พล.ต.อ.เพิ่มพูน สั่งงดทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็น แต่ไม่ต้องถึงขั้นยกเลิก ดึงขนส่งช่วยดูสภาพรถ เผย คุรุสภาเตรียมมอบประกาศเกียรติคุณ-ขึ้นเงินเดือนครู 3 ขั้น แจงเหตุยิ้มแย้มวันเกิดเหตุ เพราะพยายามสร้างกำลังใจ

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องแถลงข่าวกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงฯ พร้อมผู้บริหาร ร่วมแถลงความคืบหน้าจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน รร.วัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) เมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม) เป็นเหตุให้มีนักเรียนและครูเสียชีวิตทันที 23 ราย และบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ว่า

เบื้องต้น น้องนักเรียนที่บาดเจ็บอยู่และคุณครูอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนนักเรียน 2 คนที่บาดเจ็บหนัก จะเดินทางไปเยี่ยมหลังจากนี้ ส่วนเด็กที่ปลอดภัยทั้งหมดกระทรวงคมนาคมได้ส่งเดินทางกลับแล้ว มี 35 รายที่ผู้ปกครองมารับกลับ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาช่วยบริหารเหตุการณ์จนผ่านไปได้ด้วยดี

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชี้แจงกรณีปรากฏภาพในสื่อว่ามีการยิ้มแย้ม เผยว่า ตอนนั้นทุกคนรู้สึกเจ็บปวด แต่ต้องพยายามสร้างขวัญกำลังใจให้กับน้องๆ ทุกคน และคุณครูที่อยู่ระหว่างขวัญเสียด้วย โดยมีช่วงหนึ่งที่หยุดพูดเพราะรู้สึกเสียใจ

“ขอให้เข้าใจด้วย เพราะในโซเชียลถามว่าทำไมยิ้มแย้ม ปวดเร้าจะตายห่า (หยุดพูด) พอดีไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เป็น รมว.ศึกษาฯ เลย..(หลั่งน้ำตา) นิดหน่อย” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

สำหรับผู้ปกครองเด็กที่สูญหาย ได้จัดรถทหารรับมาพิสูจน์เอกลักษณ์ว่าเด็กคนไหนคือใคร บางส่วนพอเสร็จก็ส่งกลับบ้านเลย แต่บางส่วนทางกระทรวงฯ ก็ได้จัดที่พักให้ 15 ห้อง รวมถึงให้ขวัญกำลังใจ และรับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงเช้าวันนี้ (2 ตุลาคม)

...

ส่วน สพฐ. จะเข้ามาดูเรื่องสิทธิประโยชน์ เช่น คุณครูที่เสียชีวิต จะพิจารณารับเงินเดือนเพิ่ม 3 ขั้น รวมถึงการเยียวยามีการดำเนินการต่อไป รวมถึงจะเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งเป็นค่าทำศพ และทุนการศึกษาสำหรับช่วยเหลือบุพการีของครูที่เสียชีวิต ยืนยันว่าทางกระทรวงฯ จะพยายามทำให้ดีที่สุด

ทั้งนี้ การเยียวยาในส่วนคุรุสภา จะประกาศเกียรติคุณเพื่อยกย่องเชิดชู ทั้งครูผู้เสียชีวิตและรอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บที่เข้าไปช่วยเหลือและดูแลเด็กเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน มีข้อสั่งการให้งดการทัศนศึกษาทันทีในช่วงนี้ หากไม่มีความจำเป็น ยกเว้นหากจำเป็นต้องไป เช่น ค่ายลูกเสือ ให้วางมาตรการความปลอดภัยให้ละเอียด โดยให้ ผอ.โรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แนะนำให้แบ่งเป็นเด็กเล็กคละเด็กโต หรืองดเว้นเด็กเล็กไม่ให้ออกนอกพื้นที่จังหวัด หรืออาจจะมีผู้ปกครองไปช่วยดูแลด้วย ยืนยัน มองว่า การทัศนศึกษาก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น พร้อมให้ประสานขนส่งมาช่วยเช็กสภาพความพร้อมของรถ รวมถึงต้องมีการซักซ้อมการดำเนินการป้องกันเหตุฉุกเฉินด้วย

“สิ่งที่ไม่จำเป็นเรายกเลิก แต่สิ่งที่จำเป็นเราไป เราปิดโลกไม่ได้ การอยู่กับบ้านเฉยๆ ไม่มีประโยชน์นะครับ ทัศนศึกษาถ้าจำเป็นอยู่ต้องไปถึงจะได้รู้ ถ้าไม่ไป อยู่บ้านจะรู้เหรอว่าโลกเป็นยังไง ไม่ไปไม่ได้หรอก” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

สำหรับเรื่องสภาพรถ คุณครูต้องไม่ดูเองแล้ว ต้องให้กรมการขนส่งมาช่วยดูแลสภาพรถ เพราะครูอาจจะดูไม่ออกทั้งหมด ส่วนอายุรถไม่ควรเกิน 5-10 ปี สำหรับเรื่องติดแก๊สคงไม่ได้ห้าม แต่ต้องให้ขนส่งเป็นผู้พิจารณา เพราะไม่ว่าติดหรือไม่ติดก็เกิดเหตุอันตรายได้

ทั้งนี้ ในช่วงของการประชุม กระทรวงศึกษาธิการ ได้ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยต่ออุบัติเหตุรถบัสไฟไหม้ พร้อมจะร่วมหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ส่วนมาตรการระยะต่อไป คือ งดทัศนศึกษา หากจำเป็นต้องมีกระบวนการที่ชัดเจน จัดทำแผนเผชิญเหตุ พร้อมให้มีการซักซ้อมและปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด พร้อมจัดพิธีสวดมนต์ทำบุญให้ผู้เสียชีวิตและส่งผลบุญช่วยผู้บาดเจ็บ และเตรียมมอบรางวัล “ครูถิรคุณ” เพื่อยกย่องครูผู้เสียสละ และมีอุดมการณ์ในวิชาชีพ แก่ครูผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ได้กำชับทุกหน่วยงานให้ดำเนินการเรื่องสวัสดิการและสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประสบภัยและผู้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วด้วย พร้อมขอเชิญชวนประชาชนและสื่อมวลชน ร่วมสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้ประสบภัยต่อไป