ในบรรดา ที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก อาวุโสที่สุดน่าจะเป็น ดร.พันศักดิ์ วิญญรัตน์ รับเป็นที่ปรึกษารัฐบาลมาตั้งแต่สมัย รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ตั้งกี่ปีมาแล้ว รุ่นนั้นทั้ง ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่วางมือไปแล้วหรือ ดร.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ ดร.พันศักดิ์ ยังอยู่ยงคงกระพัน นำคณะที่ปรึกษา พรรคเพื่อไทยเดิม ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ, อ.ธงทอง จันทรางศุ หรือ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ล้วนแต่เป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์มาแล้วทั้งสิ้น

เมื่อรวมความอาวุโสกันแล้ว คนก็เลยไปมองกันที่ อายุของที่ปรึกษา จะ แก่เกินแกง หรือไม่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ออกมารับประกันคุณภาพเอง ส่วนที่ปรึกษาบางท่านก็ออกมาตอบโต้ว่า แก่แค่อายุ แต่ประสิทธิภาพไม่แก่ ยังมีไฟอยู่ อะไรทำนองนี้ แต่คำว่าแก่ก็คือแก่อยู่ดี มีคำถามมากมาย ทำไมต้องมีที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ทำไม ต้องเอาอดีตที่ปรึกษา สมัยอดีตผู้นำทักษิณ ชินวัตร มารื้อฟื้น ให้คำแนะนำการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ด้วย

ทีนี้แหละ นายกฯแพทองธาร ถูกตามจับผิดทุกวิถีก้าว เช่นการเปิด โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ หรือภาพการต้อนรับ  นักกีฬาพาราลิมปิก ที่นายกฯแพทองธารไปเข็นรถให้นักกีฬาพิการก็ไปคุ้ยเอาภาพที่สมัย นายกฯทักษิณ เป็นรัฐบาลก็มีการเข็นรถให้นักกีฬาคนพิการคนเดียวกันนี้ด้วย

ความหมายก็คือ นายกฯแพทองธาร ถูกครอบครองหรือถูกครอบงำจาก อดีตผู้นำ ทักษิณ ทุกกระบวนท่า ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย การให้ความเป็นกันเองกับประชาชน สำหรับผู้บริหารเป็นเรื่องปกติ และยิ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม

...

ถ้าเป็นการแสดงออกที่ออกมาจากภายในและความรู้สึกจริงๆ แต่เผอิญว่างานนี้อาจเหมือนจนเกินไป เลยถูกวิจารณ์ว่าเป็นการก๊อบปี้โชว์ มีคนเขียนสคริปต์ ไปฉิบ ทั้งๆที่อาจเกิดจากความจริงใจของ นายกฯแพทองธาร และเป็นความบังเอิญจริงๆ แต่นั่นก็ไม่สำคัญอีกเช่นกัน

ความสำคัญอยู่ที่ภาวะความเป็นผู้นำ

จะนำไปสู่ความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดของ นายกฯแพทองธาร เนื่องจากความอาวุโส วัยวุฒิ และประสบการณ์ในการทำงาน รวมทั้งที่มาของตำแหน่งนายกฯ จากจุดแข็ง ที่มีตัวช่วยมากมาย ก็จะเป็น จุดอ่อน ได้เช่นกัน

ในต่างประเทศมีผู้นำประเทศที่มีอายุน้อยกว่านายกฯแพทองธาร หรือเป็นนายกฯหญิง อยู่หลายประเทศ แต่สังคมและสิ่งแวดล้อมทางการเมือง มีความแตกต่างจากบ้านเรา ทั้งด้านวัฒนธรรมและความเชื่อ ต้องยอมรับว่าสังคมไทยบางครั้งก็ไม่ได้อยู่ที่เหตุผลแต่อยู่ที่ความลุ่มหลง งมงาย ต้องรู้จักอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอโอกาส

ระยะทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม