ครม. อนุมัติงบกลาง 3,045 ล้าน ช่วยน้ำท่วม จ่อคุยประเทศเพื่อนบ้านหาทางออกร่วมกัน กำชับทุกกระทรวงติดตามประเมินสถานการณ์น้ำรายสัปดาห์ ขณะที่ คอส. - ศปช. ให้ดูเป็นรายชั่วโมง เคาะเยียวยาบ้านเสียหายเกิน 70% หลังละ 2.3 แสนบาท

วันที่ 17 กันยายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในที่ประชุม ครม. เห็นตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบประจำปี 2567 งบกลางจำนวน 3,045 ล้านบาท โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยช่วยเร่งรัดขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และลดขั้นตอนเอกสารเพื่อให้การช่วยเหลือถึงประชาชนโดยรวดเร็ว

พร้อมกันนี้ ได้สั่งทุกส่วนราชการเร่งพิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมจากกรณีปกติที่ดำเนินการอยู่แล้ว หากเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเสนอที่ประชุม ครม. ก็เร่งให้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงระบบการแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เมื่อถามว่าเรื่องของงบประมาณช่วยเหลือน้ำท่วม 3,000 ล้านบาท ที่ประชุม ครม. มีการอนุมัติแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อนุมัติเรียบร้อยแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมา ซึ่งจะพยายามเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมให้ได้มากที่สุด และในที่ประชุม ครม. ก็ได้มีการกำชับเรื่องเอกสารต่างๆ ที่จะทำให้เสียเวลา พยายามให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันให้ชาวบ้านได้รับเงินรวดเร็วขึ้น

...

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงขั้นตอนการเยียวยาที่ล่าช้า ทำให้เงินเยียวยาไปถึงประชาชนช้า จะทำอย่างไรในการเร่งกรอบเวลาการสำรวจความเสียหาย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันที่ 16 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) และในวันที่ 18 กันยายน จะมีการประชุมกันนัดแรก ขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นต่อประชาชนต้องมีการเร่งรัดแน่นอน

ส่วนคำถามว่าจะมีการหารือกับประเทศต้นทางแม่โขงคือประเทศจีนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีการพูดคุยแล้วกับประเทศต่างๆ เช่น เมียนมา ซึ่งประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงต้องมีการพูดคุยกันและหาทางออกร่วมกัน เราเป็นประธานกรอบความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขง ต้องมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง เพราะเป็นปัญหาที่ประเทศเราประสบมาอย่างยาวนาน เราต้องดูกันในเชิงลึกด้วย มีแผนในใจอยู่แล้วว่าอยากจะทำเรื่องนี้ให้จริงจัง เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนมายาวนาน และอีกอย่างการจัดการปัญหาของน้ำ น้ำมาหลายทิศทาง จึงต้องมีแผนภาพใหญ่ด้วย ไม่ละเลยเรื่องนี้แน่นอน เมื่อถามว่าเราจะเริ่มคิกออฟพูดคุยเรื่องความร่วมมือกันได้เมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เราเป็นประธานกรอบความร่วมมือประเทศลุ่มน้ำโขงอยู่แล้ว และตามไทม์ไลน์ อยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว และสามารถพูดคุยกันเลยได้ทันที

ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับกระทรวงต่างๆ ให้ดูว่าสัปดาห์นี้และสัปดาห์ถัดไป สถานการณ์เรื่องพายุจะเป็นอย่างไร จะได้เตรียมรับมือได้ เช่น ภาคใต้ที่ฝนจะมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเพิ่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม พร้อมขอให้เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิดเป็นรายชั่วโมงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพี่น้องที่ตกค้างในพื้นที่ประสบภัยภาคเหนือตอนบน และภาคอีสานตอนบน ขณะที่หลายกระทรวงได้เสนองบประมาณรวม 3,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับมาตรการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับเรื่องการลดขั้นตอนทางเอกสาร ที่สมัยก่อนต้องเอาเอกสารไปเสนอ แต่ตอนนี้จะให้ส่วนราชการทั้งกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงไปดูและสรุปให้รวดเร็ว ถ้าบ้านเรือนที่เสียหายเกิน 70% จะรับเงินเยียวยา 2.3 แสนบาท