ยูเทิร์นกลับลำ ใส่เกียร์ถอยดื้อๆ
โรดแม็ปรื้อรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นมาตรฐานจริยธรรมของพรรคเพื่อไทยแกนนำ รัฐบาลถูกพับเก็บใส่ลิ้นชักไปแบบเฉียบพลัน
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ขึงขังเอาจริงเอาจัง ประกาศลุยล้างนิติสงครามที่โหมกระหน่ำฝ่ายการเมือง
หนทางดูสดใสราบเรียบ เสียงสนับสนุนเพียบจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะพรรคประชาชนก็เอาด้วยเต็มที่ แถมชงร่างแก้ไขจริยธรรมเข้าสภาไปก่อนแล้ว
แม้เจอกระแสวิจารณ์หนักแก้ไขเพื่อนักการเมือง ประชาชนไม่ได้อะไร แกนนำเพื่อไทยก็พยายามชี้แจงแก้ต่างเรื่อยมา แต่ไม่ผ่อนคันเร่งยังเดินหน้าเต็มสูบ
ปรากฏว่าฝ่ายที่หวั่นไหว สะท้านแนวต้านคือพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งนานวันยิ่งออกอาการอิดออด ตอบไม่เต็มปากเต็มคำ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคชาติไทยพัฒนา
ออกลูกกั๊ก กล้าๆ กลัวๆ ไม่ชัวร์จะช่วยหรือชิ่ง
โดยเฉพาะภูมิใจไทยตัวแปรสำคัญที่เพื่อไทยเฝ้าสังเกตท่าที แรกๆเหมือนเอาด้วย แต่หลังๆจ่อจะชิ่งท่าเดียว
ท่าทีล่าสุดของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ก็ชัดเจนแล้วว่าภูมิใจไทยไม่เอาด้วย
บอกปัดแบบหล่อๆ ไว้ไมตรีเพื่อไทย ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ เพียงแต่ตอนนี้ปัญหาของพี่น้องประชาชนต้องมาก่อน จนถูกแซวว่าโชว์วิชั่นว่าที่นายกฯหรือเปล่า
“เสี่ยหนู” โยนเรื่องไปไกลๆ เนียนๆ บอกแนวทางของภูมิใจไทยคือให้มี ส.ส.ร.นั่นก็เป็นแนวทางการแก้ทั้งฉบับที่พรรคเพื่อไทยต้องทำตามที่หาเสียงไว้อยู่แล้ว
การรื้อรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวเนื่องมาตรฐานจริยธรรม จึงต้องพับแผนไปก่อน
อย่าลืมว่าค่ายน้ำเงิน “เซราะกราว” ไม่ได้มีแค่ 70 กว่าเสียงในสภาผู้แทนราษฎร แต่มีอีกกว่า 150 เสียงในวุฒิสภา การแก้รัฐธรรมนูญจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีเสียงของ สว.1 ใน 3 หรือ 67 คน เห็นชอบด้วย
...
ต่อให้ สส.ทั้งสภา 500 คนยกมือโหวตก็แก้ไม่ได้อยู่ดี กติกาล็อกไว้แบบนั้น
ดังนั้นหากภูมิใจไทยไม่เอาด้วยก็ยากจะสำเร็จ “ค่ายเซราะกราว” คว่ำกระดานหมากเกมนี้ เพราะ “ครูใหญ่บุรีรัมย์” เนวิน ชิดชอบ น่าจะได้สัญญาณอะไรมาบางอย่าง
พรรคภูมิใจไทยเองก็ยังมีชนักปักหลังคดีเขากระโดง เสี่ยงถูกยุบพรรคคาอยู่ในมือ ป.ป.ช. หากไปร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับเปิดหน้าท้าทาย เล่นกับไฟอาจได้ไม่คุ้มเสีย
เพราะพิมพ์เขียวที่พรรคเพื่อไทยกางออกมา เหาะเกินลงกา เลยธงเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไปเยอะ
กำหนดเกณฑ์ใหม่ใช้เสียง 2 ใน 3 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน ครม. สส. สว. พ้นสมาชิกภาพ รวมทั้งลดทอน จำกัดขอบเขตอำนาจ ป.ป.ช.
หนีไม่พ้นถูกครหาปิดกั้นอำนาจตรวจสอบ ที่สำคัญมันสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายอำนาจตัวจริง หลายครั้งที่ฝ่ายการเมืองไปแตะต้ององค์กรอิสระมักจบไม่สวย
ภูมิใจไทยไม่กล้าเสี่ยง ยังต้องรอเวลาเคลียร์พื้นที่เปลี่ยนถ่ายภายในองค์กรอิสระ
“เสี่ยหนู” จึงออกมาบอกปัดแบบหล่อๆ แต่เหตุผลที่บอกมานั้นก็ถูกเผง
รัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พอเริ่มนับหนึ่งทำงาน ก็ต้องลุยน้ำทันที อุทกภัยไหลหลากมาต้อนรับ แต่น้ำยังไม่ทันหมด ก็เปิดศึกลุยไฟแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียแล้ว
สถานการณ์ไม่เอื้อชาวบ้านกำลังเดือดร้อน แต่ไปทำในสิ่งที่ประชาชนไม่ได้อะไร โดนต่อว่าทำเพื่อตัวเอง ฝืนกระแสไม่ไหวแน่ ดันทุรังไปก็มีแต่กลายเป็นเหยื่อซ้ำเดิม
คนคาดหวังให้รัฐบาลแก้ไขเศรษฐกิจปากท้อง เพื่อไทยเองก็รู้ดีนี่คือภารกิจหลัก
แต่โมหะครอบงำ ผีบังตา จนไม่รู้อะไรควรทำก่อนหลัง
ชั่วโมงนี้ควรให้ความสำคัญกับโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ นั่นคือสิ่งที่ประชาชนคาดหวังรอคอย หลายคนได้เงินไปดีใจจนน้ำตาไหล
ต่อยอดแก้ไขพลิกฟื้นเศรษฐกิจ กู้กระแสเรียกศรัทธากลับมาก่อน
ถึงตอนนั้นถ้าประชาชนมีชีวิตดีขึ้นแล้ว จะแก้รัฐธรรมนูญก็คงไม่มีใครว่า.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม