ยังชอบใจที่ฝ่ายค้านได้ส่งเสียงไปถึงรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ระหว่างนโยบายของรัฐบาล

“1 ปีที่สูญเปล่า 3 ปีเจ๊าหรือเจ๊ง”

เพราะมันคือการสะท้อนภาพความเป็นมาของรัฐบาลตั้งแต่ชุด “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

นโยบายคือสิ่งที่รัฐบาลนำไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแต่ 1 ปีของรัฐบาลชุดที่แล้วนั้นไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะทำได้อย่างที่ประกาศไว้หรือไม่

รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี “เพื่อไทย” เป็นแกนนำแถลงชัดเจนแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง โดยสรุปก็คือนำนโยบายเก่ามาใช้ต่อไป

เพียงแต่แถลงให้มันดูใหม่ถอดด้ามน่าสนใจมากขึ้นเนื่องจากเป็นรัฐบาลชุดใหม่แม้ดีเอ็นเอเดียวกันก็ตาม

ความสำเร็จหรือล้มเหลวจึงอยู่ที่ฝีมือและความสามารถ

อีกทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า “อิ๊งค์” นั้นแค่ไหนอย่างไร

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่บังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่คือปัญหาน้ำท่วมซึ่งประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้

โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงรายสาหัสที่สุด!

ก่อนหน้านี้เชียงรายก็เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบอุทกภัยแต่ก็ไม่หนักเท่าเพราะครั้งล่าสุดนี้เขาว่าในรอบ 50 ปีก็ว่าได้ที่หนักอย่างนี้

เพราะไม่ใช่แต่พื้นที่รอบนอกเท่านั้น แต่ในตัวเมืองเขตเศรษฐกิจก็ท่วมหนักจนทำให้เมืองทั้งเมืองประชาชนต้องประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน

รัฐบาลซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มรูปต้องรอให้การแถลงนโยบายผ่านพ้นไปเสียก่อน

เท่ากับว่ารัฐบาลไม่สามารถสั่งการอะไรได้

นอกจากดูอยู่ห่างๆ แบบเอาใจช่วยเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาว่าสั่งการก่อนที่จะมีอำนาจ

จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการ องค์กรเอกชน ประชาชน อาสาสมัครที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน

...

นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นตรงกันว่าเหตุที่ประชาชนเดือดร้อนกันมาติดค้างอยู่บนบ้านและที่สูง

ก็เพราะ...

ระบบเตือนภัยล้มเหลว การสื่อสารแจ้งเตือนภัยล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ไม่ต่างจากดินถล่มที่ภูเก็ตทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 13 คน

ว่ากันถึงเรื่องน้ำท่วมนั้นจริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องปกติเหมือนในต่างประเทศ แต่ของไทยนั้นไม่มีการแก้ไขที่เป็นระบบพอน้ำท่วมทีก็คิดทำโน่นทำนี่ แต่พอน้ำลดก็เงียบหายไป

นี่มันเป็นอย่างนี้ประเทศไทย

ปี 2554 น้ำท่วมใหญ่จะสร้างฟลัดเวย์ จะสร้างเขื่อน แต่จนถึงวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างยังคงเดิมฝนตกน้ำท่วมก็แก้กันเป็นคราวๆไป

มาถึงวันนี้รัฐบาลต้องคิดและเอาจริงเอาจังกันเสียทีเพราะสภาพอากาศโลกก็เปลี่ยนไปมีแต่จะเลวร้ายมากขึ้น

กว่าจะสิ้นฤดูในปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะท่วมหนักอีกหรือไม่

ยิ่งนายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรีก็กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีก!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม