การแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 10,000 บาท ให้กลุ่มคนพิการ และผู้ถือบัตรคนจน (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) 14.55 ล้านคน จำนวน 145,500 ล้านบาท โอนผ่านพร้อมเพย์ไปให้เรียบร้อยแล้ว มีราว 3 แสนกว่าคนที่ยังโอนไม่ผ่าน เพราะไม่ได้ผูกพร้อมเพย์และข้อมูลบัตรคนพิการชำรุด จะโอนให้อีกรอบ 22 ตุลาคมนี้ คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง กล่าวว่า การโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่าทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก มีความคึกคักมาก ซึ่งก็คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะส่งผลบวกต่อจีดีพีปีนี้ได้ 0.35% และหากเฟส 2 เติมเงินให้กับประชาชนได้ถูกจังหวะ ก็จะเป็นแรงเสริมให้กับเศรษฐกิจต่อไป

ก็จริงอย่างที่ คุณจุลพันธ์ รัฐมนตรีช่วยคลัง คาดการณ์ เวลานี้สองค่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่ โลตัส บิ๊กซี กำลังจัดโปรโมชันต้อนรับ ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมอบคูปองส่วนลดตั้งแต่ 30-1,300 บาท ซื้อมากลดมาก ซื้อหมดทั้ง 10,000 บาทได้ลดสูงถึง 10% สุดท้ายเงินอาจไม่เหลือไปถึงร้านค้ารายย่อยปลายทางตามซอกซอยและหมู่บ้าน

คุณจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หากโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการแล้วเสร็จทั้งโครงการ จากเม็ดเงินประมาณ 450,000 ล้าน บาท เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาอยู่ในเกณฑ์ระดับศักยภาพได้ไม่ยาก เราไม่ได้ยอมรับว่าศักยภาพของประเทศไทยเศรษฐกิจขยายตัวได้เพียง 2% กว่าต่อปี เราอยากเห็นเศรษฐกิจไทยเติบโตในศักยภาพที่ 5% ต่อปี

ก็เป็นเรื่องดีที่รัฐมนตรีช่วยคลังมีความฝันที่ดีเช่นนี้ คนไทยทุกคนก็อยากเห็นจีดีพีไทยกลับมาเติบโตร้อนแรงที่ 5% ต่อปีเหมือนในอดีต จนต้องทำงบประมาณเกินดุลเพื่อดับความร้อนแรง แต่หนึ่งทศวรรษที่หายไปในยุค คสช. ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนปวกเปียก ประชาชนยากจนลง ต้องแบมือรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล กลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปไหนไม่รอด

...

ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้า ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลสำรวจต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ผ่านผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ถือบัตรผู้พิการ โดยการแจกเงินสดผ่านพร้อมเพย์คนละ 10,000 บาท แบบไม่จำกัดการใช้จ่าย พบว่า ส่วนใหญ่ 93% อยากได้เป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ และ 7% บอกว่าอยากได้เป็นเงินดิจิทัล วอลเล็ต (อันนี้แปลกมากจนไม่น่าเชื่อ) ส่วนใหญ่ 67.3% บอกว่าจะแบ่งเงินไว้ใช้หลายครั้ง รองมา 19.2% บอกว่า จะใช้หมด 1 หมื่นบาทในครั้งเดียว และ 13.5% ไม่แน่ใจ

ที่น่าทึ่งที่สุด ก็คือ สินค้าที่ผู้ถือบัตรคนจน (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) สนใจซื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก เมื่อได้รับเงินแจก 10,000 บาท อันดับ 1 ต้องการซื้อทองคำ อัญมณี 17.8% (เลยไม่รู้ว่าจนจริง หรือเปล่า) อันดับ 2 ต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า 10.7% อันดับ 3 ต้องการซื้อเครื่องมือสื่อสาร 8.8% อันดับ 4 ต้องการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 8.4% และ อันดับ 5 ต้องการซื้อสินค้าวัตถุดิบเพื่อ การเกษตรและการค้า 8.3% เห็นผลสำรวจแล้วก็แปลกใจ ไม่รู้ว่าผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน มีคนจนจริงกี่คนกันแน่?

แต่เอาเถอะ เมื่อแจกไปแล้วเงินก็หมุนอยู่ในประเทศนั่นแหละ ดร.ธนวรรธน์ คาดว่าเงินหมื่นบาทเฟสแรกที่แจกไป 145,500 ล้านบาท จะเข้ามาหมุนในระบบเศรษฐกิจได้ 2–3 รอบ ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบรวม 250,000–450,000 ล้านบาท ผลักให้จีดีพีปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 0.2–0.3% ทำให้ทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อัตรา 2.6–2.8% ค่ากลางที่ 2.7% สูงกว่าที่สภาพัฒน์ คาดไว้ 2.5% อัฐยายซื้อขนมยาย ทำให้มีเงินหมุนในระบบเพิ่มขึ้น ยังดีกว่าเงินไม่หมุน แต่ตัวเลข “บัตรคนจน” ต้องปรับปรุงให้เป็นจริงนะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม