“ภูมิธรรม” ยัน เงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเฟสต่อไปมีแน่ ขอให้รอบแรกจบก่อน พิสูจน์รัฐบาลทำจริง ไม่กังวลคนขู่ร้องซื้อเสียง ด้าน ก. คลัง เผยวันนี้โอนให้กลุ่มเปราะบาง 4.5 ล้านคนเรียบร้อย ส่วน 27 ก.ย. บัตรประชาชนลงท้ายเลข 4-7
วันที่ 26 กันยายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกระแสตอบรับของประชาชนหลังจากที่การกดปุ่มคิกออฟแจกเงิน 10,000 บาท ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ว่า ตนขออย่าเพิ่งพูดถึงว่ากระแสอะไรดีหรือไม่ดี แต่จากการติดตามข่าวประชาชนก็ให้ความสนใจและดีใจ เห็นบางคนนั่งเฝ้ารอกดเงินตั้งแต่เที่ยงคืน ซึ่งการดำเนินการก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนประเด็นที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมารอเก็บเงินจากกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน 10,000 บาทเลยนั้น หากมีอะไรกระทบเราก็จะมีการพิจารณาหาทางแก้ไข แต่สำหรับประชาชนเมื่อได้จ่ายไปแล้วก็จะถือเป็นการตัดหนี้ไปเลย เท่าที่ดูก็ถือว่าดี เพราะเป็นดุลยพินิจ เป็นสิทธิของประชาชนที่เขาประสบปัญหาและแก้ปัญหาของเขา
ส่วนข้อกังวลที่ว่าเฟสต่อไปจะได้หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า เดิมที่เราคิดจะจ่ายทั้งหมด แต่เมื่อมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้บอกไว้แล้วว่าเดี๋ยวรัฐบาลจะไล่จ่าย ขณะนี้ขอจ่ายกลุ่มแรก 14.5 ล้านคนก่อน เพราะถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่น่าเห็นใจที่สุด และรัฐบาลก็ดำเนินการช่วยเหลือไปตามลำดับ ยืนยันว่าจะให้คนที่ลงทะเบียนไว้แล้วทั้งหมด
เมื่อถามย้ำ จะให้ความสบายใจได้ใช่หรือไม่ว่าจะได้เมื่อไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ก็จ่ายให้เห็นแล้ว แม้ที่ผ่านมาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็พิสูจน์ให้เห็นและให้ความมั่นใจแล้ว นายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็อธิบายแล้วว่าเราแบ่งเป็นเฟส ถึงอย่างไรคนที่ลงทะเบียนไว้ก็จะได้หมด แต่กระบวนการขณะนี้เป็นเพียงเฟสแรกคือ 14.5 ล้านคน ยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลได้ทำในสิ่งที่ควรจะเป็นแล้ว ส่วนที่บางพรรควิจารณ์ก่อนหน้านี้ว่าเลื่อนลอย ขณะนี้รัฐบาลก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ส่วนรอบ 2 รอบ 3 ค่อยดูตามความเหมาะสม
...
ขณะที่คำถามว่าภายในปี 2567 เฟส 2 จะได้หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า “เราก็ทำไม่หยุด แต่จะได้เมื่อไหร่เดี๋ยวท่านก็เห็น ยืนยันว่าเราทำไม่หยุด เราทำทุกวัน” เมื่อถามว่าที่รองนายกรัฐมนตรีระบุว่าจะแบ่งหมายถึงอะไร นายภูมิธรรม เผยว่า เดี๋ยวดูรายละเอียด อาจจะแบ่งเป็นกลุ่มหรืออาจจะแบ่งเป็นงวด แต่เมื่อทุกคนอยากได้ก็พยายามทำให้ทั่วถึงก่อน นี่จึงเป็นวัตถุประสงค์ที่เราพยายามนำระบบนี้เข้ามา เพื่อให้ได้เรียนรู้ในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ สิ่งที่ทำก็ถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่มีอยู่ เราจึงไม่ต้องไปเน้นเงื่อนไขอื่นให้มาก แต่เราก็พยายามทำ พร้อมย้ำว่าทุกคนจะได้หมด และจะมีการประกาศเป็นระยะ
“ไม่อยากจะให้พูดอะไรไปทั้งหมด เดี๋ยวจะมาบอกว่าไม่ได้ ก็จะเป็นการทำลายความหวังมากกว่า แต่มันเป็นการยืนยันและพิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้แล้ว ที่บอกว่าทำไม่ได้ก็ทำได้แล้ว และทำตามสิ่งที่ประชาชนอยากได้ ส่วนที่เหลือก็ยืนยันว่าจะทำ แต่ขอรอให้รอบแรกจบก่อนแล้วค่อยมาถาม”
สำหรับกรณีที่คนตกเกณฑ์เงื่อนไขทำให้ไม่ได้รับเงิน แล้วมาเรียกร้องถึงคะแนนเสียงที่ได้ลงไป เพราะขณะนั้นไม่มีการกำหนดเงื่อนไขเรื่องเงินฝากและจะแจกให้ทุกคนนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามีการเสนอเงื่อนไขแรกแล้ว และท่านมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ดูตามลำดับความสำคัญ ขณะนี้รัฐบาลดูตามลำดับความสำคัญแล้ว ฉะนั้น จะให้เสียงเดียวเป็นเหมือนกันทั้งหมดนั้นมันก็ยาก แต่ขอให้คอยดูว่าผลเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดเราจำกัดไว้แล้วสำหรับคนที่ลงทะเบียน และก่อนหน้านี้หลายคนบอกว่าไม่อยากได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเราให้สำหรับคนที่อยากได้และคนที่ลำบากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงกรณีที่มีคนจะนำการแจกเงิน 10,000 บาท ไปร้องเรียนกับองค์กรอิสระว่าเป็นการซื้อเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า “ทำตามกระบวนการทางกฎหมายได้เลย ไม่ต้องกังวลอะไร รัฐบาลก็ไม่กังวล จะมีการตรวจสอบหรืออะไรก็ว่ากันไปเลยไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นของเราตอนนี้คือมีคนเดือดร้อน และรัฐบาลพยายามจะแก้ไขความเดือดร้อน ถ้าฟังตามเสียงวิจารณ์เงินก็ไม่ออกสักที ประชาชนก็จะยิ่งแย่ ฉะนั้น ควรเอาประชาชนเป็นหลักให้มากที่สุด อย่าหยิบทุกปัญหาขึ้นมา เพราะจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย”
ทางด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ได้โอนเงินช่วยเหลือให้กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีหมายเลขบัตรประชาชน ลงท้ายด้วยเลข 1-2-3 จำนวน 4.5 ล้านคน สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 04.00 น. วันนี้ ส่วนใหญ่พบว่าประชาชนที่ได้รับเงิน นำไปซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร บางส่วนก็นำเงินที่ได้ไปซ่อมแซม หรือใช้จ่ายเกี่ยวกับบุตรหลาน ขณะที่ผู้สูงอายุบางคนจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือเพื่อใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง
“การเพิ่มเม็ดเงินในระบบครั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินนโยบายรัฐบาลในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระดับพื้นที่และฐานรากตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้และสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ”
สำหรับวันที่ 27 กันยายน 2567 จะมีการโอนเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4, 5, 6, 7 ประมาณ 4.51 ล้านคน ส่วนเลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 8 และ 9 จะเป็นวันที่ 30 กันยายน 2567