เย็นวันที่ 30 กันยายน ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จัดงานต้อนรับ นางรูธ โพรัท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่มาเยือนไทยและประกาศว่า จะลงทุนในไทย 1,000 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 36,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region ภายในปี 2572 หรือ 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะช่วยสร้างงานกว่า 14,000 ตำแหน่ง ช่วงปี 2568-2572 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 140,000 ล้านบาท ภายในปี 2572 ถ้าเอาค่าเงินบาทที่ปิดตลาดวันที่ 30 กันยายน 32.20 บาทคูณเงินลงทุนจะเหลือ 32,000 ล้านบาท และมูลค่าเศรษฐกิจ 4,000 ล้านดอลลาร์ จะเหลือ 128,800 ล้านบาท

หลังจากแถลงข่าวเสร็จ นายกฯแพทองธาร ก็ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่ นางรูธ โพรัท ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการเชิญ คณะรัฐมนตรี นักธุรกิจยักษ์ใหญ่ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง มีการทำข่าวกันเอิกเกริก นางรูธ โพรัท เองก็คงสงสัย นายกฯไทยตื่นเต้นอะไร เงินลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์จิ๊บจ๊อยมาก และไม่ได้ลงทุนทันที แต่ทยอยลงทุนใน 5 ปี

ก่อนหน้านี้ ปลายเดือนพฤษภาคม 2567 นางรูธ โพรัท ประธานฝ่ายการลงทุนของอัลฟาเบธ ก็เพิ่งไปประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ใน มาเลเซีย มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ (สองเท่าที่จะลงทุนในไทย) คิดเป็นเงินบาทตอนนั้น 73,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region เช่นเดียวกับไทย รองรับบริการต่างๆของกูเกิล อาทิ เสิร์ชเอนจิ้น เวิร์ก สเปซ กูเกิลแม็ป รวมถึงบริการด้านเอไอ โดย นางโพรัท ประกาศว่า เป็นการลงทุนมูลค่าสูงสุดในภูมิภาคนี้ ก็จริงเพราะลงทุนในมาเลเซียมากกว่าไทยถึงสองเท่า แต่ นายกฯมาเลเซีย ก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับใหญ่โตที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนนายกฯไทย

ถ้าเทียบกับ สิงคโปร์ ก็ต้องบอกว่าทิ้งเพื่อนบ้านไม่เห็นฝุ่น ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ต้องพูดถึงแล้วเดือนธันวาคม 2566 รัฐบาลสิงคโปร์ได้เปิดตัว “ยุทธศาสตร์เอไอแห่งชาติ National Al Strategy 2.0” ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัปเดตของการใช้ AI เพื่ออำนวยความสะดวกให้องค์กรต่างๆในสิงคโปร์สามารถเข้าถึง หน่วยประมวลผลกราฟิกที่ทันสมัยของ Google Cloud และ แพลตฟอร์ม Vertex AI เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ สามารถสร้างและทดสอบโซลูชัน Generative AI ของตนเอง ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ในระบบคลาวด์และสามารถควบคุมได้

...

ความจริง การตั้ง Data Center ในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถึงขนาดต้องเปิดทำเนียบรัฐบาลเลี้ยงฉลองใหญ่ ข้อมูล Data Center Map ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 ระบุว่า ประเทศไทยมี Data Center 33 แห่ง มากเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ (58 แห่ง) และมากเป็นอันดับ 6 ในเอเชีย มากกว่าเกาหลีใต้ ซึ่งมีเพียง 29 แห่ง เฉพาะ Data Center ของ TRUE ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของไทย บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด ก็มี Data Center ของบริษัทเองถึง 7 แห่ง อยู่ในประเทศไทย 5 แห่ง เวียดนาม 1 แห่ง เมียนมา 1 แห่ง

เมื่อต้นปีนี้ ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ ได้ลงทุนเพิ่มกว่า 10,000 ล้านบาท ขยายดาต้าเซ็นเตอร์ที่บางนาและเมืองทองให้เป็น Green Data Center เต็มรูปแบบ ขึ้นแท่นเป็น ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใหญ่กว่าของกูเกิลที่จะมาลงทุนในอนาคตเสียอีก พร้อมเปิดให้บริการในปีหน้า 2568 รองรับระบบคลาวด์ ระบบโซเชียลมีเดีย OTT คอนเทนต์สตรีมมิง สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบคลาวด์ต่างประเทศ และบริการ Internet Exchange

ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยคือ รัฐบาลไม่มียุทธศาสตร์ชาติด้านเทคโนโลยีอนาคต เหมือน มาเลเซีย ที่มี ยุทธศาสตร์เซมิคอน ดักเตอร์แห่งชาติ (National Semiconductor Strategy) หรือ สิงคโปร์ ล่าสุดมี ยุทธศาสตร์เอไอแห่งชาติ (National AI Strategy 2.0) สองประเทศนี้จึงมีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ไปลงทุนมากมาย โดยไม่ต้องใช้นายกฯเป็นเซลส์แมน ไม่ต้องเปิดทำเนียบรัฐบาลฉลองกับเงินลงทุนแค่พันล้านเหรียญ เขาลงทุน เพราะน่าลงทุน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม