วันนี้ กระทรวงการคลังจะเริ่มโอนเงินแจก 10,000 บาทลอตแรก ให้กับ ประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ผ่านระบบ “พร้อมเพย์” โดยจ่ายให้กับ คนพิการ และ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีหมายเลขบัตรประชาชนตัวสุดท้ายเป็น 0  และจะโอนต่อเนื่องตามเลขท้ายบัตรประชาชน 1-9 ในวันที่ 26, 27 และ 30 กันยายนจนครบ เป็นเงินทั้งหมด 145,500 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลกู้มาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้คงไม่สามารถ สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 3 ลูกอย่างที่รัฐบาลคุยโม้ได้แล้ว อย่างมากก็เป็นแค่ “ลมพัดคลายร้อน” เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคนเท่านั้น

ส่วน ผู้ที่ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท 36 ล้านคน คงต้องหาวเรอรอเงินดิจิทัลไปอีกนาน จนกว่า สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จะสามารถพัฒนา “แอปทางรัฐ” ให้แจกเงินดิจิทัลได้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีระบบการชำระเงินที่จะเชื่อมต่อกับธนาคารได้แต่อย่างใด

การแจกเงินสด 10,000 บาท ให้กับ ประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ยากจน ในช่วงนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดี แม้รัฐบาลจะกู้มาแจกก็ยังเป็นประโยชน์ พรรคเพื่อไทยชู โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตั้งแต่เริ่มเป็นรัฐบาล หนึ่งปีที่ผ่านไปเพิ่งจะได้แจกวันนี้

เป็นวันแรก แต่คนไทยวันนี้ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย กลับมีความยากจนเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดเจนจาก “หนี้ครัวเรือน” ที่เพิ่มขึ้นใน 1 ปีเศษที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ยอดหนี้ครัวเรือนพุ่ง ขึ้นไปกว่า 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 91% ของจีดีพี สะท้อนให้เห็นว่า หนึ่งปีเศษที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่สามารถ “สร้างงานสร้างรายได้” ให้คนไทยเพิ่มขึ้น ซ้ำร้ายกลับ “ทำให้คนไทยจนลง” และ “มีหนี้เพิ่มขึ้น” รวมทั้ง คุณภาพชีวิตก็แย่ลง

...

ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยคือ รัฐบาลไม่คิดลงทุนพัฒนาคนในด้านการศึกษาเหมือนสิงคโปร์ สร้างคนให้มีความรู้ความสามารถช่วยตัวเองได้ ทำงานหาเงินได้ ซึ่งเป็นการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนในระยะยาว แต่รัฐบาลไทยกลับคิดสั้นด้วยการแจกเงินหาเสียงเป็นครั้งคราว เมื่อประชาชนใช้เงินแจกหมด ก็กลับมาเป็นคนจนเหมือนเดิม เพื่อรอรับเงินแจกใหม่

เงิน 145,500 ล้านบาท  ที่รัฐบาลเพื่อไทยกู้มาแจก ประชาชนกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท ผมอยากให้ทุกคนเก็บไว้ใช้อย่างประหยัด บางครัวเรือนอาจโชคดีได้รับเงินหมื่นบาท 2–3 คน เป็นเงิน 20,000-30,000 บาท เหมือนถูกหวย แต่ไม่ควรรีบใช้ให้หมด ควรทยอยใช้เท่าที่จำเป็น ในอนาคตคงไม่มีเงินลอยมาแจกแบบนี้อีกแล้ว เงินที่แจกในกลุ่มจำกัดแบบนี้ คงไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลเพื่อไทยคาดหวัง การตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินเท่าที่จะทำได้ จะเป็นอนาคตที่ดีที่สุด

ที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งก็คือ หนึ่งปีเศษที่ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ไม่ได้สนใจที่จะ “สร้างคนสร้างงาน” เพื่อ “สร้างรายได้” ให้กับประชาชนอย่างจริงจัง ให้มีกิน มีใช้ อย่างมีศักดิ์ศรี อย่างที่หาเสียงไว้ ตรงกันข้ามกลับผลักดันเรื่อง กัญชา กระท่อม บ่อนกาสิโน ที่ไม่เป็นมงคลต่อประเทศชาติ และ เมกะโปรเจกต์ที่ใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งอาจมีช่องทางทุจริตคอร์รัปชันได้ง่าย

ผมอยากให้ดู ระบบของสหรัฐฯ  ผู้นำเศรษฐกิจการเงินโลกเป็นตัวอย่าง ทุกวันนี้นักลงทุนทั่วโลกต้องรอฟัง “ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ” เป็นหลัก แต่ละเดือนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยเพียงใด   เดือนไหนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมาย ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ก็พุ่งขึ้น ดัชนีหุ้นทั่วโลกก็ขึ้นตาม เดือนไหนตัวเลขการจ้างงานดลลง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ก็ลดลง ดัชนีหุ้นทั่วโลกก็ลดตาม  ถ้าการจ้างงานลดลงต่อเนื่อง แสดงว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจถดถอย  ธนาคารกลางสหรัฐฯก็ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ถ้าเราทำทุกอย่างเป็นระบบที่โปร่งใสเปิดเผยเหมือนสหรัฐฯ ไม่มีมิติผลประโยชน์ซ่อนเร้น ผมฟันธงวันนี้ได้เลยว่า ประเทศไทยเจริญกว่านี้แน่นอน

หมายเหตุ-การประชุมขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเมื่อวานนี้เลื่อนออกไปไม่มีกำหนดครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม