เลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี “บิ๊กแจ๊ด” สางแค้น คะแนนทิ้งห่าง “ชาญ” ไม่เห็นฝุ่น “พี่เขยลูกหมี” บ้านใหญ่เมืองชุมพร นอนมาใสๆ “วิสุทธิ์” นัดคุยวิปพรรคร่วม รบ. ทำความเข้าใจเบื้องต้นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปมมาตรฐานจริยธรรม ย้ำต้องตัดสินใจร่วมกัน “เชิดชัย” มั่นใจได้รับความเห็นชอบจากเสียงในสภา “สรรเพชญ” จี้แก้ปัญหาปากท้องสำคัญกว่า ขืนใช้พวกมากลากไปคนสิ้นศรัทธา สว.พันธุ์ใหม่เอาด้วยแก้ปมจริยธรรม ไม่กล้าเดาเสียงข้างมากเอาไง ฉะยุบพรรคง่ายทำลายอุดมการณ์การมีส่วนร่วม รทสช.ยืนกรานไม่รวม ม.112 อยู่ในร่างนิรโทษกรรม “เรืองไกร” เล่นจุกจิกยื่นสอย “อิ๊งค์”
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล เตรียมหารือตัวแทนวิปพรรคร่วมรัฐบาล ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม ในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อทำความเข้าใจ
“วิสุทธิ์” นัดคุยวิปพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า พรรคเพื่อไทยยื่นตัวร่างไปแล้ว การพูดคุยในการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) วันที่ 23 ก.ย. เพื่อแจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบด้วย ส่วนที่มีบางพรรคไม่เห็นด้วยเรื่องแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม เพราะเกรงจะเอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง และอาจถูกร้องตีความนั้น ประเด็นจริยธรรมยังมีอยู่ แต่ต้องมีขอบเขต คนจะได้ระมัดระวังไม่ทำต่อ เช่น กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสียงข้างมากเกินแค่ 1 เสียงก็พ้นตำแหน่งนายกฯแล้ว ควรเพิ่มเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่านี้ได้หรือไม่ และต้องดูเรื่องลหุโทษด้วย เช่น หากไปขับรถชนคนตาย ต้องดูว่าขาดจริยธรรมหรือไม่ เชื่อว่าหากพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าหลังพูดคุยในวิปรัฐบาลมั่นใจหรือไม่จะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภา นายวิสุทธิ์ตอบว่า ต้องคุยกันก่อน เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน
...
มั่นใจได้รับความเห็นชอบจากสภา
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาลทำความเข้าใจการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราประเด็นมาตรฐานจริยธรรมจะทำความเข้าใจกับพรรคร่วมได้ เรื่องมาตรฐานจริยธรรมเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ที่ผ่านมาการตีความไม่ชัดเจน เห็นด้วยกับการแก้ไขให้ใช้เสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 ใน 3 ในการพิจารณาถอดถอน สส. และ ครม. แทนการใช้เสียงข้างมาก โดยเฉพาะคดีสำคัญเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของนักการเมือง อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประเทศ เช่น คดีถอดถอนนายกฯ จำเป็นต้องใช้เสียง 2 ใน 3 เป็นเกณฑ์ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มาจากตัวแทนประชาชน แม้จะมีแรงต้านในการแก้ไขก็ต้องทำความเข้าใจ ถ้าไม่แก้ก็อยู่แบบเดิม นักลงทุนที่ไหนจะกล้ามาลงทุนในไทย มั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบจากเสียงในสภา และพรรคร่วมรัฐบาล
“สรรเพชญ” จี้แก้ปากท้องก่อน
ด้านนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กลุ่มนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า แปลกใจที่รัฐบาลเพิ่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ไม่กี่วัน ก็ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ที่กำลังเผชิญปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะการเอาคำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ออกจากรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่าหากเป็นนักการเมืองขี้โกงเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศจะเกิดความเสียหายได้ ดังนั้น ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ต้องคงอยู่เพื่อเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมให้กับนักการเมืองต่อไป แม้พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะจับมือร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีโอกาสผ่านได้ง่าย แต่ต้องอาศัยเสียง สว.เพื่อให้ได้รับความเห็นชอบ จึงขอให้ผู้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชี้แจงให้ชัดว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ หรือจะทำให้ประชาชนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีการเมืองดี มีปากท้องดีได้อย่างไร
ใช้พวกมากลากไปคนสิ้นศรัทธา
นายสรรเพชญกล่าวอีกว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์พวกมากไปทำเรื่องเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง หากจะแก้รัฐธรรมนูญควรถามประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงก่อน สส.เข้ามาใช้อำนาจไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง เพราะเคยเสียผลประโยชน์จากเรื่องนี้ หากดันทุรังสุดซอย ประชาชนจะหมดศรัทธา การที่ สส.ใช้อำนาจ ทรัพยากรของประเทศแทนประชาชน ต้องยอมรับการตรวจสอบที่โปร่งใสและเข้มงวด หากเราทำให้การตรวจสอบอ่อนแอลง ระบบการเมืองจะเสียความน่าเชื่อถือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเน้นไปที่การเพิ่มความโปร่งใสและเสถียรภาพให้กับระบบการเมือง แทนที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อนักการเมืองบางกลุ่ม
สว.พันธุ์ใหม่เชียร์แก้ปมจริยธรรม
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า ทางกลุ่มคงมีการหารือประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก สส.เสนอมาหลายประเด็น ต้องรอดู สส.จะตอบรับเรื่องนี้อย่างไร ส่วนที่บางพรรคการเมืองเห็นแย้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรม เกรงจะเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองนั้น เรื่องจริยธรรมควรเป็นเรื่องกลุ่มบุคคลที่อยู่ในวิชาชีพนั้นๆ วินิจฉัยกันเองว่าพฤติกรรมเช่นนี้สอดคล้องจริยธรรมวิชาชีพหรือไม่ แล้วลงโทษกันเอง เรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรม ควรปรับให้สอดคล้องจริยธรรมในกลุ่มคนที่ดำรงตำแหน่งต่างๆพิจารณากันเองจะเหมาะสมกว่า แทนที่จะเอาเรื่องจริยธรรมมาเป็นสิ่งให้คุณให้โทษในลักษณะอาจกลั่นแกล้งกันทางการเมือง อาจรุนแรงกว่าที่ควรได้รับ เช่น การวินิจฉัยตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ทั้งที่การทำผิดแต่ละกระทงควรเป็นสัดส่วนตามความผิดนั้นๆ หากปรับปรุงส่วนนี้ ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเรื่องจริยธรรมเป็นนามธรรมสูงมาก
ให้รอดู สว.เสียงข้างมากเอาไง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคการเมืองมีข้อเสนอทบทวนเงื่อนไขการยุบพรรค น.ส.นันทนาตอบว่า การยุบพรรคทำให้คนมีอุดมการณ์ตรงกันต้องแยกสลาย พรรคการเมืองควรเป็นสถาบันที่คนมารวมตัวกันแสดงออกทางอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน จึงควรตั้งง่าย ดำรงอยู่ได้ ตราบใดที่มีประชาชนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน ไม่ควรถูกยุบโดยความผิดกรรมการบางคน หรือคำวินิจฉัยที่เหวี่ยงแห หากนักการเมืองทำผิดควรตัดสินเป็นคนๆ ถ้าแก้ไขตรงนี้พรรคการเมืองจะมีเสถียรภาพได้ แสดงอุดมการณ์สอดคล้องความต้องการประชาชน เมื่อถามถึงแนวโน้มการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สว.ชุดปัจจุบันจะออกมาเป็นอย่างไร น.ส.นันทนาตอบว่า คงตอบแทนกลุ่มที่เป็นเสียงข้างมากไม่ได้ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การลงมติของเสียงข้างมากตรงข้ามกับเสียงข้างน้อยเสมอ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เสียงข้างมากจะไปทิศทางใด ต้องรอดูในการประชุมรัฐสภา
รทสช.ยืนกรานไม่นิรโทษ ม.112
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 26 ก.ย. และให้สภาร่วมกันพิจารณาจะรวมคดีมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ว่า ส่วนตัวยืนยันมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยและคัดค้านถึงที่สุด ไม่สมควรนำมารวม เพราะไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง รัฐธรรมนูญระบุชัดเจน มาตรา 6 และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวข้องการเมือง หากนิรโทษกรรมให้เสี่ยงที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ชี้ชัดแล้วว่ามีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครอง จากการรณรงค์หาเสียง รวมถึงการยื่นแก้ไขมาตรา 112 เมื่อมองเทียบเคียงกับผู้ที่กระทำความผิดตามมาตราดังกล่าว ยิ่งมีน้ำหนักรุนแรงกว่าพรรค ก.ก.ด้วยซ้ำ ดังนั้นจะขอใช้เอกสิทธิ์ สส. เลือกข้อไม่รวมมาตรา 112 และหากพิจารณาออกมาหากขัดต่อรัฐธรรมนูญ ควรต้องมีผู้รับผิดชอบ
“เรืองไกร” ตามจิกยื่นสอย “อิ๊งค์”
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เตรียมยื่นเอกสารเพิ่มเติมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบการลาออกจากบริษัทเอกชนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เทียบกับ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก่อนมารับตำแหน่งรัฐมนตรี พบมีความแตกต่างกัน อาจไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ กรณี น.ส.ซาบีดาใช้วิธีประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท แจ้งการลาออกเป็นกรรมการบริษัท ตามขั้นตอนในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ระบุว่า การจดทะเบียนแก้ไขกรรมการบริษัทให้ทำโดยการประชุมผู้ถือหุ้น หรือประชุมกรรมการบริษัท ต่างจาก น.ส.แพทองธารใช้วิธีให้ลูกน้องยื่นหนังสือแจ้งการลาออกต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยไม่เรียกประชุมกรรมการบริษัท หรือผู้ถือหุ้น เพื่อแจ้งลาออกตามขั้นตอนกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุ จึงเกิดข้อเปรียบเทียบว่า น.ส.แพทองธารแจ้งการลาออกจากกรรมการบริษัทตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ หากดำเนินการไม่ถูกต้อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาจเพิกถอนการจดทะเบียนลาออกของ น.ส.แพทองธาร แสดงว่า น.ส.แพทองธารยังเป็นกรรมการบริษัทอยู่ ทำให้ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ที่ห้ามนายกฯเป็นลูกจ้างของบริษัทใดๆ อาจมีบางคนต้องพ้นจากตำแหน่ง และโทษทางอาญาตามมาได้
ค่ายส้มจัดทัพตั้งตำแหน่งสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า เมื่อวันที่ 21-22 ก.ย. ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กทม. พรรค ปชน.จัดงานสัมมนาภายในระหว่างแกนนำพรรค สส. พนักงานพรรค และฝ่ายเครือข่าย ระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงาน วิเคราะห์สถานการณ์ การเมืองปัจจุบัน ร่วมกันกำหนดทิศทางการเดินหน้าทำงานต่อไปของพรรค ในงานสัมมนายังมีการจัดการเลือกตั้งรองเลขาธิการพรรคจำนวน 12 ตำแหน่ง แบ่งเป็นสัดส่วนภูมิภาค 8 ตำแหน่ง สัดส่วนกลุ่มประเด็น 2 ตำแหน่ง และสัดส่วนสำนักงาน 2 ตำแหน่ง มีรายชื่อที่น่าสนใจ อาทิ นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. เป็นรองเลขาธิการพรรค สัดส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคเหนือตอนล่าง นายวีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่น รองเลขาธิการพรรค สัดส่วนภาคอีสานตอนบน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศรายชื่อผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในฝ่ายต่างๆ ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายนโยบาย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการสภา นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการพิเศษ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการทั่วไป เป็นต้น
“แจ๊ด” แต้มทิ้ง “ชาญ” ไม่เห็นฝุ่น
สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.) เมื่อเวลา 08.00 น. ประชาชนชาว จ.ปทุมธานี ทยอยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยผู้สมัครยังเป็นคนเดิมทั้ง 4 คน ไม่มีการเปิดรับสมัครใหม่ เนื่องจาก กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วยนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครหมายเลข 1 นายอธิวัฒน์ สอนเนย ผู้สมัครหมายเลข 2 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครหมายเลข 3 และนายนพดล ลัดดาแย้ม ผู้สมัครหมายเลข 4 ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางมาลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 1 บริเวณสวนสาธารณะซอยรังสิต-ปทุมธานี 8 ตรงข้ามฟิวเจอร์เพลส ขณะที่นายชาญไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 โรงเรียนวัดป่างิ้ว ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก กระทั่งเวลา 19.30 น. การนับคะแนนผ่านไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ 169,871 คะแนน ขณะที่นายชาญได้ 111,328 คะแนน ถือว่ามีคะแนนทิ้งห่างกันมาก
ประกาศลุยงานทันที
กระทั่งเวลา 19.30 น. ที่บริเวณมูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง อ.สามโคก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอบคุณประชาชนว่า ทราบคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นับไป 95 เปอร์เซ็นต์ มีคะแนนนำอยู่ที่หกหมื่นคะแนน วันนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พี่น้องประชาชนมาลงคะแนนน้อยเพราะฝนตก ต้องขอบคุณทีมงาน สจ.ทั้งหมด ที่ช่วยกันไม่ทอดทิ้งพร้อมยืนหยัดไปด้วยกัน ยอดคะแนนสะท้อนให้เห็นว่าวันนี้เราได้กว่า 1.7 แสนคะแนน ชนะกว่าหกหมื่น ฝากพี่น้องประชาชนไปคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในคราวที่แล้ว ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่คืนความชอบธรรมให้ตน ยืนยันว่าไม่ทำให้ผิดหวังเด็ดขาด สิ่งที่ต้องรีบทำคืออุทกภัยกำลังจะเกิด มีหลายอย่างที่ต้องเดินหน้าต่อกับทีมงานทันที ทั้งนี้หลังนับคะแนนครบทุกหน่วย โดยผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ 187,771 คะแนน นายชาญได้ 119,946 คะแนน
ชุมพรเงียบฉี่ “พี่เขยลูกหมี” นอนมา
ขณะที่บรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.ชุมพร ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากมีผู้สมัครเพียงคนเดียวไม่มีคู่แข่ง คือนายนพพร อุสิทธิ์ อดีตนายก อบจ.ชุมพร หรือ “นายกโต้ง” พี่เขย “บ้านใหญ่” ของนายชุมพล จุลใส หรือ “ลูกหมี” อดีต สส.ชุมพรหลายสมัย ทำให้สีสันการแข่งขันชิงตำแหน่งนายก อบจ.ชุมพร ไม่คึกคักมาตั้งแต่วันรับสมัคร จนชาวบ้านหลายคนแซวกันว่าลืม และไม่รู้ด้วยว่ามีการเลือกตั้งนายกอบจ.ชุมพรในวันใด ล่าสุดเมื่อเวลา 17.15 น. ผลการนับคะแนนดำเนินการไปเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ นายนพพรได้ 134,743 คะแนน จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 4 แสนบาท เกินกว่าที่คะแนนขั้นต่ำกำหนด ถือว่านายนพพรเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.ชุมพรคนใหม่
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่