“พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” ยื่นร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถอดถอนตัดสิทธิ์ทางการเมือง “พลเอกประวิตร” และยุบพรรคพลังประชารัฐ หลังปรากฏคลิปเสียงเรียกรับเงิน แทรกแซงแต่งตั้งข้าราชการ มท. หวังหาผลประโยชน์ดึงงบประมาณ ผิดรัฐธรรมนูญ ม.46 วรรค 2 และ ม.160(4)(5) ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

วันที่ 13 ก.ย. 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นถอดถอนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สส.บัญชีรายชื่อ จากกรณีคลิปเสียงหลุด “เรียกรับเงิน” และ “แทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย” ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่ทางรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 67

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จากคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ออกมา มีทั้งคลิปเสียงที่เป็นการสนทนาระหว่าง “ลุง” ที่มีเสียงคล้ายพลเอกประวิตรพูดคุยกับนายโอ๋ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในลักษณะทวงถามและเรียกรับเงิน และคลิปเสียงสนทนาระหว่างพลเอกประวิตรกับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ส่อไปในลักษณะแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำไปสู่การใช้อำนาจดึงงบประมาณมาให้พลเอกประวิตร

พฤติการณ์ของพลเอกประวิตรถือเป็นการกระทำที่ผิดทั้งทางกฎหมายและผิดจริยธรรมร้ายแรง รวมทั้งผิดข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุไว้ว่า “ไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ”

พลเอกประวิตรในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะต้องประพฤติตนโดยถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ที่สำคัญพลเอกประวิตรไม่มีหน้าที่และอำนาจเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยและแทรกแซง “งบประมาณ” ซึ่งเป็นเงินของแผ่นดินที่จะต้องจ่ายได้โดยชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง

...

“พฤติกรรมของพลเอกประวิตรน่าจะมีเจตนาเพื่อเอาประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน เพื่อทุจริตงบประมาณแผ่นดิน ถือเป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ และกระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 46 วรรค 2 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง สมาชิก หรือผู้ใด เพื่อจูงใจให้ตนหรือบุคคลอื่นได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือในหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงตาม ม.160(4)(5) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

จึงขอให้ กกต. พิจารณาไต่สวน และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพื่อถอดถอนและเพิกถอนสิทธิทางการเมืองพลเอกประวิตร รวมทั้งยุบพรรคพลังประชารัฐ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ประกาศและข้อบังคับประมวลจริยธรรมฯ ต่อไป