“นายกฯอิ๊งค์” นั่งหัวโต๊ะถก ครม. นัดแรก แบ่งงาน 6 รองนายกฯ มอบ “ภูมิธรรม” กำกับกลาโหม-ยุติธรรม คุมบอร์ดคดีพิเศษ “พิชัย” ดูเศรษฐกิจครบวงจร ก.คลัง-กษ.-พณ. “ประเสริฐ” ดู ทส.-ดีอี-สธ. กำกับบอร์ดน้ำ-ที่ดินแห่งชาติ-กองทุนหมู่บ้าน เบรกแต่งตั้งข้าราชการการเมืองไปผ่านด่าน 14 หน่วยงานตรวจสอบเข้มก่อน พท.ขยับเป็นเจ้าภาพแก้ไขรัฐธรรมนูญ “ชูศักดิ์” เผยเร่งยกร่างแก้ปมตีความผิดจริยธรรมร้ายแรงให้ชัดเจน จะขาดคุณสมบัติต่อเมื่อศาลรับฟ้องคดีจริยธรรมแล้ว เล็งรื้อรายมาตรามติศาล รธน.ยุบพรรคหรือสอยนักการเมือง “ทวี” ชงตัดอำนาจองค์กรอิสระ ปชน.รอยื่นอภิปราย ม.152 จับตาเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กลิ่นตุหั่นองค์ประกอบแหกตาประชาชน “ปกรณ์” คาใจสถานะพรรค “ลุงป้อม” โฆษก พปชร.ยันพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มสูบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการครั้งแรก มีการแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน พร้อมทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ที่ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจาก 14 หน่วยงานให้เรียบร้อยก่อน
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถก ครม.นัดแรก
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 17 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 09.45 น. นายกฯเดินลงจากตึกไทยฯไปห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก มีนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เดินรวมกลุ่มกันมา รวมทั้งนาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ 1 ในรายชื่อแคนดิเดตโฆษกประจำสำนักนายกฯ ร่วมขบวนมาด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯไม่เสียสมาธิใช่หรือไม่ ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาปราศรัยยื่นหนังสือร้องเรียนหน้าทำเนียบรัฐบาล นายกฯส่ายศีรษะก่อนกล่าวว่า ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบฯ ตอนที่ผู้สื่อข่าวบอกนี่แหละ ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรมและศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้ชุมนุมประท้วงที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ทำให้ขบวนรถนายกฯเปลี่ยนเส้นทางมา เข้าทางสะพานอรทัยแทนทางเข้าประตู 1
...
ดีอีโต้โพลไม่เชื่อน้ำยาสู้โจรไซเบอร์
เวลา 07.29 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนมาสักการะศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ แล้วให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสำรวจดุสิตโพลที่ไม่เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาลจะแก้ไขอาชญากรรมไซเบอร์สำเร็จได้ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตัวเลขความเสียหาย 1 วันกว่า 100 ล้านบาท แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 70 ล้านบาท บ่งบอกถึงความสำเร็จของการทำงานอย่างหนึ่ง แต่ยอมรับว่าต้องทำอย่างต่อเนื่องภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ประชาชนยังเดือดร้อนอยู่ ตัวเลขหลายอย่างลดลงอย่างมีนัย เช่น การปิดบัญชีม้า รวมถึงการใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นายกฯได้กำชับให้ดำเนินการเร่งด่วนและถือเป็นนโยบายที่สำคัญ
“อ้วน” ชี้ ผบ.ตร.คนใหม่รอคุยนายกฯ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ว่า กำลังเร่งและเรียกเรื่องมาดูทั้งหมด คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตนไม่ได้ดูแล นายกฯเป็นผู้ดูแล แต่เดี๋ยวจะพูดคุยกัน เมื่อถามว่าจะตั้งได้ทันเกษียณราชการหรือไม่ เพื่อไม่มีรอยต่อ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องพยายามให้เป็นอย่างนั้นเท่าที่ทำได้ แต่หากมีข้อจำกัดอะไร ต้องไปดูข้อเท็จจริง ส่วนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่มีนโยบายต้องเป็นพลเรือนหรือทหาร ดูคนเหมาะสม มีศักยภาพและทำได้ และไม่เกี่ยวว่าต้องรอแต่งตั้ง ผบ.ตร.ลงตัวก่อน ไม่ใช่ สมช. เป็นหน่วยงานรองบ่อน ไม่ควรเป็นอย่างนั้น
“ชูศักดิ์” ลุยแก้ปมจริยธรรมให้ชัดเจน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตราประเด็นจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ กำลังยกร่างอยู่ ใกล้จะเสร็จแล้วมี 4-5 มาตรา จะกำหนดกรอบกฎหมายให้ชัดเจน ไม่ต้องตีความมาก ฝ่ายค้านกำลังยกร่างเช่นกัน ต่างคนต่างยื่นร่างเข้าสภาฯแล้วไปว่ากันในรัฐสภา อยากกำหนดให้หากใครถูกร้องหรือระหว่างถูกฟ้องในชั้นศาลว่าฝ่าฝืนจริยธรรม จะทำให้ตีความชัดเจนขึ้น กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องร้องเรียนหรือชี้มูลว่าฝ่าฝืนจริยธรรมแล้ว จะถือว่ายังไม่มีความผิด เพราะการร้องไปที่ ป.ป.ช. ยังไม่รู้ว่าเขามีความผิดแล้วหรือยัง ถ้าจะสกัดกั้นคนด้วยวิธีการนี้ จะทำให้คนถูกร้องได้รับผลกระทบ จะเข้าข่ายขัดจริยธรรมหรือไม่ซื่อสัตย์สุจริต ศาลต้องรับฟ้องในคดีจริยธรรมแล้ว เพื่อให้ชัดเจนขึ้น
เร็วสุดยื่นแก้ รธน.ภายในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามถึงการแก้ไขประเด็นเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญในการลงมติเรื่องสำคัญ เช่น การยุบพรรคหรือเอาคนออกจากตำแหน่งต้องใช้เสียงข้างมากเด็ดขาด แทนการใช้มติเสียงข้างมากธรรมดา นายชูศักดิ์กล่าวว่า เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเช่นกัน เช่น กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่พ้นจากตำแหน่งด้วยมติศาลรัฐธรรมนูญ 5-4 เสียง เราใช้วิจารณญาณคิดดูว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ควรหรือไม่ จึงมีแนวความคิดว่าให้มติมากขึ้นหน่อยดีหรือไม่ เรื่องนี้กับเรื่องจริยธรรมทำให้ชัดเจน จะทำไปพร้อมกัน การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่าเร็วที่สุดอาจภายในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่าทำในนามพรรคไม่ใช่รัฐบาล รัฐธรรมนูญจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนการแก้ไขกฎหมายเอาผิดนักร้องนักยื่นตรวจสอบ มีกฎหมายอยู่แล้ว แต่จะทำให้เข้มขึ้นหรือไม่ต้องพิจารณาต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องที่หวังผลทางการเมือง แต่ขณะนี้มีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้อยู่แล้ว
ปช.ดันลดอำนาจองค์กรอิสระ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ระบุพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นมาตรฐานจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากตีความกว้างเกินไปว่า ต้องการให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากแก้ไขการกระจายอำนาจสวัสดิการของประชาชน ทบทวนบทบัญญัติในหมวดที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนแก้ไขอำนาจองค์กรอิสระที่มากเกินไป เมื่อถามว่าแก้ไขในประเด็นมาตรฐานจริยธรรมด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ควรกำหนดนิยามให้ชัดเจน ถ้าคลุมเครืออาจทำให้เป็นสมบัติส่วนตัวขององค์กรอิสระเอาไปใช้อย่างไรก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้ง สส. และ สว. ผู้ที่ทำหน้าที่ไปตัดสินควรได้รับมอบอำนาจจากประชาชน
ครม.ยังไม่เคาะตั้ง ขรก.การเมือง
เมื่อเวลา 12.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกฯด้านประชาสัมพันธ์ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.ยังไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการการเมืองทุกตำแหน่ง จากที่ส่งมาแล้ว 40-50 รายชื่อ เนื่องจากต้องตรวจสอบประวัติอย่างเข้มข้น จากเดิมตรวจสอบ 2-4 หน่วยงาน แต่ปัจจุบันมากถึง 14 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานศาลยุติธรรม กรมพัฒนากรมธุรกิจการค้า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นต้น มีเพียงนายกฯลงนามคำสั่งสำนักนายกฯแต่งตั้งตนเป็นที่ปรึกษาของนายกฯตำแหน่งเดียว การแต่งตั้งข้าราชการเมืองจะชัดเจนในวันที่ 24 ก.ย.
แบ่งงานรองนายกฯ-รมต.ประจำสำนักฯ
นายจิรายุแถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบคำสั่งนายกฯการมอบหมายและมอบอำนาจรองนายกฯและ รมต.ประจำสำนักนายกฯ มอบหมายให้รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯตามลำดับ ดังนี้ 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 5.นายพิชัย ชุณหวชิร 6.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง และ ครม.รับทราบคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจปฏิบัติราชการแทนนายกฯ อาทิ นายภูมิธรรมกำกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม สมช.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ นายสุริยะ กำกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม นายอนุทิน กำกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ นายพีระพันธุ์กำกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม
“พิชัย” ดูครบวงจร ก.คลัง-กษ.-พณ.
นายพิชัย กำกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ นายประเสริฐ กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนัก นายกฯ กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
“อ้วน” คุมคดีพิเศษ “ประเสริฐ” น้ำแห่งชาติ
ที่ประชุม ครม.ยังมีมติรับทราบคำสั่งนายกฯ ที่ 304/2567 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกฯ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกฯ อาทิ นายภูมิธรรม เป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสุริยะ ประธานคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายอนุทิน ประธานคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ นายพีระพันธุ์ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน นายพิชัย ประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ นายประเสริฐ ประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ นายชูศักดิ์ ประธานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และ น.ส.จิราพร ประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น
ตั้ง 5 อรหันต์ทีมกุนซือของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ลงนามในคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 317/2567 แต่งตั้งคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ มีนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ นายธงทอง จันทรางศุ และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นที่ปรึกษา และให้รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายบริหาร เป็นเลขานุการคณะที่ปรึกษา มีอำนาจและหน้าที่ 1.วิเคราะห์และศึกษาโอกาสในการพัฒนาประเทศ ให้คำปรึกษาเสนอแนะแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านนโยบายของรัฐบาล 2.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ 3.ให้ส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมชี้แจงแสดงความคิดเห็นส่งเอกสารให้ข้อมูล หรือดำเนินการอื่นที่จำเป็นและ 4.ปฏิบัติงานอื่นตามที่นายกฯมอบหมาย
“อิ๊งค์” อ้อนขอประสานทุกฝ่ายพัฒนา ปท.
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการศึกษาของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 66 มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีร่วมรับฟัง อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย มี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส.รอต้อนรับ โดยนักศึกษา วปอ.รุ่น 66 ทั้ง 10 กลุ่มนำเสนอผลการศึกษาภายใต้แนวคิด THAI NEXT : เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย จากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวกับนักศึกษา วปอ.รุ่นที่ 66 มีเนื้อหาสรุปว่า ตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ทั้งการเปลี่ยนความท้าทายต่างๆในทุกวันเป็นโอกาส เป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ เราต้องเตรียมความพร้อมปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง พัฒนาคุณภาพการศึกษา พัฒนาระบบน้ำท่วมน้ำแล้งทั้งประเทศ ประสานพลังภาคเอกชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในฐานะนายกฯอยากขอโอกาส ประสานกับทุกท่านทั้งข้าราชการ ภาคเอกชน นักการเมืองและอีกหลายภาคส่วนที่สำคัญอย่างมากช่วยกันพัฒนาประเทศ เราทุกคนมาร่วมมือกันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มีข้อแนะนำซึ่งกันและกัน รัฐบาลจะรับฟังและนำไปปรับใช้และมาร่วมทำให้ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีโอกาสและเป็นประเทศที่คนไทยทุกคนกล้ามีความหวัง
ฝาก สส.ตีปี๊บเดินเครื่องแจกเงินหมื่น
จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่อาคารชินวัตร 3 มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรค พท.เป็นประธาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค รัฐมนตรี แกนนำพรรค และ สส.พรรค เข้าร่วมประชุม โดยนายสรวงศ์กล่าวว่า การลงพื้นที่ของ ครม. ทุกครั้งขอให้แจ้ง สส.เขตทุกครั้ง หากเป็นไปได้อย่าลงพื้นที่วันพุธและวันพฤหัสบดี สส.ต้องประชุมสภาฯ ขณะที่ น.ส.แพทองธารขอบคุณทุกคนมากที่อยู่ในสภาฯ สนับสนุนตนมาตลอด ท่ามกลางความตื่นเต้นหันไปมองพรรค พท.อุ่นใจเช่นเดิม และ ครม.ได้อนุมัติจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางเรียบร้อยแล้ว ขอให้กำลังใจทีมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังทุกท่านที่ทำงานหนัก ขอให้ สส.ทุกคนติดตามการแถลงข่าวเรื่องนี้ เพื่อนำข้อมูลไปตอบคำถามประชาชนในพื้นที่ได้ถูกต้อง
ฝ่ายค้านรอจังหวะยื่นอภิปราย ม.152
ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าการขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า เรายังไม่ตัดโอกาสนั้น ช่วงเวลาการอภิปรายไม่ได้จำกัดอยู่แค่สมัยประชุมนี้ เนื่องจากโควตาการอภิปรายนับจาก 1 ปีสมัยประชุม ดังนั้น ในสมัยประชุมถัดไป นับตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ยังเป็นโควตาเดียวกันอยู่ เรายังไม่ได้ปิดโอกาสนี้ คงต้องดูสถานการณ์ก่อน ขณะนี้มีเหตุการณ์ภัยพิบัติ อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาก่อน เมื่อถึงจังหวะเวลาเหมาะสมค่อยเปิดอภิปรายได้ ไม่ได้ล็อกไว้ว่าจะภายในเมื่อใด ส่วนจะยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลว่าจะนำไปสู่การไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ จะยึดจากเนื้อหาสาระเป็นหลัก ส่วนที่ฝ่ายค้านถูกวิจารณ์ไม่ตั้งใจทำหน้าที่ เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น หากเทียบกันระหว่างสมัย พล.อ.ประยุทธ์ สมัยนายเศรษฐา และสมัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื้อหาการอภิปรายเรามีมากขึ้น ไม่ควรเอาการอภิปรายนโยบายไปเทียบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นคนละระดับกัน ขอให้รอดูดีกว่า หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันพรรคประชาชนไม่มีใบสั่ง ห้ามอภิปรายในบางเรื่อง เช่น เรื่องการครอบงำ ที่ผ่านมาก็มีการอภิปรายเรื่องการครอบงำ
คาใจรอ พปชร.เคลียร์เป็นฝ่ายค้านกี่คน
นายปกรณ์วุฒิกล่าวถึงการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พชปร.) ที่มีสมาชิกแค่บางส่วนเป็นฝ่ายค้านว่า หากจะพูดว่าเป็นฝ่ายค้านร่วมกันแล้วอาจจะยาก แต่ตอนนี้ได้ประสานกับวิปรัฐบาลค่อนข้างชัดเจนว่า พรรค พปชร.จะมีส่วนหนึ่งที่อยู่ในโควตาพรรคร่วมรัฐบาล อีกส่วนอยู่กับฝ่ายค้าน ต้องรอความชัดเจน เราเข้าใจสถานการณ์การจัดการภายใน คงไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่ขอให้ชัดเจนว่าตกลงแล้วอยู่ฝั่งไหนกี่คน จึงพอจะแบ่งสรรปันส่วนด้วยความมีน้ำใจในฐานะเพื่อน สส. จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น
จ้องเขม็งตั้งสถานบันเทิงครบวงจร
นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน แถลงกรณีนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ขอให้ทุกฝ่ายจับตาโครงการนี้ ยังไม่เห็นที่มาตัวเลขรายได้แท้จริงไม่น่าจะเกินหมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลยังไม่เตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบที่จะตามมา ดูองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรแทบไม่ต่างจาก ครม.และระบบราชการปัจจุบัน ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพ ครม.มีงานต้องรับผิดชอบจะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ การนำปลัดกระทรวงมานั่งเท่ากับให้อำนาจล้นฟ้าอันตรายมาก ให้จับตาคุณสมบัติคณะกรรมการชุดนี้ ตัดลักษณะต้องห้ามออกไปในชั้นคณะ กมธ.วิสามัญเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือไม่เคยถูกวุฒิสภาถอดถอนจากตำแหน่ง ไม่อยู่ระหว่างห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เคยพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทมหาชน เพราะขาดความได้รับความไว้วางใจ ครม.ชุดที่แล้วมี รมช.คลังคนหนึ่งตั้งนาย “ธ.” นั่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.คลัง ทั้งที่มีความผิดปั่นหุ้น โดนสั่งปรับ ห้ามซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้คุณสมบัติบางข้อหายไป เปิดทางให้คนรู้ทางหนีทีไล่ ถูกดึงมาเป็นคณะกรรมการฯหรือไม่
ห่วงกลิ่นตุหั่นเกณฑ์แหกตา ปชช.
นายนนท์กล่าวว่ า องค์ประกอบเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตามบัญชีแนบท้ายถูกลดลงเหลือ 10 อย่างจาก 12 อย่าง คือศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ถูกถอดไปจากที่ขายฝันเป็นธุรกิจหลักไปกระทบศูนย์การค้าเจ้าสัวรายใดหรือไม่ และตัดศูนย์สุขภาพครบวงจร ลดเกณฑ์มาตรฐานโรงแรมจาก 5 ดาว 6 ดาว เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ ไม่รู้ทำเพื่อนายทุน นายหน้า นายใหญ่หรือไม่ อยาก ทำกาสิโนหรูหราแบบสิงคโปร์ หรือทำซอมซ่อแบบเพื่อนบ้าน จะทำให้เกิดบ่อนกาสิโนขนาดเล็กกระจายทั่วประเทศ กลายเป็นสถานบันเทิงแหกตาประชาชน
“ไพบูลย์” ฟ้องแล้ว 3 คดีคลิปเสียงลุง
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรค พปชร. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส. ก่อนประชุมนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงการยื่นฟ้องนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ผู้ดำเนินรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เผยแพร่คลิปเสียงโยงหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า ได้ใช้สิทธิ์ตัวเอง ไม่ใช่คำสั่งจากผู้ใหญ่ยื่นฟ้อง 3 คดี ได้แก่ 1.คดีอาญาเรื่องการดักฟัง 2.คดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและ 3.คดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท โดยให้ทนายความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนายดนัยและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท บริษัท อสมท ต่อสถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว การฟ้องหมิ่นประมาทที่ศาลอาญาอยู่ระหว่างยกคำฟ้อง เข้าใจว่าจะเสร็จสัปดาห์หน้า การดักฟังเป็นฝีมือใครกำลังสืบอยู่ พอรู้ และต้องไปถามนายดนัย
“วัน” ชี้ “ลุงป้อม” ไม่ซีเรียสคลิปการเมือง
ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังการประชุม พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามเรื่องคลิปเสียง เพียงอมยิ้มก่อนเดินขึ้นรถ ขณะที่นายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค ที่เดินมาส่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังอารมณ์ดี หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่ได้ซีเรียสอะไร ฝีมือใครปล่อยคลิปไม่ทราบ เมื่อถามว่าการปล่อยคลิปเสียงดังกล่าวจะดิสเครดิต พล.อ.ประวิตรให้หายไปจากแวดวงการเมืองได้หรือไม่ นายวันหัวเราะกล่าวว่า “ลุงอารมณ์ดี ผมพูดเท่านี้”
พปชร.ลั่นพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร.แถลงว่า ที่ประชุมเห็นควรจัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการพรรค พปชร.เป็นศูนย์การทำงานให้ สส.และสมาชิกพรรคนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อตอบสนองความต้องการประชาชน มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นหัวหน้าทีม นายอุตตม สาวนายน และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นทีมงานสำคัญ จากนี้ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ พรรคมี สส. 40 คน ตามกติกามารยาทต้องปฏิบัติตามมติพรรคเป็นหลัก ยังมีข้อบังคับพรรคและมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าพรรคอื่นๆ ใช้แนวทางศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก จะมีงูเห่าไม่ได้โดยเด็ดขาด ผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง แม้การลงมติต่างๆจะเป็นสิทธิ สส. แต่ถ้าผิดข้อบังคับพรรคที่เป็นข้อห้ามหรือมาตรฐานจริยธรรม จะพิจารณาตามระเบียบต่อไป ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ไปยื่นเรื่องร้องเรียนนายกฯและคนในรัฐบาล จนถูกมองว่าร้องเรียนยิบย่อย ตามหลักนิติรัฐ เมื่อมีกฎหมายและกระทำผิดกฎหมายถือว่าเป็นความผิด อย่าบอกว่าเป็นเรื่องจุ๊บจิ๊บ ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่มีคนไปร้อง
“สนธิรัตน์” เย้ยเรือธงล่มปากอ่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการบริหารพรรค พปชร. ในฐานะหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า นโยบายเรือธงของรัฐบาล สิ่งที่เราไม่สบายใจคือโครงการนี้เดินอยู่บนความไม่แน่นอนของรัฐบาลที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ เปลี่ยนแปลงรูปแบบหลายครั้ง จนสุดท้ายตอนนี้แจกเป็นเงินสด แตกต่างกับที่หาเสียงไว้เป็นดิจิทัลวอลเล็ต มีคำถามตามมาว่าถูกต้องหรือไม่ ที่หวังว่าจะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ผลักดัน
จีดีพีได้ 0.35% ต่อปี จะเป็นพายุหมุนที่คุ้มค่ากับงบฯที่เสียไปหรือไม่ หรือสุดท้ายเป็นแค่ฝนหลงฤดู เราจะตรวจสอบต่อไปคือโครงการนี้ลดการเติบโตด้านอื่นๆหรือไม่ สุดท้ายเป็นห่วงมีผู้ลงทะเบียนถึง 36 ล้านคน รัฐบาลสัญญาว่าจะดำเนินการให้แน่นอน แต่กลับมีเครื่องหมายคำถามว่าจะทำอย่างไร วิธีใดและสำคัญที่สุดงบฯมาจากไหน อยากเห็นโครงการเรือธงของรัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ไม่อยากเห็นกลายเป็นเรือล่มออกสตาร์ตแค่ปากอ่าว
ม็อบบุกทำเนียบฯต้าน “ตระกูลชิน”
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ฝั่งแยกพาณิชยการ ถนนพิษณุโลก เยื้องทำเนียบฯ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) พร้อมเครือข่าย นำมวลชนผู้สูงวัยมาชุมนุมตามนัดวันแรกของการประชุม ครม.รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นำรถเครื่องขยายเสียงติดป้ายข้อความว่า “ให้นายกฯอิ๊งค์คืนทักษิณ สู่กระบวนการยุติธรรม” มาจอดปราศรัยโจมตีรัฐบาลว่า ทุกนโยบายล้วนมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับตระกูลชินวัตร นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.กล่าวว่า วันนี้บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาเป็นนายกฯเข้าบริหารงานวันแรก แต่พอมาถึงไม่มั่นใจว่ามาทำเนียบฯหรือโรงเรียนอนุบาล ตำรวจห้ามส่งเสียงดังเหมือนเกรงว่าผู้ประชุมในทำเนียบฯจะตกใจ เรามาทวงเรียกร้องให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายทักษิณไม่ยอมติดคุก ถ้านายกฯไม่ทำให้กระจ่างเหมือนซุกความไม่ถูกต้องไว้ใต้พรม อย่าทำเหมือนเด็กอนุบาลมาหัดบริหารประเทศ
“วันนอร์” เผยศาลยังไม่ขอตัว “พิศาล”
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีศาลนราธิวาสส่งหนังสือถึงประธานสภาฯขอตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.อดีตแม่ทัพภาค 4 ไปดำเนินคดีเป็นจำเลยคดีการสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาสว่า ยังไม่ได้รับหนังสือขอตัวจากศาล หากมีหนังสือขอตัวมาแล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 มีเงื่อนไขวรรคสี่เพิ่มเติมว่า ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีระหว่างสมัยประชุมได้แต่ต้องไม่ขัดขวาง หรือเกิดความเสียหายต่อการที่สมาชิกจะมาประชุม ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล และต้องบรรจุวาระเข้าสู่การประชุมสภาฯว่าจะอนุญาตให้นำตัวไปดำเนินคดีหรือไม่ ขณะที่ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกรณี สส.แสดงความบริสุทธิ์ไม่ประสงค์ใช้ความคุ้มครอง แต่ปกติสภาฯจะไม่อนุญาต แม้จะมีสส.ขอสละสิทธิก็ตาม
ยกฟ้องผู้รับเหมาเรียกค่าเสียหายสภา
วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องคดีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ผิดสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ส่งมอบพื้นที่ล่าช้าจนราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยศาลให้เหตุผลว่า คู่กรณีต่างรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างที่อาจไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ในเบื้องต้น โดยเห็นได้จากตามสัญญา ผู้ว่าจ้างจะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือตามความพร้อมของผู้ว่าจ้าง และในกรณีที่มีการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ว่าจ้างได้ หรือหากผู้ว่าจ้างไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้รับจ้างไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้เช่นกัน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่