วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. จัดหนักทุจริตในประเทศไทยแย่ยิ่งกว่าก่อการร้าย  สับระบบอุปถัมภ์ทำให้เกิดความพินาศ รักษาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เตรียมเสนอกฎหมายคุ้มครองพยานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้ข้อมูลต่อป.ป.ช.

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้จัดกิจกรรมรวมพลคนต้านการทุจริต โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้บรรยายพิเศษเรื่องเทคนิคการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน โดยนายวิชา กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นอำมาตย์หรือไพร่ต้องผนึกกำลังกัน ป.ป.ช.ไม่ใช่พระนารายณ์ไม่ใช่คนที่มีอำนาจแล้วจะแสดงอำนาจอิทธิฤทธิ์พิเศษได้อะไรนอกนอกจากริดสีดวง ต้องผนึกกำลังกันทุกภาคส่วนและทุกฝ่าย ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำสงครามใหญ่ การทุจริตเป็นการประกาศสงครามครั้งใหญ่กับผู้มีอำนาจมากที่สุด 5 ปีมาแล้วที่เราสะสมมา ต้องขอบคุณรัฐสภาที่แม้ไม่ชอบหน้าป.ป.ช.เท่าไหร่ แต่ที่แล้วกฎหมายก็ผ่านมาจนได้ โดยเฉพาะกฎหมายที่ส่งเสริมให้ประชาชนที่มีส่วนร่วม ส่วนจะไปยกเลิกอะไรในภายภาคหน้าก็ช่างมัน ถ้าไม่มีคนร่วมพลังกันมันจะไปมีความหมายอะไร มันจะสำเร็จได้อย่างไรคนเท่านั่นที่จะทำให้อะไรเกิดขึ้นและปฏิบัติได้จริง

“ขงจื๊อได้เขียนมาไว้พันปี ทุจริตเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เท่าที่สังคมต้องเผชิญและแก้ปัญหามากที่สุด ถ้าเทียบกับการก่อการร้ายแล้วเปรียบได้แค่เด็กที่ซนเท่านั้น ไม่เท่ากับการทุจริตที่เป็นยักษ์ใหญ่ เพราะมันเข้าไปซึมลึกในจิตใจผู้คน ทุกคนมีซาตานอยู่ในตัวที่มีความชั่วร้าย โลภโกรธ หลง ทันทีที่มีคนเสนอเงินให้คุณ ถ้าถามว่าจะให้เท่าไหร่ อันนี้ก็คือบาปทันที ในสังคมเรามีทุจริตแทรกซึมไปหมด ถ้าท่านไม่รู้แรงของเราที่จะดำเนินการไม่รู้ทุนของพรรคพวกที่เราต้องการจะแก้ไข เราก็จะไม่มีทางที่จะต่อต้านหรือต่อสู้ได้เลย งานนี้ไม่ใช่งานเฉพาะตัวแต่จะเป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ เราต้องสร้างคลื่นลูกใหม่ให้เกิดขึ้น” นายวิชา กล่าว

กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวต่อไปว่า ระบบที่เพาะโรคร้ายอย่างร้ายรองลงมาก็คือระบบอุปถัมที่มีอยู่ในสังคมมานานมาก การที่เรารักษาระบบนี้ไว้ก็เพราะรักษาผลประโยชน์ของเราเอง เหมือนกับที่บอกว่าโกงไม่เป็นไรให้ได้ประโยชน์ก็แล้วกัน เป็นการทำลายทัศนคติมันจะหมายถึงความพินาศของบ้านเมือง เพราะมันจะเกิดลัทธิยอมจำนน ต้องไม่ยอมจำนนต่อทุจริตเป็นอันขาด กฎหมายที่จะทำขึ้นมาใหม่ก็จะทำลายเครือข่ายที่จะเกิดขึ้น เป็นเหมือนมะเร็งที่จะเป็นเชื้อของการทุจริต คนที่อยู่ในกระบวนการโกง ก็ย่อมที่เกรงกลัวและเกรงใจอำนาจเงินและอำนาจอิทธิพลต่างๆ เพราะจะต้องมีการข่มขู่

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่ก่อนนั้นคนที่จะเป็นพยานจะต้องมีหน้าที่เป็นพลเมืองดี บังคับให้เขามาเป็นพลเมืองดี และทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีความเสี่ยงต่อชีวิต แสดงให้เห็นถึงความใจร้ายมาก เราไม่ได้คิดถึงหัวอกพยานเลย มาตรการในการคุ้มครองช่วยเหลือคุ้มครอง ในต่างประเทศไม่ใช่หมายถึงเพราะพยานบุคคลเพียงอย่างเดียว คำว่าพยานในที่นี้ไม่ต่างจากกฎหมายดั้งเดิม ป.ป.ช.จะมีหน่วยงานรองรับในต่างจังหวัด เราเรียกกระบวนการนี้ว่าเป็นการตรวจสอบเบื้องต้น เรามีหน่วยที่จะลงไปดู ป.ป.ช.ไม่ใช่เป็นหน่วยที่ต้องอยู่กับที่ ซึ่งเป็นการทำงานในเชิงรุก ถ้าเราจะตั้งเรื่องไต่สวนก็เพราะมีน้ำหนักเพียงพอจะทำงานได้ ต้องรู้เขารู้เราไม่ต่อยสะเปะสะปะ ตอนมายื่นข้อมูลก็ต้องมีเบาะแสพอสมควร และมีพยานที่จะพอบอกเราได้ว่าเป็นเรื่องอะไร กระบวนการนี้ก็สามารถที่จะร้องขอคุ้มครองพยานกับเราได้ และหน่วยงานอื่นได้

นายวิชา กล่าวอีกว่า เมื่อเข้าสู่การคุ้มครองพยานแล้วนั้น เราจะมีมาตรการเร่งด่วนในการคุ้มครองโดยทันที เราจะสามารถให้การคุ้มครองไปก่อนได้ ไม่ใช่รอให้ป.ป.ช.มีมติ ซึ่งต่อไปจะต้องขยายให้เขตพื้นที่ให้การช่วยเหลือเร่งด่วน โดยรวมไปถึงครอบครัวผู้เสียหายด้วย ไม่ใช่เข้าแทรกแซงชีวิตจนไม่เหมาะสม ปกปิดไม่เปิดเผยให้ข้อมูล  เราเข้าใจดีว่าการที่มาเป็นพยานเพราะต้องบริสุทธิ์ในไม่ต้องการอะไร เราจึงมีระเบียบอีกอันในเรื่องการที่ท่านให้รับรางวัลตอบแทน มันเป็นการยืนยันว่ากรรมดีเห็นได้ในชาตินี้ เราะไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือระบบของกรรม การทุจริตคือสิ่งชั่วร้ายที่ต้องกำจัด ถ้าเขาต้องติดคุกมันก็คือกรรมของเขาที่ต้องจัดการ

“กฎหมายเราไม่ใช่กฎหมายขี้ไก่เหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เป็นกฎหมายที่มีประสิทธิภาพและจะจัดการพวกทุจริตได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกเรื่องคือเรื่องการจ่ายสินบนที่มีคนมาแจ้ง ก็เป็นกรณียึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน ขืนเป็นแบบนี้เราไม่สามรถยึดได้เลย หากคนมาแจ้งเบาะแสแบบนี้มาบอกเรา ถ้าหากเอาผิดและยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดินก็จะได้รางวัลไม่เกินร้อยละ 10 และไม่เกิน 10 ล้านบาท” นายวิชา กล่าว

...