“ไอซ์ รักชนก” อภิปรายปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จี้นายกฯ ต้องลงมากำกับเอง ด้าน “รังสิมันต์ โรม” ร่ายยาวบัญชีม้า ยาเสพติด สถานบันเทิงครบวงจร โยงประเทศเพื่อนบ้าน “ประเสริฐ” ลุกโต้ หลายอย่างทำไปแล้วแต่อาจไม่รู้
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 13 กันยายน 2567 น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ร่วมอภิปรายในวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ มีข้อมูลของประชาชนแทบทุกอย่างรั่วไหล แต่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอย่างเด็ดขาดได้ทั้งที่ประชาชนเผชิญปัญหามานานแล้ว บางคนหมดตัว ร้ายแรงที่สุดกระทั่งเสียชีวิต เป็นปัญหาที่รุนแรงและเรื้อรังที่ทำลายชีวิตประชาชน
จากนั้นยกคำแถลงนโยบาย ซึ่งอยู่ในนโยบายเร่งด่วนที่ 9 คือ รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือเหยื่อของมิจฉาชีพอย่างทันท่วงที โดยผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์
...
น.ส.รักชนก ตั้งคำถามต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร ด้วยวิธีไหน หรือเป็นเป้าหมายเท่ ๆ ที่ประกาศไปก่อนเหมือนดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ แต่ความจริงแล้วคิดไปทำไป โดยไม่มีการลงรายละเอียด และที่ผ่านมาการแก้ปัญหาก็ยังไม่เห็นผล ถึงเวลาแล้วที่นายกรัฐมนตรีต้องลงมากำกับด้วยตัวเอง อย่ามาชี้นิ้วสั่ง ขอให้ลงรายละเอียดว่าจะทำอะไร และถ้ายังปล่อยปละละเลย ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ชีวิตที่รัฐบาลจะไม่สามารถช่วยได้
จากนั้นเวลา 22.49 น. เข้าสู่การอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในนโยบายเร่งด่วนที่ 8 และ 9 โดยภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ติดยาเสพติดและคดียาเสพติดก็เพิ่มขึ้น สถิติการจับยาบ้าก็มากขึ้นเช่นกัน สะท้อนว่ายาเสพติดที่เข้ามาในประเทศมากมายเพียงใด และถูกใช้เป็นทางผ่านไปยังประเทศต่าง ๆ จนกลายเป็นแหล่งส่งออกยาเสพติด ราคายาบ้าในปัจจุบันแพงกว่าไข่ไก่ไม่เท่าไหร่ 5 บาทก็ซื้อได้แล้ว แสดงว่ายาเสพติดทะลักเข้ามาในไทยจำนวนมาก รัฐบาลที่ผ่านมาปราบปรามล้มเหลว แล้วรัฐบาลปัจจุบันจะรับผิดชอบอย่างไรต่อ ซึ่งแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดคือกลุ่มว้า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร จะเจรจากับทหารรัฐบาลเมียนมาได้จริงหรือไม่
นายรังสิมันต์ ระบุต่อไปถึงจุดขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่อาจจะถูกนำไปผลิตยาเสพติดจำนวนมหาศาล มีเส้นทางการเงินบัญชีม้ากว่า 500 บัญชี เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และทุกวันนี้ยังไม่มีการขยายผลจับกุมเจ้าของบัญชีม้า และก็ยังมีการจ่ายไฟตามปกติ หากรัฐบาลดำเนินการตัดไฟจะทำให้ขบวนการยาเสพติดขนาดใหญ่นี้อ่อนแอลงได้
ในประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำให้ประชาชนเกิดความเศร้าโศกรายวัน บางคนถึงแก่ชีวิต มีการแจ้งความออนไลน์จำนวนมาก รัฐบาลต้องหยุดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และสมควรเป็นวาระแห่งชาติ แต่ก็ยังไม่เห็น โดยเมื่อสืบสาวไปก็จะเจอบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ผูกโยงไปประเทศเพื่อนบ้าน การหลอกลวงประชาชนทางออนไลน์ เหยื่อจะโอนไปบัญชีม้า และมีการโอนเป็นทอดๆ ทำให้ติดตามได้ยาก ซึ่งการโอนเงินนี้ใช้เวลาเพียงหลักวินาที เพราะมีโปรแกรมอยู่เบื้องหลัง ประเทศไทยมีบัญชีม้าไม่น้อยกว่า 4 แสนบัญชี จากการรับจ้างเปิด ธนาคารควรจะทราบหรือไม่ว่าการโอนเงินเช่นนี้เกิดจากบอท ประชาชนทั่วไปคือปลายน้ำ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
พร้อมแนะว่าการปิดบัญชีม้าที่ทำแล้วจบ คือต้องปิดไปที่เลขประจำตัวประชาชน การปราบปรามบัญชีม้าอย่างเป็นรูปธรรมน้อยมาก จึงเรียกร้องว่ามีความสำคัญมากในการจัดการบัญชีม้า และสถาบันการเงินต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ผู้ที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ก็ถูกทรมานในหลายรูปแบบ เป็นการหลอกลวงคนให้ไปทำงาน และการที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยเป็นผู้ให้ดำเนินโดยอ้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด รวมถึงต้องสืบไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่แอบต่อสายข้ามแดน เป็นไปได้หรือไม่ที่บริษัทใหญ่จะไม่รู้ ที่ผ่านมาองคาพยพที่มีความรับผิดชอบต่อผู้เสียหายมีน้อยมาก อยากให้รัฐบาลทำให้ชัด ทำให้จริง
ทางด้านสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่รัฐบาลมีนโยบายแถลงต่อรัฐสภา ไม่มีคำว่ากาสิโน แต่กังวลใจต่อการผลักดันนโยบายนี้ เห็นด้วยที่จะดึงธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาบนดินเพื่อเก็บภาษี แต่การทำสถานบันเทิงครบวงจร เป็นคนละเรื่องกับการแก้ไขการพนันผิดกฎหมายและบ่อนต่าง ๆ หากนายกรัฐมนตรีต้องการแก้ปัญหาจริง ๆ ต้องวางนโยบายให้ชัดว่าต้องการอะไร หวังว่าจะคิดให้ขาดก่อนดำเนินนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร อย่าคิดไปทำไป สิ่งแรกที่ต้องทำคือการบังคับใช้กฎหมายต้องมีประสิทธิภาพ มีมาตรการการฟอกเงิน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากร ยังไม่เห็นเจตจำนงของรัฐบาลในการป้องกันกลุ่มทุนสีเทาเข้ามาลงทุนในไทย จะมีศักยภาพแค่ไหนในการขจัดภัยคุกคาม อย่ารอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ เราต้องการความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาให้ประชาชน เพราะประเทศชาติไม่ใช่เรื่องของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน
เวลา 23.33 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่มีการพาดพิงถึงคนอื่นให้เกิดความเสียหาย และสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ในเรื่องบัญชีม้า เรามีการปราบปรามเข้มงวดขึ้นมาก มีการตกลงกับธนาคารว่าบุคคลเหล่านั้นห้ามเปิดบัญชีอีก ส่วนเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล 46,000 กว่าหน่วยงาน เราตรวจสอบเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบพบก็สั่งให้มีการแก้ไขโดยยังไม่เกิดความเสียหาย พร้อมยอมรับว่ามีการลอบขายข้อมูล เราเอาจริงในเรื่องนี้ มีการปรับนิติบุคคลรายใหญ่รายหนึ่งไป 7 ล้านบาท พร้อมกำชับว่าถ้าปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลต้องมีการรับโทษ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน
เรื่องการเยียวยาผู้เสียหาย กระทรวงทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการที่จะออกกฎหมายเพื่อเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย ที่ยังคืนไม่ได้เพราะมีผู้เสียหายหลายคนใน 1 บัญชีม้า อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน ร่างกฎหมายเสร็จแล้วอยู่ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งประกาศใช้ และที่ผ่านมาเราทำงานกับประเทศเพื่อนบ้านมาตลอดแต่ท่านอาจจะไม่รู้ การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ วันนี้ตัวเลขเริ่มลดลง เริ่มเห็นผลแล้ว และจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เข้าใจในความปรารถนาดี ขอบคุณในคำแนะนำ แต่หลายสิ่งรัฐบาลดำเนินไปเสร็จสิ้นแล้ว นายรังสิมันต์ จะขอชี้แจงเพราะเสียหาย ตนยืนยันในข้อมูลที่ได้รับมาจากหน่วยความมั่นคง ฝากรัฐมนตรีว่าจะต้องมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังกับผู้เปิดบัญชีม้า โดยเฉพาะ 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับค่าไฟที่ได้อภิปรายไป.
(ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)