“อนุทิน” เผย เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงรับผู้สูญเสียเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ หลังพิสูจน์อัตลักษณ์ทยอยลำเลียงกลับอุทัยธานี ถาม ทำไมมีถังแก๊สนับสิบ ชี้ ละเมิดชัดเจน ตำรวจต้องดำเนินคดีเต็มที่

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการพิจารณาเงินเยียวยาในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียนจาก จ.อุทัยธานี ที่เดินทางไปทัศนศึกษา ว่า เรื่องของการช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มีอยู่ว่าเราจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัยรายงานเบื้องต้นว่าจะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่เราต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด

สำหรับเรื่องตัวเลขอายุการใช้งานที่ระบุว่า 54 ปีของรถบัสคันดังกล่าวนั้น นายอนุทิน บอกว่าเป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ อีกทั้งในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใยและทรงสลดพระทัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิต ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครูและนักเรียน

...

ส่วนที่เรากำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ มีข้อถกเถียงเรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา นายอนุทิน ระบุว่า ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้วเมื่อมีเหตุ เมื่อวาน (1 ตุลาคม 2567) ก็ได้ยินเยอะ ตนคิดว่าการไปทัศนศึกษาไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ สาเหตุคือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตาทำไมรถบัสคันหนึ่งถังแก๊สเยอะขนาดนี้

“นับดูเป็น 10 ถัง แต่ไม่ทราบเพราะไม่เคยอยู่กรมการขนส่งทางบก ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊สตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักต้องผ่อนกันเลยเหรอ โดยมองจากสายตาที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน ก็มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็กที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย มั่นใจว่ามาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นเมื่อวานถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวถามต่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองจะขับเคลื่อนเรื่องนี้แก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับลูกหลานของเรา อย่างที่บอกการไปทัศนศึกษาเป็นสิ่งที่ดี ไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูป ไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆ ก็มีกฎอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็ว เรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีเมื่อวานก็คือรถ 1 คัน คนขับ 1 คน ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อนไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อกเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้วว่ามีการละเมิด

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายอนุทิน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เดินทางมาติดตามการชันสูตรพลิกศพ พิสูจน์อัตลักษณ์ร่างครูและเด็กนักเรียนทั้ง 23 ร่าง ต้องขอชื่นชมที่ทำการตรวจพิสูจน์ยืนยันอัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตได้ครบทุกราย และคืนร่างให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตลดความตึงเครียดและความโศกเศร้าลงไปได้บ้าง

“มีหลายครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังอยู่รู้สึกโกรธและโศกเศร้ากับความเสียใจ แต่ก็ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมอารมณ์ได้อยู่ ซึ่งทีมแพทย์ได้จัดจิตแพทย์และนักจิตวิทยาดูแลอย่างใกล้ชิดกว่าจะกลับถึง จ.อุทัยธานี ส่วนปลายทางมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี องค์กรที่เกี่ยวข้อง และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เตรียมสถานที่และความพร้อมรอรับแล้ว”

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะเร่งลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ร่างไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ สวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 5 คืน และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันถัดไป สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บด้วยเพดานช่วยเหลือสูงสุด ซึ่งฝ่ายปฏิบัติก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

ทางด้านการสอบสวนดำเนินคดีกับคนขับและผู้ประกอบการเจ้าของรถ นายอนุทิน เผยว่า ฝ่ายตำรวจต้องดำเนินการดำเนินคดีอย่างเต็มที่ รวมถึงขยายผลว่าทำไมเกิดเหตุเช่นนี้ และจริงหรือไม่ว่ามีถังแก๊สเกินจำนวนที่กำหนดไว้ในรถ และเหตุใดถึงปล่อยออกมาได้ และต้องดูเรื่องของพนักงานขับรถว่ามีกี่คน พนักงานประจำรถกี่คน ทำไมเหตุการณ์นี้มีคนขับคนเดียว ก็ต้องสืบสวนขยายผลดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เมื่อถามว่าทางญาติผู้เสียชีวิตมีการร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มีใครขออะไรเพิ่มเติม นอกจากแค่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก อยากให้มีมาตรฐานที่ดีในการดูแลลูกหลานของพวกเขา ซึ่งรัฐบาลต้องน้อมรับเรื่องนี้ไปดำเนินการอย่างเต็มที่

จากนั้นเวลา 14.15 น. นายอนุทิน พร้อมด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และนายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย พร้อมกับนักศึกษาพยาบาลตำรวจ 67 นาย ตั้งแถวส่งร่างครูและนักเรียนออกจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ โดยตำรวจทางหลวง, ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ช่วยกันลำเลียงศพออกรอบละ 5 ร่าง แต่ละขบวนจะมีญาติร่วมนั่งในรถมูลนิธิไปด้วย ซึ่งตำรวจทางหลวงและตำรวจท่องเที่ยวจะเป็นผู้นำทางและอำนวยความสะดวกให้ตลอดเส้นทาง ซึ่งเส้นทางที่ใช้เบื้องต้นจะมุ่งหน้าออกไปทางดินแดง และออกไปทางเส้นถนนวิภาวดีรังสิต ไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณในแต่ละรอบ ก่อนมุ่งหน้ากลับ จ.อุทัยธานี ทันที.