พรรคพลังประชารัฐ ลุยทำหน้าที่ฝ่ายค้านเข้มแข็ง ตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการพรรค เปิดกว้างรับข้อมูล ก่อนส่งต่อ ส.ส. ทำหน้าที่ทั้งใน-นอกสภา “ลุงป้อม” อารมณ์ดี “วัน” เผย ไม่ซีเรียสปมคลิปเสียง ด้าน “ไพบูลย์” แจง ฟ้องแล้ว 3 คดี ยัน ไม่ใช่คำสั่งจากผู้ใหญ่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 กันยายน 2567 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส. ขณะที่ก่อนประชุม นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค กล่าวถึงการยื่นฟ้อง นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ผู้ดำเนินรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand กรณีเผยแพร่คลิปเสียงว่า ตนได้ยื่นฟ้อง 3 คดี ได้แก่ 1. คดีอาญาในเรื่องการดักฟัง 2. คดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และ 3. คดีแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท โดยให้ทนายความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ นายดนัย และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท รวมถึงบริษัท อสมท ซึ่งได้ยื่นต่อสถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการฟ้องหมิ่นประมาทที่ศาลอาญาอยู่ระหว่างยกคำฟ้อง เข้าใจว่าจะเสร็จสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่าการดักฟังตรวจสอบแล้วหรือยังเป็นฝีมือใคร นายไพบูลย์ ตอบว่าให้ไปถามนายดนัย และตนกำลังสืบอยู่ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ก็พอรู้ และยืนยันการดักฟัง ในประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 ถือว่าเป็นความผิดต่อรัฐ ต้องไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่ยกเลิกประกาศดังกล่าว จึงยังมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ขอให้รอติดตามทั้ง 3 คดี ทั้งนี้ ตนใช้สิทธิตัวเอง ไม่ได้เป็นคำสั่งจากผู้ใหญ่

...

ต่อมาเวลา 16.00 น. ภายหลังประชุม พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามกรณีคลิปเสียง เพียงแต่อมยิ้มก่อนเดินขึ้นรถ ขณะที่ นายวัน อยู่บำรุง กรรมการบริหารพรรค ที่ลงมาส่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังอารมณ์ดี หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่ได้ซีเรียสอะไร ส่วนเป็นฝีมือใครปล่อยคลิปตนไม่ทราบ เมื่อถามว่าการปล่อยคลิปเสียงดังกล่าวจะสามารถดิสเครดิต พล.อ.ประวิตร ให้หายไปจากแวดวงการเมืองได้หรือไม่ นายวัน หัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ลุงอารมณ์ดี ผมพูดเท่านี้”

ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ที่ประชุมเห็นควรให้มีการจัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นศูนย์การทำงานให้กับ สส. และสมาชิกพรรค ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อตอบสนองความต้องการประชาชน โดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นหัวหน้าทีม และมี นายอุตตม สาวนายน และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นทีมงานสำคัญ

นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้เรามีบทบาทเป็นพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้น ศูนย์ที่เราตั้งขึ้นจะมีหน้าที่หลักในการสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของพรรค เพื่อที่จะตอบโจทย์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเชิงนโยบายหรือมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และยังมีหน้าที่สนับสนุน สส. และทีมงานในพื้นที่ด้วย เราหวังว่าศูนย์ของเราจะเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง จากนี้พรรคพลังประชารัฐจะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะเป็นผู้บริหารศูนย์นโยบายและวิชาการร่วมกัน โดยเราจะไม่ได้ทำงานเฉพาะในกลุ่มของพรรคเท่านั้น แต่จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่อยากจะร่วมเสนอแนะ หรือต้องการให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ และจะใช้ข้อมูลในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกสภา นี่คือความเปลี่ยนแปลงพรรคพลังประชารัฐ.