“วันนอร์” รอสแกนร่างแก้รัฐธรรมนูญ พท.-ปชน.บรรจุเป็นวาระประชุมรัฐสภา “ชูศักดิ์” เผยนัดถกพรรคร่วมรัฐบาล 1 ต.ค.นี้ ยันแก้ปมจริยธรรมให้เป็นธรรมมาตรฐานที่ชัดเจน ไม่ได้แก้เอื้อนักการเมือง “นันทนา” ลั่นสว.พันธุ์ใหม่หนุนแก้รายมาตรา ชี้ รธน.60 มีรูรั่วทุกจุด ย้ำจริยธรรมไม่ควรลำเลิกย้อนไปยันชาติที่แล้ว ติงอย่าล้มกติกาเลือก สว.ทั้งกระดาน “สนธิญา” ร้องห้ามรับร่างแก้ รธน.อ้างขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามมาตรา 114 ขู่ไม่หยุดฟ้อง ป.ป.ช.เอาผิดกราวรูด “สมชาย” ย้ำแค่แก้ให้บางคน เตือนอย่าดันทุรังสุดซอยจุดวิกฤติ ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” ทำงานปกติประชุมหัวหน้าส่วนราชการเลี้ยงส่งคนเกษียณ “พิพัฒน์” ขอโทษขึ้นค่าแรง 400 บาทไม่ทัน สภาสูงไฟเขียว กมธ. 21 ชุดเรียบร้อย เสียงข้างน้อยโวยได้ กมธ.ผิดฝาผิดตัว คนขายหมูนั่ง กมธ.พัฒนาการเมือง

กรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตั้งธงแก้ไขประเด็นจริยธรรมของนักการเมือง ที่ยังมีความเห็นต่างโดยเฉพาะฝ่ายไม่เห็นด้วยยังกังขาว่า แก้ไขเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองด้วยกันเอง แต่ฝ่ายที่เห็นด้วยยืนกรานต้องแก้ให้เกิดความเป็นธรรมชัดเจน ไม่ให้เป็นปัญหาต่อฝ่ายบริหาร

“วันนอร์” ชี้แก้ รธน.ต้องสมดุล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ก.ย.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เกี่ยวกับจริยธรรม สส.และรัฐมนตรีว่า มีพรรคการเมืองเสนอมาแล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนตรวจสอบของฝ่ายกฎหมาย และบรรจุระเบียบวาระการประชุม การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องประชุมร่วม 2 สภา ต้องประชุมวิป 3 ฝ่ายพิจารณาจัดสรรเวลา ประธานสภาฯไม่ควรเสนอความเห็น เป็นเรื่องของรัฐสภาที่ต้องพิจารณา แต่ทุกอย่างต้องสมดุล ทั้งประโยชน์ประชาชนและการบังคับใช้กฎหมาย

...

“ชูศักดิ์” เผยนัดถกแก้ รธน.1 ต.ค.

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบว่าช่วงบ่ายของวันที่ 1 ต.ค.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือใน 2 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) นำเสนอ พรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นอย่างไร 2.หารือความคืบหน้าในเรื่องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง เช่น เรื่องประชามติไปถึงไหนแล้ว เริ่มทำได้เมื่อไหร่ และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ได้เมื่อไหร่ คงได้ข้อยุติ

ยันแก้ให้เป็นธรรมชัดเจน

เมื่อถามว่า มีข้อครหาว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อนักการเมือง นายชูศักดิ์ตอบว่า เราเข้าใจความรู้สึกของคนในสังคมดี เรื่องความเป็นมาของรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นอย่างไร แต่เรื่องที่เราแก้ไขคือ การแก้ไขให้เป็นธรรม ชัดเจนขึ้น มีระเบียบปฏิบัติ หรือแนวทางที่ชัดเจนขึ้น ไม่ได้ยกเลิกเรื่องที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญปราบโกง เพียงแต่กำหนดให้ชัดเจนว่า ต้องนับพฤติกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่จะได้ไม่มีปัญหาสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินว่า ถ้าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องไปถามตรงนั้นตรงนี้วุ่นวายไปหมดกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ ขอย้ำว่า เราไม่ได้อยากยกเลิกอะไร เพียงแต่ทำกฎหมายให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดแนวปฏิบัติ มาตรฐานว่าจะชี้จะวัดอย่างไร

สว.พันธุ์ใหม่หนุนแก้รายมาตรา

ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่เห็นพ้องตั้งแต่ต้นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้มีปัญหาคือ รั่วทุกจุด เดิมเราต้องการให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ แต่ดูจากกระบวนการแล้วจะช้ามากอาจไม่ทัน 3 ปีที่เหลือของรัฐบาลนี้ ดังนั้นหากแก้ไขรายมาตราเพื่อลดจุดบกพร่อง และแก้ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองได้จะเป็นประโยชน์ และน่าสนับสนุน ส่วนในรายละเอียดต่างๆต้องดูกันอีกครั้งว่า แต่ละมาตราที่เสนอไปมีความสมเหตุสมผลในการปรับแก้อย่างไร เมื่อถามว่า มีข้อครหาว่าเป็นการแก้ไขเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองด้วยกันเอง น.ส.นันทนาตอบว่า ควรมีการปรับแก้เพื่อให้เกิดความชัดเจน หากบรรจุเข้าไปในกฎหมายควรต้องกำหนดให้ชัดว่า พฤติกรรมไหนผิดหรือไม่ผิดจริยธรรม และไม่ควรต้องย้อนกลับไปเมื่อชาติที่แล้วว่า เขาเคยทำอะไรไว้เมื่อ 20 ปีก่อน

ตีกันล้มกติกาเลือก สว.ทั้งกระดาน

เมื่อถามว่า กรณีมีผู้ยื่นร้องให้เพิกถอนการเลือก สว.ทั้งหมดเนื่องจากกระบวนการเลือกมีความไม่สุจริตเที่ยงธรรม น.ส.นันทนาตอบว่า กระบวนการเลือก สว.มีปัญหามาตั้งแต่ต้น ในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีเรื่องร้องเรียนกว่า 700-800 เรื่อง ควรให้เวลา กกต.ในการสะสาง และหากล่าช้าจนเกินไปถึงตอนนั้นควรไปเร่งรัดว่า ให้มีมาตรการและการตรวจสอบที่รวดเร็วกว่านี้ หาก กกต.ไม่แน่ใจ ควรส่งให้ศาลพิจารณา แต่การจะบอกว่า สว.ทั้งหมดที่เข้ามามีปัญหา และล้มกระดานเลย คิดว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่เข้ามาอย่างสุจริตโปร่งใส ตามกระบวนการที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่กลับต้องถูกล้มกระดาน เพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง

“นิกร” หวั่นแก้ รธน.ไม่ทันรัฐบาลนี้

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ นายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าแก้กฎหมายประชามติว่า กมธ.ไม่ได้แก้ไขใดๆ ในวันที่ 1 ต.ค. ที่ประชุมวุฒิสภาจะพิจารณา มีขอแปรญัตติ 1 ประเด็น คือ หลักการทำประชามติทั่วไปต้องใช้เสียงข้างมาก ถือเป็นข้อยุติ สิ่งที่แปรญัตติ คือ สำหรับการจัดทำรัฐธรรมนูญ ขอให้ใช้หลักการออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิและเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ ดังนั้นต้องรอดูว่าในระยะนั้นเกิดปัญหาหรือไม่ ส่วนประเด็นเบื้องต้นที่จะจัดทำประชามติวันที่ 2 ก.พ.68 ที่เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ทั่วประเทศ พ่วงจัดทำประชามติ ขอตั้งข้อสังเกตว่าจะทันจัดทำประชามติครั้งแรกหรือไม่ หากไม่ทันก็ต้องจัดแบบเดี่ยว หากพลาดครั้งแรก เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังทันหากวุฒิสภาไม่มีเปลี่ยนแปลงหลักการประชามติ หากมีการเปลี่ยนหลักการอาจส่งผลต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่แน่นอน อาจเสร็จไม่ทันในรัฐสภาชุดนี้ ยังถือเป็นข้อกังวล เพราะเหลือเวลาไม่ถึง 3 ปีแล้ว

“สนธิญา” ยื่นค้านอ้างขัด รธน.

ด้านนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องต่อนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอไม่ให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พท.และพรรค ปชน.หรือพรรคการเมืองอื่น เพราะเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลควรทำ นายสนธิญากล่าวว่า สส.พรรค ปชน.รวม 44 คน หรือก้าวไกลเดิม อยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในเรื่องจริยธรรม พรรค พท.และพรรค ปชน. คือ พรรคที่ถูกร้องเรียนและถูกดำเนินคดีกรณีจริยธรรมคุณธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ปุถุชนคนธรรมดาสามารถรับรู้มองเห็นได้ ไม่ต้องตีความ ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชน ทำลายความชอบธรรมของระบบการคัดสรร ตั้งบุคคลเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลีกหลบเจตนารมณ์ประชาชนไทยลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 2560 กว่า 16 ล้านคน หากดำเนินการในกลไกของรัฐสภา เตรียมยื่นเรื่องร้องสอบจริยธรรมต่อ ป.ป.ช.หรือในทุกหน่วยงานที่ทำได้

“สมชาย” เตือนอย่าดันทุรังสุดซอย

วันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตรวจสอบกันให้ดี ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสุดซอยของเพื่อไทย ชัดเจนมิใช่ประโยชน์ประเทศและประชาชน น่าจะแก้เพื่อประโยชน์คนบางคนที่อาจโดนข้อหาครอบงำพรรคให้กลับมาควบคุมพรรค การเมือง หรือลงเลือกตั้งได้อีก หรือรัฐมนตรีบางคนกำลังโดนตรวจสอบผิดจริยธรรมร้ายแรงนั้น จะผ่านความเห็นชอบจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หรือไม่ จะผ่านความเห็นชอบได้เสียง 67 เสียง 1 ใน 3 ของ สว.ที่กำลังถูกจับตาความชอบธรรมการได้มาซึ่งวิธีการเลือกกันเอง โดยอ้างเป็น สว.สายสีน้ำเงินได้หรือไม่ ถ้าผ่านความเห็นชอบทั้งวาระ 1-3 แบบสุดซอยได้ คงชัดเจนว่า สส. สว.ไม่เป็นที่พึ่งหวังได้ คงนำประเทศเข้าสู่จุดเสี่ยงวิกฤติการเมืองแน่นอน เตือนด้วยความหวังดี เลิกเถอะอย่าดันทุรัง

นายกฯประชุม หน.ส่วนราชการ

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถ่ายรูปหมู่กับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่โถงตึกไทยคู่ฟ้า ในชุดสวมเสื้อคลุมผ้าไทยโทนสีเหลืองดีไซน์สวยสะดุดตา ก่อนเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าครั้งที่ 3/2567 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) นายกฯกล่าวเปิดการประชุมว่า ขอบคุณทุกท่านมากที่ผ่านมาทุ่มเทความรู้ประสบการณ์ แรงกายแรงใจในการทำงาน หากมีอะไรขอให้ปรึกษากันได้ หรือนัดคุยนอกรอบก็ยินดีมาก อย่าคิดว่าการพบนายกฯเป็นเรื่องยาก ขอให้ติดต่อมา คิดว่าทุกคนมีความตั้งใจอย่างเดียวกันคือ พัฒนาประเทศทำให้ประชาชนมีความสุข มีประเทศที่เราเตรียมพร้อมไว้อย่างดี ฉะนั้นขอให้ติดต่อมาและร่วมมือจัดการปัญหาต่างๆด้วยกัน ตรงนี้จำเป็นมากๆ วันนี้ดีใจที่ได้พบทุกท่าน

มอบรูปคู่-ลายเซ็นส่งคนเกษียณ

จากนั้น น.ส.แพทองธาร เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เตรียมชุดเซตผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ มีรูปคู่ของคนที่เกษียณใส่กรอบลงลายเซ็นนายกฯ และรูปหมู่ที่นายกฯถ่ายกับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการ มอบให้เป็นของที่ระลึก นอกจากนี้นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำชุดเครื่องเบญจรงค์ลายพุ่มข้าวบิณฑ์พื้นทองของหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.นำสมุดไดอารีและพระผงหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร มามอบให้ด้วย

เขินเกร็งให้โอวาทข้าราชการ

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำคณะข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)ที่เกษียณอายุราชการ เข้าอำลาและรับโอวาท น.ส.แพทองธารกล่าวให้โอวาทว่า รู้สึกเกร็งพอสมควรเมื่อรู้ว่าต้องให้โอวาท แต่ต้องขอบคุณการทำงานตลอดอายุราชการ เท่าที่ดูประวัติของแต่ละท่าน พบว่านานสุด 36 ปี ถือว่าทำงานมาอย่างเนิ่นนาน มีประสบการณ์เยอะ ผ่านเรื่องราวต่างๆมาเยอะมาก เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่ทำงานเพื่อประชาชน ขอชื่นชมทุกท่าน และรู้สึกดีใจมากๆที่ได้มาเจอทุกคน ถ้ามีความรู้ประสบการณ์อะไรอยากจะแลกเปลี่ยนก็ยินดี ขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตให้เต็มที่ มีความสุขในทุกๆวัน และสุขภาพแข็งแรง

ขอโทษค่าจ้าง 400 ไม่ทัน 1 ต.ค.

อีกเรื่อง ความคืบหน้านัดประชุมคณะกรรมการไตรภาคี (บอร์ดค่าจ้าง) พิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท โดยเตรียมประกาศวันที่ 1 ต.ค.2567 นั้น วันเดียวกัน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้าง กล่าวว่า น่าจะไม่ทัน เพราะวันที่ 24 ก.ย.ไม่สามารถประชุมได้ หลังนายเมธี สุภาพงษ์ ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลาออกจาก ธปท. เท่ากับไม่ได้เป็นบอร์ดค่าจ้างแล้ว ธปท.ต้องส่งผู้แทนคนใหม่มา ที่แต่งตั้งตามมติ ครม. อาจเลื่อนไปอีก 1-2 สัปดาห์ หลังตนเกษียณก็เป็นหน้าที่ปลัดกระทรวงแรงงานคนใหม่ ทั้งนี้ ค่าแรงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างต่างมีเหตุผล

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้ทำหนังสือถึง ธปท. กรณีบอร์ดค่าจ้างตัวแทน ธปท.ส่งผู้แทนคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน ขณะนี้จำเป็นต้องเลื่อนประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะได้ตัวแทนบอร์ด 3 ฝ่ายครบ 15 คน ถ้าไม่ครบโหวตไปก็แพ้นายจ้าง ขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญา แต่ยืนยันเดินหน้าปรับขึ้นค่าจ้าง

25 ก.ย.โอนเงินหมื่น 3.17 ล้านคน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า กรม บัญชีกลาง มีความพร้อมโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ตามมติ ครม.ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ 14.55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท วงเงินรวม 145,552 ล้านบาท ทยอยโอน 4 วัน เข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ ระหว่างวันที่ 25-30 ก.ย. เริ่มวันแรกวันที่ 25 ก.ย. โอนให้ คนพิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 0 จำนวน 3.17 ล้านคน วันที่ 26 ก.ย. โอนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลข 1, 2, 3 จำนวน 4.51 ล้านคน วันที่ 27 ก.ย. โอนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 4, 5, 6, 7 จำนวน 4.51 ล้านคน และวันที่ 30 ก.ย.โอนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลข 8, 9 จำนวน 2.25 ล้านคน เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้วสามารถโอนหรือถอนเป็นเงินสด นำไปใช้จ่ายโดยไม่มีข้อยกเว้น

สภาสูงเดือดด้อยค่า สว.อกหัก

ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาเห็นชอบการตั้ง สว.เป็นกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะ นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ อภิปรายว่า การจัดสรร สว.เป็น กมธ.คณะต่างๆ ไม่ตรงคุณสมบัติ เช่น นายเศรณี อนิลบล นางกัลยา ใหญ่ประสาน สว.กลุ่มเกษตร ไม่มีชื่อใน กมธ.เกษตรและสหกรณ์ โดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว.ประธาน กมธ. สรรหา สว.เป็น กมธ.สามัญคณะต่างๆ ชี้แจงว่า ตามข้อบังคับให้ สว.เป็น กมธ.คนละไม่เกิน 2 คณะ คณะใดมี สว.สมัครเกินจำนวน ให้ไกล่เกลี่ยก่อน ถ้ายังเกินให้จับสลากหรือเลือกกันเอง กมธ.เกษตรฯใช้วิธีเลือกกันเอง ขณะที่นายเศรณีกล่าวว่า กมธ.สรรหาฯไม่เคยให้แสดงวิสัยทัศน์ เขียนทำไมพิจารณาตามคุณสมบัติ ถ้าจะผิดก็แค่ไม่ใช่พวกเดียวกับท่าน ทำให้ พล.อ.สวัสดิ์ชี้แจงว่า ไม่ใช่แค่นายเศรณีคนเดียว บางคนก็ไม่ได้ตามที่ตั้งใจ กระทั่งนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.เลขานุการ กมธ.สรรหาฯ กล่าวว่า กมธ.เกษตรฯไม่มีนายเศรณีก็สามารถทำงานได้ดี ทำให้ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ประท้วงว่า เป็นคำพูดด้อยค่า การเลือก กมธ.ไม่ตรงสายงานประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร จนท้ายที่สุดที่ประชุมให้การรับรองรายชื่อ กมธ.ทั้ง 21 คณะ

“นันทนา” โวยล็อกเก้าอี้ผิดฝาผิดตัว

น.ส.นันทนาให้สัมภาษณ์ว่า มี กมธ.บางคณะมีคนต้องการเป็นเกินกว่า 18 คน สุดท้ายต้องเกลี่ยกัน โดยหลักการไกล่เกลี่ยควรดูในกลุ่มอาชีพของ สว.ที่เข้ามา แต่ความเป็นจริงใช้วิธีการโหวต คือให้เลือกกันเองให้ได้เหลือ 18 คน จึงได้ สว.ที่ผิดฝาผิดตัว ไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพที่เข้ามา เช่น สว.กลุ่มท่องเที่ยวสมัครเข้าไปอยู่ใน กมธ.การท่องเที่ยว กลับไม่ได้รับเลือกเพราะการโหวต เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบในการเกลี่ย เพราะทำงานพัฒนาการเมืองมาตลอดแต่ถูกโหวตออกจาก กมธ.พัฒนาการเมือง ได้คนขายหมูเข้ามาอยู่ใน กมธ.ฯ ขอฟ้องประชาชนขบวนการคัดสรร กมธ.มาจากกระบวนการเสียงข้างมากได้คนที่ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่ ยังไม่ต้องพูดถึงประธาน กมธ.ที่มีการล็อกตัวไว้แล้ว ขณะที่นางกัลยา ใหญ่ประสาน สว.กลุ่มเกษตรกร กล่าวว่า ถ้าจะให้แฟร์ไม่ควรโหวต เพราะเสียงข้างน้อยทำอย่างไรก็แพ้

ไล่จิก “อิ๊งค์” ลาออกบริษัทผิดขั้นตอน

ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กรณีลาออกจากกรรมการบริษัท 20 แห่ง โดยเทียบเคียงกับการลาออกจากบริษัทของ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายเรืองไกรกล่าวว่า กรณี น.ส.ซาบีดาได้เขียนคำขอและเซ็นเอกสารแล้วไปยื่นขอจดทะเบียนแบบ บอจ.1 เมื่อเทียบกับกรณี น.ส.แพทองธารไม่ได้เซ็นอะไรเลย ขอให้ กกต.ย้อนตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ยื่นลาออกจากกรรมการบริษัทจดทะเบียนชอบด้วยกฎหมาย และขั้นตอนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุไว้หรือไม่ หากแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานจะเข้าข่ายผิด ป.อาญาด้วย

ศาลถอนสิทธิ ลต.ลูกพรรค ภท.10 ปี

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษาคดีที่ กกต.ยื่นขอให้ศาล มีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายสมชาย เล่งหลัก อดีตผู้สมัคร สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. กรณีจับได้ว่า ใช้เงินซื้อเสียง เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2566 ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาคดีซื้อเสียง ติดต่อกันทางโทรศัพท์ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งกับนายสมชายมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการจัดเตรียมจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิ เลือกตั้งเพื่อจูงใจลงคะแนนให้ อันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ศาลฯพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสมชาย เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา