่องนี้ตนก็บอกขอคุยเรื่องน้ำท่วมให้จบก่อน ผู้สื่อข่าวก็ยังพยายามถาม ไม่ได้หมายความว่าเรื่องตากใบรัฐบาลจะไม่สนใจ ทุกเรื่องมีความสำคัญแต่รัฐบาลต้องทำเรื่องเร่งด่วน คือ กรณีน้ำท่วมก่อน โปรดเข้าใจว่า ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแต่อย่างไร
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนเสียใจ ไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ที่มีประชาชนตายมากขนาดนี้ เหตุการณ์ตากใบมีความจริงหลายมิติที่เข้ามาเกี่ยวข้อง มีรายละเอียดอีกมาก รายงานนั้นสรุปว่าทุกคนที่อยู่บนรถเกิดการเสียชีวิตเพราะการขาดอากาศหายใจเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องกระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีการลำเลียงคนไปที่ค่าย ไม่เกี่ยวกับการตายเพราะอาวุธซึ่งยังหาผู้ผิดจริงไม่ได้เพราะเกิดความสับสนวุ่นวาย มีรายงานด้วยว่าเมื่อแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เห็นว่ามีการลำเลียงคนขึ้นไปในลักษณะนั้นก็ได้พยายามยับยั้งไว้ เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาหวังเอาคนไปทับให้ตาย เหตุการณ์นี้ไม่พึงประสงค์แต่ก็ควรให้ความเป็นธรรมด้วย ไม่ใช่เรื่องความตั้งใจจะฆ่ากัน ไม่ได้เป็นความเจตนา แต่เป็นความสับสนอลหม่าน”
นายภูมิธรรมกล่าวต่อไปว่า การที่ผู้ถามระบุว่า การดำเนินการเรื่องตากใบของประชาชนเป็นเรื่องที่ต้องการความกล้าหาญ ตนไม่เห็นว่า จะเป็นเรื่องที่ถึงขนาดต้องเสี่ยงชีวิตจึงจะร้องขอได้แต่อย่างไร ผู้ถามต้องมองตามความเป็นจริงด้วย อีกทั้งที่ผ่านมายังมีกระบวนการเยียวยาแล้วในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำนวนเงินถึง 7 ล้านบาทต่อผู้เสียชีวิต ทั้งหมดคือความพยายามให้ทุกฝ่ายเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น และควรใช้เป็นอุทาหรณ์มากกว่าในการใช้เป็นเครื่องมืออธิบายว่ารัฐบาลตั้งใจจะฆ่าหรือไม่ใส่ใจไม่เห็นคุณค่าชีวิต ในกระบวนการทางกฎหมายก็ว่ากันไป
“ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดตอนนี้ยังหาตัวไม่ได้ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามหมายจับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารู้ก็จับได้แล้ว ตอนนี้ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่เดินไป ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการต่อสู้ กระบวนการยุติธรรมก็ต้องดำเนินการให้บรรลุผลให้เร็วที่สุด” นายภูมิธรรม ชี้แจง
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันได้พยายามปรับวิธีการทำงานกับประชาชนใน 4 จังหวัดภาคใต้ ทั้งความพยายามปรับวิธีคิด นโยบาย และวิธีการทำงานเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก รวมทั้งการปรับนโยบายต่าง ๆ ให้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นลดลงด้วยการเจรจา ปรับวิธีการในการเดินหน้าสู่สันติสุข มีตัวแทนคณะทำงานไปเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการใน 4 จังหวัดภาคใต้ มีการคุยกันหลายครั้งแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีปัญหาหลายมิติที่ต้องแก้ไข
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า วันนี้ถ้าอยากมีการแก้ไขปัญหาเรื่องคดีก็ว่ากันไป ตอนนั้นเคยมีการถามผู้สูญเสียแล้วว่า จะฟ้องคดีหรือไม่ มีเวลา 15 วันก็ไม่มีใครฟ้อง ตนก็นึกว่า ยุติไปแล้ว ทั้งนี้ตนไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่ความแตกแยก ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามปรับนโยบายและลดภาวะความรุนแรงให้มากที่สุด ทำให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กอ.รมน., ศอ.บต. และหน่วยราชการยอมรับในความแตกต่างในสังคมพหุวัฒนธรรม หาทางออกทำงานร่วมกันต่อไป รวมทั้งความพยายามลดการใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ที่มีความสงบมากขึ้น
ด้านนายรังสิมันต์ ได้ถามกระทู้ต่อ โดยระบุว่า การที่รองนายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจในโอกาสนี้เป็นเรื่องที่ดี แต่ที่รองนายกรัฐมนตรีระบุว่าการเสียชีวิตของคน 78 คนเป็นเพราะขาดอากาศหายใจ คำถาม คือ อยู่ ๆ คนเหล่านั้นก็ขาดอากาศหายใจเลยหรือ จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติโดยไม่ต้องมีผู้รับผิดเลยหรือ
“ถ้าวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถมอบความจริงใจให้ผู้สูญเสียในเหตุการณ์ตากใบได้ จะเรียกว่า รัฐบาลมีความจริงใจได้อย่างไร ความจริงใจไม่ได้สะท้อนผ่านคำพูดแต่ต้องสะท้อนการกระทำ ถ้าวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถแสดงให้คนในพื้นที่รู้สึกถึงความจริงใจได้แล้วรัฐบาลจะแก้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
คดีเรื่องนี้มี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ประชาชนฟ้องตามที่ตนได้กล่าวถึงไป และส่วนที่มีการดำเนินการโดยตำรวจมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งปรากฏว่าตำรวจมีความเห็นไม่ควรสั่งฟ้อง รวมไปถึงมีการส่งเรื่องไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีก็เห็นพ้องด้วย ต่อมาเมื่อปี 2567 กรรมาธิการกฎหมายฯ ริเริ่มเพื่อให้มีการรื้อคดีในส่วนนี้ใหม่อีกรอบ แต่น่าเสียดายว่า เมื่อเดือนเมษายนตำรวจก็ยังคงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเหมือนเดิม แต่โชคยังดีที่เมื่อส่งไปที่อัยการสูงสุด มีความเห็นแย้งและสั่งให้มีการแจ้งข้อหาใหม่
นายรังสิมันต์อภิปรายต่อไปว่า คำถาม คือ รัฐบาลรับรู้ถึงความเจ็บปวดและความโกรธของประชาชนในพื้นที่ ที่รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อนหรือไม่ คนตายขนาดนี้รัฐบาลจะอยู่เฉย บอกว่า ตายเองเพราะขาดออกซิเจนแบบนั้นหรือ เหลือเวลาเหลือแค่ 22 วัน กระบวนการชั้นตำรวจที่ต้องแจ้งข้อหาใหม่ก็เช่นกัน
วันนี้รองนายกรัฐมนตรีเป็นคนดูแลกำกับตำรวจจะบอกแค่ว่า ต้องมองอย่างสร้างสรรค์โดยไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นหรือ นึกไม่ออกว่า “สหายใหญ่” ที่เคยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มา ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน จะทำให้เหตุการณ์ตากใบจบแบบเดียวกันหรือ
“คำถามสำคัญ คือ วันนี้มีความพยายามในการเป่าคดีช่วยกันโดยหนึ่งในนั้น คือ ตำรวจ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลตำรวจจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร”
ด้านนายภูมิธรรมได้ตอบคำถามในรอบที่สอง โดยระบุว่า ตนรู้สึกกับความเจ็บปวดของประชาชนไม่ต่างกัน แต่ก็มีความรู้สึกอื่นที่ต้องคำนึงถึงด้วย อาจเพราะประสบการณ์มากถึงไม่ได้มองเรื่องนี้จุดเดียว เรื่องนี้ต้องมองอย่างเป็นธรรมถึงจะแก้ปัญหาได้ ตนเข้าใจดีว่า ความรู้สึกที่ออกมารุนแรง แต่ที่ผู้ถามพูดออกมาไม่ช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสามจังหวัดได้
“ปัญหาภาคใต้จะดีขึ้นต้องใช้สติ ไม่ใช่อารมณ์ ตนบอกไปแล้วว่า ยอมรับและเสียใจ ที่ผ่านมารัฐบาลก็ดูแลเยียวยาด้วยจำนวนเงินส่วนหนึ่งแล้ว” รองนายกฯ ชี้แจง
ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดในคดีไม่ใช่เรื่องของตำรวจอย่างเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระบวนการทั้งหมด รายงานฉบับแรกสถาบันนิติเวชได้พิจารณาแล้วมีผลออกมาอย่างนั้นจริง ๆ รัฐบาลไม่สามารถไปกำหนดให้แพทย์นิติเวชกำหนดได้ สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีใครตั้งใจ แต่ความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย จะจัดการตามอารมณ์ไม่ได้ ขอให้ผู้ถามใจเย็นดูว่า เรื่องนี้จะคลี่คลายให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งผู้สูญเสียและผู้ถูกกล่าวหาได้อย่างไร
จากนั้น นายรังสิมันต์ได้ถามต่อเป็นรอบสุดท้าย โดยระบุว่า เงินเยียวยา คือภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ตนสนับสนุนให้มีการเยียวยา แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า วันนี้สถานะความเจ็บปวดของผู้สูญเสียกลายเป็นสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศต้องมาช่วยกันแบกรับ จ่ายเงินแทนให้กับความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่คณะกรรมการไต่สวนอิสระฯ ก็ระบุอย่างชัดเจนว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่
“อยากฝากว่า วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่า จริง ๆ แล้วท่านและพรรคการเมืองรัฐบาลของท่านก็ต้องการให้เรื่องจบแบบนี้โดยขาดอายุความหรือไม่ เพราะเมื่อไหร่ที่ขาดอายุความ จะไม่มีการสืบพยาน ไม่มีคำให้การ เพราะถ้ามีกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสืบพยานและคำให้การ สุดท้ายจะชี้ไปที่บุคคลที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีว่า อยากให้คดีจบแบบนี้ใช่หรือไม่” นายรังสิมันต์กล่าว
ด้านภูมิธรรมได้กล่าวตอบสั้น ๆ ในช่วงสุดท้ายว่า รัฐบาลจะจริงใจหรือไม่จริงใจนั้น ไม่ได้ดูจากการอภิปรายแต่ต้องดูที่การทำงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล ขณะนี้อยู่ในชั้นศาล รัฐบาลทำอย่างดีที่สุดก็คือเร่งรัดให้เกิดการจับตัวมาให้ได้ บางคดีทำได้บางคดีก็ทำไม่ได้ ถ้ามีหลักฐานว่า ตำรวจดึงคดีก็ขอให้ผู้ถามว่ามา แต่อย่าไปคิดเองว่า ใครเป็นอย่างไร ควรเอาเรื่องที่เป็นสาระจริง ๆ มาคุยกันดีกว่า