“อัครเดช” อภิปรายในสภา รวมไทยสร้างชาติเห็นด้วยตรวจสอบเงินนอกงบประมาณ แต่ค้านร่างกฎหมายของพรรคประชาชน เหตุไม่รัดกุม ขาดรายละเอียดของการจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ

วันที่ 18 กันยายน 2567 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า หนึ่งในนโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือการจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันโดยเด็ดขาด ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณเพื่อให้เกิดความโปร่งใส พร้อมทั้งใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และปราศจากการทุจริตตามนโยบายของทางพรรค

จากข้อมูลล่าสุด เงินนอกงบประมาณมีประมาณ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือที่เรียกว่าเงินในงบประมาณ โดยเงินนอกงบประมาณนั้นมีที่มาจากเงินบริจาค เงินบำรุงหน่วยงานต่างๆ เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณ

นายอัครเดช กล่าวต่อไปว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ถูกเสนอมามีทั้งหมด 7 มาตรา มีเนื้อหาที่สำคัญคือ การดึงเงินนอกงบประมาณเข้าสู่กระทรวงการคลัง ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนปกติ ผ่านการออกเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งจะสูญเสียความคล่องตัวในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ดังนั้น เงินนอกงบประมาณจึงเป็นสิ่งที่พึงเก็บรักษาไว้ในการใช้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือมีเหตุฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากหลายหน่วยงานภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความคล่องตัวในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงเรียนขนาดเล็ก และอีกหลายหน่วยงาน โดยเงินนอกงบประมาณดังกล่าวในปัจจุบันจะต้องมีการใช้จ่ายตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ถ้ามีการทุจริตคอร์รัปชันก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงถูกตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินโดยปกติอยู่แล้ว

...

“การแก้ไขกฎหมายตามร่างฉบับของพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐหลายๆ หน่วยงานอย่างกว้างขวาง เกิดผลกระทบอย่างมหาศาลต่อพี่น้องประชาชน โดยเมื่อเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์และผลกระทบแล้ว ตนมีความเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้เป็นการเผาป่าเพื่อหาหนู ขอย้ำว่า การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณนั้น ในปัจจุบันมีการตรวจสอบผ่านพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ อาทิ ป.ป.ช., สตง. เป็นต้น ดังนั้นในวันนี้ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีมติไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายที่ขาดรายละเอียดที่ดีในการจัดการเงินนอกงบประมาณในฉบับนี้ของพรรคฝ่ายค้าน”

แต่อย่างไรก็ตาม พรรครวมไทยสร้างชาติได้เล็งเห็นปัญหาในส่วนของการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมาย และคาดว่าจะสำเร็จในเร็ววัน จะช่วยยกระดับการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณ โดยไม่ทำให้ความคล่องตัวในการใช้จ่ายของหน่วยงานสูญเสียไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อมีการเสนอกฎหมายโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น เข้าสู่การลงมติในวาระ 1 ขั้นรับหลักการ ปรากฏว่าสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมาก ได้ลงมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เป็นผลให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เป็นอันตกไป โดยมีผลการลงมติเป็นดังนี้

  • เห็นด้วย 143
  • ไม่เห็นด้วย 245
  • งดออกเสียง 3
  • ไม่ลงคะแนนเสียง 3