โค้งสุดท้าย เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เขต 1 “สมศักดิ์-เสริมศักดิ์” นำทัพผู้สมัครร่วมปราศรัย ระบุ เลือก “จเด็ศ” ได้ สส.รัฐบาลเพิ่ม เริ่มงานทันที ไม่ต้องรอปี 2570 เหมือนฝ่ายค้าน ลั่น “ทักษิณ” ไม่ปล่อย ไม่ทิ้ง สั่งดูแลประชาชน ตอบแทน 17 ปีลี้ภัยการเมือง ด้าน “จเด็ศ” ชูผลักดันพระราชวังจันทน์ เป็นมรดกโลก

วันที่ 13 กันยายน 2567 เมื่อเวลา 06.30 น. ที่จังหวัดพิษณุโลก นายจเด็ศ จันทรา หรือ บู้ ผู้สมัคร สส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 ได้ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยจุดแรกได้ลงพื้นที่ตลาดร้อยปี บึงพระ ก่อนเดินผ่านหน้าโรงเรียนวัดน้อย และพบปะพ่อค้าแม่ค้า ที่ตลาดวัดธรรมจักร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก 

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายจเด็ศ ได้ลงเรือหาเสียงในชุมชนชาวแพ บริเวณริมแม่น้ำน่าน เมืองพิษณุโลก เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก 

จากนั้น เวลา 17.00 น.  นายจเด็ศ ได้ปราศรัยย่อยเวทีสุดท้าย ที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลท่าทอง โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวรชัย เหมะ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข และนายชัย วัชรงค์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมช่วยผู้สมัครหาเสียงอย่างคึกคัก

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ ตนตั้งใจมาจากกทม. เพราะพี่น้องประชาชน มากันจำนวนมาก รวมถึงมีพี่น้อง อสม.มากันจำนวนมากด้วย ซึ่งตนก็กำลังผลักดันความมั่นคงให้กับ อสม. ดังนั้น ถ้ามีผู้แทนเป็นฝ่ายรัฐบาล ก็จะช่วยผลักดันเรื่องเหล่านี้ได้ โดยที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2500 จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 ไม่มี สส.ฝั่งรัฐบาลเลย จึงมาขอโอกาสให้คนรุ่นใหม่ เข้ามาเป็นตัวเชื่อมสำคัญระหว่างพื้นที่กับรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เขต 1 พิษณุโลก มีผู้แทนเป็นรัฐบาล โดยตนมั่นใจว่า รัฐบาล นำโดยนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะไม่มีทางลืมชาวพิษณุโลก ซึ่งที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า งบประมาณบริหารประเทศมีจำกัด โดยถ้าไม่มีคนตามให้ ก็จะเสียโอกาส ดังนั้น ต้องเลือกฝ่ายรัฐบาล ที่สามารถทำงานได้ทันที ไม่ต้องรอฝ่ายค้าน ถึงปี 2570 ซึ่งวันนี้ ตนมองว่า ไม่ต้องคิดแล้ว เลือก “บู้ จเด็ศ” ได้เป็นรัฐบาลทันที 

...

นายสมศักดิ์ ทิ้งท้ายก่อนการปราศรัยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยแล้วจะไม่ปล่อย จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน ท่านสั่งมาให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ตอบแทนที่ไม่ได้อยู่ไทยมา 17 ปี

ขณะที่ นายจเด็ศ กล่าวว่า วันนี้ตนดีใจมาก ที่ได้มาพบปะกับพี่น้องประชาชน เพราะมีสิ่งที่ตนอยากผลักดันให้สำเร็จ ซึ่งตนเกิดและโตที่พิษณุโลก โดยมีแต่คนพูดว่า เราเป็นเมืองรอง ทั้งที่สามารถพัฒนาเป็นเมืองหลัก ให้เกิดรายได้แก่พี่น้องประชาชนได้ ส่วนปัญหาขยะ ตนอยากให้มีโรงงานแปรรูป นอกจากแก้ปัญหาขยะแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้จากการแปรรูปได้อีกด้วย รวมถึงตนอยากช่วยลดปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเดินหน้าพัฒนาจังหวัดด้วยการท่องเที่ยว โดยเตรียมผลักดันพระราชวังจันทน์ เป็นมรดกโลก ดังนั้น เราต้องไปกาให้พิษณุโลก ได้พัฒนา ซึ่งวันนี้ เราไม่ได้หาผู้แพ้ชนะ แต่เราต้องการคนเข้าไปทำหน้าที่ได้ทันที 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการปราศรัยนายจเด็ศ ได้ขอโอกาสพี่น้องประชาชน ด้วยการก้มลงกราบที่พื้นต่อหน้าประชาชน ที่เดินทางมาฟังการปราศรัยกว่า 800 คน โดยพี่น้องประชาชน ได้ต่างปรบมือเพื่อเป็นกำลังใจอย่างคึกคัก

ด้าน นายชัย กล่าวว่า ข้อแตกต่างระหว่างฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน คือ รัฐบาลมีหน้าที่บริหารงบประมาณ พร้อมมีบุคลากรจำนวนมาก ที่จะช่วยพัฒนาและแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แต่ฝ่ายค้าน มีแค่หน้าที่ตรวจสอบเท่านั้น ดังนั้น เราต้องเลือกผู้แทนเป็นฝ่ายรัฐบาล จะได้มีคนประสานขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลก มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เราสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ ไม่ต้องลุ้นใครจะเป็นรัฐบาล เพราะเราเห็นชัดเจนแล้ว ดังนั้น ถึงเวลาที่เราต้องกาเบอร์ 2 เพื่อตัวเราเอง 

ในการสัมภาษณ์หลังจากเวทีปราศรัย ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยนำพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถเอาชนะเวทีนี้ไปได้นั้น นายสมศักดิ์ ตอบว่า การร่วมรัฐบาลเป็นไปตามกลไกลของกฎหมาย เรื่องรองก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามวิถีของประชาธิไตยและกฎหมาย หากจะไปอาลัยอาวรณ์ในอดีตไม่ได้ ที่ผ่านมาหากไม่ก้าวข้ามก็จะจมปลักอยู่ตรงนั้น 

ส่วนความคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนมั่นใจว่าประชาชนจะมาใช้สิทธิ์ เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ และถือเป็นกระแสที่ดี ที่มีนายกรัฐมนตรีใหม่ จะทำให้ประชาชนได้นึกถึงรัฐบาลที่เก่งกล้า และผ่านเวทีเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ อีกทั้งตอนนี้ ไม่มีขั้วไหน มีแค่พรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็ต้องมารอดูว่าเวทีของพิษณุโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปซึ่งตนก็ยังมั่นใจในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ และนายจเด็ศจะเริ่มทำงานกับรัฐบาลได้ทันที

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 2567) แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวรชัย เหมะ นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์  และนายชัย วัชรงค์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ช่วย นาย จเด็ศ หาเสียงเลือกตั้งตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงค่ำ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ได้รับเสียงตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการนำเสนอนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงการนำเสนอนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ พร้อมทั้งได้เดินทางต่อไปที่ อนามัยวังน้ำคู้ เพื่อพบปะกับกลุ่ม อสม. ก่อนจะไปปิดท้ายปราศรัยย่อยที่สวนเฉลิมพระเกียรติเรือนแพ 

โดยนายเสริมศักดิ์ ได้กล่าวปราศรัยโน้มน้าวประชาชนในการตัดสินใจว่า ต้องการ ฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล โดยหากเลือกรัฐบาล นายจเด็ศ จะสามารถลงมือทำงานได้ทันที เพื่อผลักดันความเดือดร้อนให้ได้รับการแก้ไข  จึงขอให้เชื่อมือ พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น ซึ่งเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเอาคนทำงานได้ อย่าเอาคนไปค้านเพิ่มอีก