ไล่ถอดชนวนสายล่อฟ้ามือเป็นระวิง คิวล่าสุดพรรคเพื่อไทยเบรกนำรายงานนิรโทษกรรมทางการเมืองของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร วันที่ 26 ก.ย.2567
เลี่ยงการตกเป็นเป้า นำคดีความผิดมาตรา 112 มากระพือกระแสเล่นงานรัฐบาลเพิ่มเติม
ช็อตใส่เกียร์ถอยต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งล้มการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา รื้อมาตรฐานจริยธรรมนักการเมืองที่จุดพลุยื่นเข้าสู่รัฐสภาได้ไม่กี่วัน
สัญญาณไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดงดื้อๆ หลังโยนหินถามทางแล้วเจอก้อนอิฐระดมปากลับพัลวัน
เพื่อไทยปลดสลักอันตราย 2 เรื่องซ้อนๆในช่วงไม่ถึงสัปดาห์ หันไปให้น้ำหนักแก้สถานการณ์ฉุกเฉินน้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือ คู่กับปมปากท้องประชาชน เร่งโอนเงินหมื่นเข้าบัญชีกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ให้ทันเวลา
สกัดพายุอารมณ์ประชาชนก่อตัวรุนแรง เพราะให้ความสำคัญแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มมากกว่าความเดือดร้อนชาวบ้าน
เบาเครื่องแก้รัฐธรรมนูญหลังเจอแรงต้านทั่วสารทิศ แม้แต่เพื่อนร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่เอาด้วย แย่งซีนโชว์หล่อเล่นบทพระเอก ขวางล้มกฎเหล็กจริยธรรม
โยนบทให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชน ขืนดันทุรังไปต่อมีแต่แหกโค้งลงข้างทาง
เส้นทางอันตรายรายล้อม ทั้งกระแสสังคมคัดค้าน เพื่อนร่วมรัฐบาลชิ่งหนี และคุมเสียงสว.ไม่ได้
ล่าสุดคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ วุฒิสภา ปรับแก้กฎหมายประชามติที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร กำหนดเสียงผ่านเกณฑ์ประชามติ เฉพาะประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ
...
การแก้รัฐธรรมนูญเจอช่องทางยากขึ้นกว่าเดิม ต้องฝ่าด่านเสียงข้างมาก 2 ชั้น ถึงจะได้รับฉันทานุมัติจากเสียงประชาชนให้ดำเนินการได้
เจาะจงออกลูกเขี้ยวเกณฑ์ผ่านประชามติเฉพาะประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนประชามติประเด็นอื่นๆให้ใช้แค่เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงลงคะแนนเท่านั้น
มีแต่ค่ายกลดักสกัดเต็มไปหมด สัญญาณไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นถี่ๆแบบผิดธรรมชาติ
เพื่อไทยไม่สามารถคุมเกมแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นตามที่ต้องการ ทะเล่อทะล่าลุยต่อคงเจอซอยตัน
เสี่ยงถูกสุมไฟลุกลามเป็นชนวนเรียกแขกลงถนน ขับไล่รัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เผชิญเส้นทางอันตรายเหมือนยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สถานการณ์บังคับต้องพับแผนใหญ่ รวมถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เปิดโอกาสให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาติดคุกในคดีทุจริต สามารถเป็นสมาชิกพรรคได้ พลอยถูกเก็บเข้าลิ้นชักไปด้วย
กองทัพสีแดงถอยทะลุซอย ถอนแผนหลักและแผนประกอบ รอประเมินทิศทางลมใหม่
ไม่ต่างจากสายบู๊ พรรคประชาชนยังต้องผ่อนคันเร่งตามมาติดๆ แขวนการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ปมจริยธรรมนักการเมืองเช่นกัน
ผวาติดกับดักนิติสงคราม ถูกยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระทำการเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 สส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ตามร่องรอยที่ 2 พรรคต่างมีบาดแผลจริยธรรมติดตัว เพื่อไทยเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นสภาพการเป็นนายกฯ ส่วนพรรคประชาชนก็มีคดี 44 สส.ถูกขึ้นบัญชีตรวจสอบทำผิดจริยธรรมร้ายแรงอยู่ในชั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช.
ทีมนักร้องจ้องเขม็งเล็งยื่นสอยยุบพรรค รอปะติดปะต่อข้อมูล ผูกโยงการยื่นแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ของ 2 พรรค เพราะมีผลประโยชน์พลอยได้ จากคดีจริยธรรมที่เป็นชนักปักหลัง
อารมณ์หวาดระแวงของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ไม่ไว้ใจพรรคอันดับ 1 และ 2 จับมือรื้อปมจริยธรรม และริบดาบองค์กรอิสระ อาวุธหนักที่เป็นเขี้ยวเล็บสำคัญของฝ่ายอำนาจเก่า
ผวาดีลลับข้ามขั้วแก้รัฐธรรมนูญ ต้องส่งสัญญาณต่อต้านสุดกำลัง หากพรรคร่วมรัฐบาลไปเห็นดีเห็นงาม คล้อยตามการแก้ไข อาจติดร่างแหถูกล้มกระดานตามไปด้วย
แรงเขย่าแก้รัฐธรรมนูญ สะเทือนเสถียรภาพนายกฯหญิงที่กำลังเริ่มต้นพิสูจน์ฝีมือทำงาน
จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญการทำงานให้ถูกที่ ถูกทาง และถูกเวลา หากจะท้าชนงัดข้อกับของแข็ง ก็ไม่ต่างจากวิ่งชนปังตอ
เลี่ยงความเสี่ยงถูกปิดสวิตช์เร็ว อาจอยู่ได้ไม่ครบเทอม!!!
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม