เมื่อวานผมเขียนถึงการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งใจสรุปรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่มีเวลาน้อย แต่สนใจในประเด็นนี้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล เพื่อไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ขอแก้ตัวเลขที่ผมคัดลอกมาผิด เพื่อให้ถูกต้องเสียก่อนนะครับว่า ผลการลดดอกเบี้ยแบบ “จัมโบ้” หรือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ครั้งนี้ ทำให้ ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 4.75–5.00 เปอร์เซ็นต์ มิใช่ 4.50-5.00 เปอร์เซ็นต์ที่ผมเขียนไว้เมื่อวาน

มีข่าวบางสำนักที่พิมพ์ตัวเลขผิดในการรายงานตอนแรกๆ ซึ่งผมเผอิญไปปรินต์ไว้ก่อนจึงนำมาใช้โดยมิได้ตรวจสอบ แต่ตอนหลังเอะใจ เพราะรายงานล่าสุดทุกสำนักใช้ 4.75 ทั้งสิ้น จึงตรวจสอบใหม่ และปรากฏว่าที่ถูกต้องคือ 4.75 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน เนื่องจากผมตั้งใจจะสรุปข้อเท็จจริงเพื่อบันทึกไว้เสียมากกว่า เมื่อวานนี้จึงมิได้เขียนถึงประเด็นที่ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ตอบคำถามนักข่าวในเรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องลดดอกเบี้ยด้วยหรือไม่?

นอกจากจะเขียนแสดงความเห็นด้วยกับท่านอย่างสั้นๆ ว่า ถูกต้องแล้วที่ท่านตอบผู้สื่อข่าวว่า การลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะไม่มีผลต่อการลดดอกเบี้ยของเราโดยตรง เนื่องจากในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเราได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว โดยอาศัยข้อมูลและข้อเท็จจริงของประเทศเราเป็นหลัก

ทั้งหมดนี้ เป็นคำตอบที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะปรับขึ้นหรือปรับลดอย่างไรในอนาคตเราก็ต้องดูผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศของเราเป็นหลัก เมื่อนาทีนี้ยังไม่มีข้อมูลตัวเลขอันใด เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การใช้อัตราเดิมต่อไป จึงเป็นเรื่องถูกต้อง

...

ในความเห็นส่วนตัวของผม...ผมค่อนข้างเชื่อว่าในที่สุดเราเองก็คงต้องปรับลดลงบ้าง จะมากจะน้อยอย่างไรเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ จะต้องพิจารณาผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ประเทศเราอย่างครบถ้วน

ดังนั้นที่ท่านตอบอย่างกลางๆ เช่นว่านี้จึงถูกต้องแล้วเพราะทุกคำพูดของท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติหรือท่านผู้ว่าการธนาคารกลางทุกๆ ประเทศมักจะถูกนำไปตีความอยู่เสมอๆ จะไปพูดอะไรโพล่งๆ หรือไม่มีหูรูด อาจนำไปสู่ผลกระทบที่คาดไม่ถึงขึ้นได้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ติดตามการทำงานของท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติท่านนี้ผ่านข่าวสารต่างๆ ผ่านการพูดจาปราศรัยของท่านในหลายเวที และสำคัญที่สุดคือ จากข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม

ผมให้คะแนนท่านค่อนข้างสูง และมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ในความรับผิดชอบดูแลของท่านผู้ว่าการท่านนี้ได้แสดงศักยภาพให้เห็นว่าไว้ใจได้

แต่แน่นอนในท่ามกลางสมรภูมิการเงินอันมหึมา และสับสนของโลก ซึ่งมีทั้งปีศาจการเงิน ทั้งฉลามการเงินร้อยเล่ห์พันเล่ห์แฝงตัวอยู่ด้วย...สิ่งที่ผมเป็นห่วงเสมอๆก็คือ เราอาจจะพลาดอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น

ดังนั้น นอกจากแอบให้คะแนนท่านแล้ว ผมยังแอบสวดมนต์ให้ประเทศเราพ้นภัยจากพวกฉลามไปด้วยพร้อมๆกัน

ผมจึงขอยืนยันอีกแรงหนึ่งว่า จะขอเป็นช่อดอกไม้ที่คอยให้กำลังใจท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยท่านนี้ต่อไป

ท่านทำในสิ่งที่ถูกมาตลอดตั้งแต่การไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล ถือเป็นคุณแก่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง (แม้จะห้ามไม่อยู่) และที่ท่านเสนอว่า ประเทศไทยควรหยุดไล่ล่าหาอัตราเติบโตจีดีพีสูง จนถูกรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมา “บูลลี่” นั้น ผมก็เห็นว่าท่านพูดถูกแล้ว รัฐมนตรีคนที่ว่าเสียอีกที่ “เชย” และตกยุคไปแล้ว ที่ยังคลั่งไคล้ GDP อย่างไม่ลืมหูลืมตา

ผมเป็นคนหัวโบราณครับ และเชื่อเสมอว่า “คนทำดี” และทำในสิ่งที่ถูกต้อง จะตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้...เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง จึงขอส่งกำลังใจมาถึงท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติ ขอให้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไปนะครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม