เลือก สว.ไม่สุจริต–เที่ยงธรรม

1 ใน 99 สว.บัญชีสำรอง กลุ่ม 17 ประชาสังคม รู้จักกันดีในนาม “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ บอกกับ “ทีมข่าวการเมือง” หลังจับมือกับ สว.บัญชีสำรองอีกหลายคน ร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ค้านเลือก สว.67 ไม่เป็นไปตามกฎหมายการได้มาซึ่ง สว. และรัฐธรรมนูญ

โดยชี้ให้เห็นถึงขบวนการ “จัดตั้ง–แทรกแซง” ภายใต้การกระทำของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป เพื่อครอบครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา

ยกตัวอย่าง จ.สมุทรสาคร ที่ตัวเองลงสมัคร ขอฉายภาพให้เห็นการเลือก สว.ระดับอำเภอ-จังหวัด ขอตั้งข้อสังเกตว่าผู้สมัครที่ไม่มีพวกค่อนข้างผ่านด่านยาก ผู้สมัครที่มีชื่อเสียงมีโอกาสผ่านทะลุเข้ามาได้ง่ายกว่า แต่กลับตาลปัตร

เพราะผู้สมัครกลุ่มอื่นที่เป็นเอฟซีเรา บอกชัดเจน “แบ่งแต้ม” เลือกผมไม่ได้ ต้นเหตุมาจากจำเป็นต้องเลือกตามโพยจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยโชว์โพยให้ดูมีทั้งล็อกโพยเลือกตรง ล็อกโพยเลือกไขว้ เช่น ตอนเลือกไขว้ เจอกลุ่มไหน ให้เลือกเบอร์ไหนเรียงกันไป

กลุ่ม 17 เขาก็มีเบอร์ล็อกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นที่ไม่มีคนรู้จัก แต่ทำประโยชน์เพื่อสังคมเหมือนผม มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา ทราบว่ามีผู้ใหญ่ขอให้มาลงสมัคร โดยไม่รู้ว่ามีใครเลือกหรือไม่ มีหน้าที่เลือกคนตามโพย ผมจึงชวนคุยว่าถ้าผ่านรอบนี้เข้าระดับประเทศ อาจได้เจอกัน

ปรากฏว่าคนนี้ทะลุเข้ารอบระดับประเทศ อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ทำไมสวมเสื้อสีเหลืองคล้ายเป็นสัญลักษณ์ ส่องดูโปรไฟล์ส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักในสังคม ไม่คุยกับใคร บางคนถือโพย ใบประวัติบางคนไม่เคยทำคุณงามความดีมา แค่ระบุสั้นๆ จบการศึกษาชั้นไหน ผมเริ่มงงว่าผ่านทะลุเข้าระดับประเทศได้อย่างไร

...

และยังได้รู้จักกับผู้สมัครระดับบ้านใหญ่ จ.นครพนม มาขอคะแนนผม มีนัดไปเจอกันก่อนเลือกหนึ่งวัน ทุกคนรู้กติกาจะไม่ให้ใครเลี้ยง ต้องหารกัน ปรากฏว่าเขาเลี้ยงผู้สมัครผู้หญิง 2 คน

พอเลือกรอบเช้าจบ เขาได้คะแนนสูงกว่าผมเท่าตัว เริ่มสงสัยว่าคนนี้เป็นหนึ่งที่ถูกจัดตั้ง และตอนเลือกไขว้รอบบ่าย กกต.ประกาศห้ามพกกระดาษเข้าไป อดขำไม่ได้พวกจัดตั้งพกโพยไม่ได้ ตายแน่ จำเบอร์ไม่ได้หรอก แต่กลับมีพฤติกรรมแอบจดใส่มือหรือจดใส่อะไรเข้าไป มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ กกต.ก็เฉย

เจ้าหน้าที่ กกต.แค่ตักเตือน แต่ไม่ดำเนินคดี

“พวกนี้สามารถเลือกตามโพยที่ล็อกเบอร์ไว้ เลือกเบอร์ไล่เรียงตามโพยเป๊ะๆ คะแนนมาเป็นแพ็ก หลักฐานชัดเจนอยู่ในตู้บัตรเลือกตั้ง

ถ้า กกต.เปิดตู้บัตรเลือกตั้งออกมา รับรองเห็นหลักฐานล็อกเบอร์ ล็อกสเปก ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามกฎหมายที่มาของ สว. และรัฐธรรมนูญ

ผู้สมัครที่ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ตามอาชีพ ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แทบไม่ผ่านด่านเข้ามาได้

ผมเสียดายมาก เช่น นายพันธ์เลิศ ใบหยก กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว เก่งมากในอาชีพด้านนี้ เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ติดบัญชี สว.ตัวสำรองเหมือนผม”

คนเก่ง มีความรู้ ตกหมด แพ้ภัยสีน้ำเงิน

ประชาชนอดกังวลไม่ได้เมื่อ สว.มาจากโพย เข้าไปทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยก็ต้องทำตามโพย ไม่มีแตกแถว เพราะยังรับผลประโยชน์เป็นรายเดือน มีรถตู้ใช้ มีลูกน้องถือกระเป๋า

ที่ผ่านมาก็เคยชี้ให้เห็นถึงการเลือกสว.ครั้งมีรถไฟฟ้า 2 สาย โดยเป็นสายสีน้ำเงิน และสายสีส้ม แต่ขบวนการจัดตั้งของสีน้ำเงินมีการเปิดหัวก๊อกจ่ายน้ำมันเป็นขั้นเป็นตอน มีคนคอยดูแล และอบรม

โดยเฉพาะในระดับประเทศมีข้อมูลตรงกันว่า นัดไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เตรียมการเลือกให้พร้อมสรรพ แอบอ้างสถาบัน เพื่อให้กลุ่มตัวเองมีอำนาจ

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้มใช้วิธีรณรงค์ นัดเจอกัน แต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเองส่วนหนึ่ง ไม่มีอำนาจต้องเลือกตามที่เขาต้องการ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่ติดตั้งแต่ต้น มาได้ด้วยความสามารถ คอนเนกชันของผู้สมัครถึงหลุดเข้ามาได้

ผมไม่ได้อยู่สายไหน ไปสีส้มก็ถีบออกจากกลุ่ม สีน้ำเงินไม่เอาผมอยู่แล้ว กลัวเอาไปแฉ ผลเลือกที่ออกมาถึงเป็นสีน้ำเงินประมาณ 70-80% สีส้มประมาณ 10% และกลุ่มไม่มีสีประมาณ 10%

ฉะนั้นขณะนี้เกือบทุกฝ่ายตั้งข้อสังเกต ตอนเลือกกรรมการองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ย่อมเลือกเครือข่ายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

เช่น เลือก กกต.เข้าไปบริหาร และจัดการเลือกตั้งให้เป็น

ไปโดย “สุจริต-เที่ยงธรรม” เลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าไปเอกซเรย์ผู้ทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ตามที่กฎหมายกำหนด

คนเหล่านี้ย่อมตอบแทนบุญคุณรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

แต่มันไม่ได้เข้าไปตอบแทนบุญคุณของบ้านเมือง

“คราวนี้รับรองลุกลามไปถึงการครอบครององค์กรอิสระทั้งหมด สูญเสียระบบตรวจสอบ การถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ

ยังจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการขู่เข็ญ ต่อรองผลประโยชน์ หรือถึงขั้นทำร้ายฝ่ายตรงข้าม สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศไทย

วันนี้สังคมถึงตั้งคำถามตรงไปที่ กกต.มีไว้ทำไม ผ่านมาหลายเดือนแล้วที่ประกาศรับรองผลเลือก สว. แบบสวนกระแส ท่ามกลางข้อร้องเรียนมากเป็นประวัติการณ์”

หรือเป็นไปตามที่พวกเพื่อน สว.บัญชีสำรอง ตั้งข้อสังเกตว่า

รอให้เลือกกรรมการองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญให้สะเด็ดน้ำก่อน หากเป็นไปตามข้อสังเกต กกต.มีความเสี่ยงยิ่งถูกมองในทางลบ เอื้อประโยชน์รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

สุดท้าย กกต.ใหม่เข้ามาก็เสี่ยงต่อการถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน เมื่อถูกเลือกจาก สว.สีน้ำเงิน ก็ไม่ไปหาเรื่องกับ สว.สีน้ำเงิน

ขอให้ กกต.รีบดำเนินการให้จบก่อนทยอยกันหมดวาระ ไต่สวนตั้งแต่ต้นรับรองคุณสมบัติ สมัครผิดกลุ่ม ล็อกโพย ไป “เหมาเข่งรับรองหมดทุกคน” ปรากฏว่าภายหลังตรวจสอบแล้วมันไม่ใช่...

...กกต. มีโอกาสถูกดำเนินคดีอาญาด้วย

กลุ่ม สว.บัญชีสำรองเตรียมดำเนินการอย่างไรต่อ ถ้า กกต.ยังไม่ชัดเจนในคดีเลือก สว. นายษิทรา บอกว่า คงต้องไปทวงถาม กกต.ให้เร่งดำเนินการไต่สวน ในกรอบเวลา 1 เดือน ถ้าไม่ขยับ เราต้องดำเนินการเอาผิดกับ กกต. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

ขณะนี้มั่นใจกลุ่ม 17 มี 2 คนถูกตัดสิทธิติดคุก 1 คน ขอเป็นแสงสว่างเล็กๆในการเป็นคนเริ่มต้นก่อน เพราะขึ้นชื่อว่า “ทนายตั้ม” ทำแล้วต้องชนะคดี

ส่วนที่บรรดา สว.บัญชีสำรองที่เคลื่อนไหวทวงถามความยุติธรรม อาจมองว่าทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ขอชี้แจงว่าในเมื่อประชาชนทั่วไปไม่ได้มีส่วนได้เสีย ร้องเรียนไม่ได้ ในฐานะที่เป็นตัวแทนประชาชนต้องออกมาทวงถาม เพื่อให้วุฒิสภาที่เป็นตัวแทนของปวงชน 

ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มสีน้ำเงิน

ขอย้ำว่า สว. ที่ได้คะแนนมาจากคนที่ไม่มีสิทธิลงสมัคร สว.ในกลุ่มดังกล่าว เข้าไประดับจังหวัด ระดับประเทศได้อย่างไร เป็นดอกผลของต้นไม้มีพิษมาตั้งแต่ต้น ในวันเลือก สว.ระดับประเทศ ก็ปล่อยให้ถือโพยอย่างเอิกเกริก มีคนร้องเรียนต่อ กกต.เยอะมาก หลักฐานเหล่านี้หาก กกต.ปฏิบัติตามหน้าที่ และอำนาจตามรัฐธรรมนูญ

รับรองบรรดา สว.ถูกสอยร่วมนับ 100 คนแน่

ถ้า กกต.ไม่ทำหน้าที่ก็เสี่ยงทำผิดติดคุกระนาว.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม