“สุริยะ” ประชุม คกก.กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย กรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียน เคาะจ่ายเยียวยาผู้เสียชีวิต 1 ล้านบาท ทุพพลภาพ 7 แสน เจ็บสาหัส 2 แสน เจ็บเล็กน้อย 1 แสน เผย ไม่เกินสัปดาห์หน้าโอนเงินเยียวยาได้ พร้อมตั้ง คกก.ตรวจสอบสภาพรถบัสทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม 2567) น่าสะเทือนใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย รู้สึกเศร้าสลดจากเหตุการณ์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะเข้าไปดูแล

ในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จะมีการป้องกันอย่างไร โดยจะเชิญวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมตรวจสอบโครงสร้างของรถที่บรรทุกผู้โดยสารจำนวนเท่านี้ว่าควรจะปรับปรุงอย่างไร รวมถึงเรื่องทางออกฉุกเฉิน โดยมีความคิดที่จะให้มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำก่อนออกเดินทาง หากมีเหตุฉุกเฉินจะปฏิบัติตัวอย่างไร และช่องทางออกฉุกเฉิน จะเหมือนกับบนเครื่องบิน ซึ่งต่อไปจะต้องบังคับให้รถโดยสารสาธารณะดำเนินการตามนี้เพื่อลดความรุนแรงลง โดยกระทรวงจะมีมาตรการออกมา

...

ส่วนเรื่องรถสูง 2 ชั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุควรยกเลิกใช้งานนั้น นายสุริยะ กล่าวว่ามีการพูดมานานแล้ว ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมมีแนวทางอยู่แล้ว โดยกำลังพิจารณาว่าจะให้รถ 2 ชั้นวิ่งในเขตเมือง ห้ามออกวิ่งในต่างจังหวัด สำหรับเหตุการณ์วานนี้เป็นรถชั้นเดียว ก็ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกในอนาคต โดยแนวทางป้องกันจะมีทั้งมาตรการระยะเร่งด่วนและระยะยาว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารถที่เกิดเหตุมีการดัดเปลี่ยนเครื่องยนต์และตัวถังประกอบ ซึ่งใช้มานานกว่า 50 ปี ต้องมีการตรวจสอบรถบัสโดยสารทั้งประเทศหรือไม่ นายสุริยะ ตอบว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่สภาพรถ จำนวนผู้โดยสาร ขณะเดียวกันจะครอบคลุมรถทุกประเภท ทั้งรถตู้ รถโดยสาร นอกจากนี้ จะตรวจสอบเรื่องการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นแก๊สในรถสาธารณะ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุมักมีความรุนแรง คาดว่าคณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ส่วนคำถามว่าเรื่องการดัดแปลงรถอาจจะทำให้บริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยสินไหมนั้น นายสุริยะ ระบุว่า ได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางบกว่า ตามกฎหมายต้องบังคับให้มีการประกันภัยขั้นต่ำ จะจ่ายสูงสุด 500,000 บาท และ พ.ร.บ.ภาคสมัครใจ อีก 500,000 บาท เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทประกันภัยจะไม่มาหาสาเหตุที่จะไม่จ่ายค่าประกันภัย เพราะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ และนอกเหนือจากการประกันภัยแล้วยังมีเงินเยียวยาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการประชุมวันนี้อีก

ในที่ประชุม นายสุริยะ กล่าวว่า จะต้องมีการวางมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก ทุกภาคส่วนต้องพร้อมให้ความร่วมมือและช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ วันนี้จะมุ่งเน้นการหารือถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการใช้ชีวิต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ยังต้องมีมาตรการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ หวังว่าจะสามารถบรรเทาความทุกข์ยากได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ ขอวิงวอนไปยังผู้สื่อข่าวและผู้ที่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ระมัดระวังไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลที่จะกระทบต่อจิตใจผู้ที่เกี่ยวข้อง

จากนั้น นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อมูลการบริหารกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยของสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายสุริยะ เป็นประธานกองทุนฯ ซึ่งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดรับบริจาคทรัพย์สินหรือสิ่งของสำหรับผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ โดยจะมีคณะกรรมการบริหารกองทุนคือนายกรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และประกอบด้วยปลัดกระทรวงต่างๆ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเลขานุการคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์ในการควบคุมการใช้จ่ายเงินกองทุน ซึ่งในระเบียบกำหนดว่าเงินกองทุนจะนำไปใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยเท่านั้น

ต่อมาเวลา 11.45 น. นายสุริยะ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา โดยมอบเงินเยียวยาดังนี้

เงินเยียวยาไฟไหม้รถบัสนักเรียน

  • กรณีเสียชีวิตเป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท
  • กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท
  • กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท
  • กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 100,000 บาท


โดยตัวเลขนี้ เป็นการประเมินจากในอดีตกรณีเหตุการณ์ที่สยามพารากอน และเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นวงเงินที่น่าจะเหมาะสม เพราะเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ สำหรับเด็กเล็กที่เสียชีวิต ถึงแม้ว่าเงินเยียวยานี้จะไม่สามารถไปประเมินจิตใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ แต่จะช่วยบรรเทาได้ส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีเงินเยียวยาในส่วนอื่นๆ

  • กระทรวงยุติธรรม จะให้เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 200,000 บาท, ผู้ได้รับบาดเจ็บ 40,000 บาท
  • กระทรวงศึกษาธิการ จะให้เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่เป็นนักเรียน 180,000 บาท ครู 100,000 บาท
  • กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะให้เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท และจะดูแลต่อเนื่องจนอายุ 18 ปี
  • ประกันภัยของบริษัทรถบัส 1,000,000 บาท

เมื่อถามว่า กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะสามารถจ่ายได้เมื่อใด นายสุริยะ กล่าวว่า จะเร่งให้กระทรวงศึกษาธิการส่งรายชื่อผู้เสียชีวิต และจะรีบจัดการโอนเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่น่าจะเกินสัปดาห์หน้า.