ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมเพิ่งคลี่คลายไปในทางที่ดีเหลือแค่การฟื้นฟูและเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

ก็น่าจะผ่านปัญหานี้ไปได้

แต่ก็เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจและเศร้าเสียใจขึ้นมาอีก  เมื่อรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนและครูจากอุทัยธานีเกิดไฟไหม้

เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 23 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

แน่นอนว่ารัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็ต้องรับผิดชอบโดยปริยาย เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องแก้ไขและตรวจสอบว่าเหตุจริงๆมันเกิดขึ้นมาเพราะอะไร เรื่องนี้จะไปด่วนสรุปไม่ได้

อย่างบางคนเสนอว่าต่อนี้ไปต้องห้ามนำนักเรียนไปทัศนศึกษา

นั่นมันก็ทุบโต๊ะใช้อารมณ์เกินไป

เพราะการพานักเรียนไปทัศนศึกษานั้นน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะเด็กจะได้หูตาสว่างพบเห็นสิ่งต่างๆที่ทำให้ประเทืองปัญญาและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เป็นประสบการณ์

จึงไม่ควรปิดกั้นแต่ต้องไปดูว่าเหตุมันเป็นเพราะอะไรมากกว่า

ประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศหนึ่งในโลกระดับต้นๆ ที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทุกปี

เรามีกฎหมายและข้อห้ามมากมายแต่นั่นเป็นเพียงข้อกฎหมายแต่มาตรการที่รองรับไม่มีประสิทธิภาพพอ

เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหรือไม่บังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าของกิจการคิดแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าสำนึกและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม

2 ประเด็นนี้แหละที่ทำให้เกิดปัญหาของประเทศ

อีกทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาและชุดปัจจุบันก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนักพอเกิดเหตุขึ้นมาก็โอดครวญเศร้าเสียใจสั่งตรวจสอบเอาจริงเอาจัง

แล้วก็ลงโทษซึ่งก็เป็นได้แค่ “แพะ” เท่านั้น

...

แต่ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุจริงๆ

เหนืออื่นใดในฐานะที่เป็นรัฐบาลก็คงต้องรับผลไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพิ่งจะยิ้มไม่หุบกับโครงการแจกหัวละหมื่นบาทไปหมาดๆเพราะประชาชนพึงพอใจ

แม้ว่าไม่ทำให้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผล พูดง่ายๆคือเม็ดเงินแสนกว่าล้านบาทที่เทลงไปนั้น

ไม่ต่างกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ...

แต่ก็เรียกคะแนนนิยมกลับคืนมาพอสมควร

นี่ทำท่าจะเดินหน้าต่อซึ่งกำลังหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรเท่านั้น เพราะมีข้อจำกัดสำคัญคือไม่มีงบประมาณให้ละเลงเล่นตามชอบใจได้

อีกทั้งเวลานี้สถานการณ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็เริ่มเกิดปัญหาขัดแย้งให้ปรากฏโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่เขาว่าที่สุดแล้ว “เพื่อไทย” ก็ชอบเหมือนกันที่ถอยเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องเปลืองตัวและพร้อมที่จะไปสู้ในสนามเลือกตั้งหากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60

แต่มาแก้ไขรายมาตราที่เป็นประโยชน์โดยตรงบางประเด็นและทุกพรรคเห็นชอบด้วย

พูดง่ายๆว่าต่างฝ่ายต่างได้และไม่ต้องมาขัดแย้งกัน!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม