“สุริยะ” ยัน ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้แน่ ชี้ “สุรเชษฐ์” เข้าใจคลาดเคลื่อน ก่อนเกิดการโต้เถียงไปมา ก่อนท้าให้มาที่กระทรวงคมนาคม

วันที่ 13 กันยายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภา ในวาระคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยขอบคุณ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ให้ความสนใจและอภิปรายเกี่ยวกับภารกิจของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะเรื่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่า หลักคิดของผู้บริหารองค์กรที่ดี คือทุกปัญหามีคำตอบ ต่างจากผู้บริหารที่ล้มเหลว ซึ่งมักคิดว่าทุกคำตอบมีปัญหา

“โครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีปัญหาอุปสรรค แต่ผมก็ยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถหาคำตอบ เพื่อทำให้สำเร็จได้”

นโยบายดังกล่าวรัฐบาลทำแน่และทำไปแล้ว ทันทีที่ตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นวันแรก ก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายได้โดยเร็ว แบ่งเป็นส่วนที่รัฐบาลดำเนินการเอง คือ สายสีแดง สายสีม่วง จะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน แต่ส่วนที่รัฐสัญญาให้สัมปทานกับเอกชน จะต้องใช้เวลาดำเนินการภายใน 2 ปี ซึ่งขณะนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านก็มีความสงสัยว่าจะทำได้หรือไม่ แต่หลังจากรับตำแหน่งไม่ถึง 2 เดือน กระทรวงคมนาคมสามารถทำตามนโยบายของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วงได้ทันที ส่วนสายอื่นที่เหลือจำเป็นต้องมีการใช้อำนาจทางกฎหมาย และได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าต้องใช้เวลาอีก 2 ปี คือภายในเดือนกันยายน 2568

...

นายสุริยะ กล่าวต่อไปว่า การเดินหน้านโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสายนั้น รัฐบาลจะเดินหน้าอย่างแน่นอนภายในเดือนกันยายน 2568 จะเป็นคนละส่วนกับการซื้อคืนสัมปทานให้บริการเดินรถจากเอกชน เรื่องนี้เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวที่จะต้องมีการศึกษาในรายละเอียด ในประเด็นนี้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนินการ ด้วยการสนับสนุนและร่วมมือจากกระทรวงคมนาคม

ส่วนข้อสงสัยว่ารัฐจะนำเงินส่วนใดมาอุดหนุนส่วนต่างให้ผู้ประกอบการหลังลดค่าโดยสารแล้ว นายสุริยะ แจงว่า กระทรวงคมนาคมมีหลักคิดว่าเงินอุดหนุนส่วนต่างหลังลดค่าโดยสาร จะเป็นเงินจากกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม อีกทั้งยังมีเงินอีกหลายส่วนที่ไม่จำเป็นต้องนำมาจากภาษีประชาชนโดยตรง แต่สามารถขอเงินจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นการนำเงินจากผู้ใช้น้ำมัน มาลดการใช้น้ำมัน ให้เกิดการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

“ผมขอยืนยันว่านโยบายดังกล่าวรัฐบาลทำได้ ทำจริง ทำเร็ว ทำให้เห็นมาแล้ว และจะทำต่อไป ภายใต้กำกับของท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติโดยรวม”

ต่อมา นายสุรเชษฐ์ ขอให้สิทธิพาดพิงว่า นายสุริยะ มีการพาดพิงในทางเสียหาย กล่าวว่าข้อมูลที่ตนให้มีความคลาดเคลื่อนหลายส่วน พร้อมขอให้ชี้แจงให้ชัดว่าส่วนไหนที่บอกคลาดเคลื่อน เพราะการชี้แจงไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่ได้ตอบคำถามอะไร ตนเข้าใจในข้อจำกัดทางเวลา เคยเถียงกันมาตั้งแต่นโยบายรอบที่แล้ว รอหนังสืออยู่ พร้อมถกเถียงเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศ

จากนั้น นายสุริยะ ได้ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้ว่า “เฉพาะที่บอกว่านโยบาย 20 บาททำไม่ได้ คลาดเคลื่อนไหมครับ ผมบอกว่าผมทำได้ สิ่งที่ถึงทำให้คนเข้าใจผิดว่าทำไม่ได้ แล้วก็รถไฟ 20 บาท สายสีแดงกับสีม่วง เราก็ทำไปแล้ว ท่านก็มีการพูดทำนองว่าสายนั้นตั้งแต่รัฐบาลท่านประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี) เขาทำมาแล้ว ซึ่งสมัยท่านประยุทธ์ทำ เป็นเฉพาะช่วงโควิด-19 ทำสั้นๆ ไม่ได้ยาวเหมือนที่รัฐบาลนี้ทำนะครับ”

โดย นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกครั้งว่า “ที่บอกว่าทำไม่ได้ ท่านกลับไปดูที่ผมอภิปราย 4 เงื่อนไขที่ท่านประกาศไว้ ทุกสาย ข้ามสาย ภายใน 3 เดือน ใช้วิธีเจรจาเพื่อลดราคา แล้ววันนี้มาบอกเวนคืน ที่บอกเวนคืนนี่สายไหน เมื่อไหร่ หรือแค่บอกว่าจะศึกษา แต่ที่บอกว่าทำแล้วนี่ไม่ใช่แค่มายืนชูแบงค์ 20 อย่างนี้นะครับ เพราะสายสีม่วงก็เคยลดราคาแล้วเป็น 20 บาท ไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม พร้อมถกเถียงครับว่า 20 บาทตลอดสายของท่าน กับ 8-45 บาท ที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยเสนอ อะไรดีกว่ากัน อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่ากัน แล้วก็รอมาตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับ มาพร้อมกันเลยก็ได้นะครับ 3 คน”

นายสุริยะ จึงได้กล่าวขึ้นว่า ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง นายสุรเชษฐ์ จะมาที่กระทรวงคมนาคมเมื่อไหร่ ตนเชิญให้มาได้ บอกแล้วว่ายินดี พร้อม กระทรวงคมนาคมไม่เคยปิดกั้น จะมาเมื่อไหร่นัดมา “ไม่ต้อง 3 คนหรอกครับ ผมคนเดียวนี่แหละครับ รับผิดชอบได้ครับ” จากนั้นมีเสียงแย่งขึ้นพูดขึ้น จนนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ที่กำลังทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องขอให้จบ ไปพบรัฐมนตรีที่กระทรวง เพื่อไม่เสียเวลาในการอภิปรายต่อ.