"นายกฯอิ๊งค์" ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ-รัฐสภา ถือฤกษ์วันเถาะ เน้นรอมชอมช่วยให้ราบรื่น ขึ้นเวทีร่ายยาว 10 นโยบายเร่งด่วน สร้างโอกาส คืนความหวังคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี “เท้ง” แขวะผสมพันธุ์ข้ามขั้ว 1 ปีรัฐบาล 3 นายที่สูญเปล่า คนไทยเจ๊ากับเจ๊ง เงินใหม่ยังไม่เข้า หนี้เก่ายังไม่แก้ เหน็บดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อนายใหญ่ สถานบันเทิงครบวงจรล็อกประมูลให้นายทุน เวนคืนที่ดินมหาศาลเอื้อนายหน้าค้าที่ดิน “กรวีร์” ยุ รบ.ตั้งเองบ่อนถูก ก.ม.แทนให้ทุนยักษ์เขมือบ “เด็กลุงป้อม” ซัดที่ รบ.ตระบัดสัตย์ ขวางกาสิโนครบวงจรนโยบายชนชั้นนำเพื่อชนชั้นนำ คนไทยแค่เด็กแจกไพ่ “ไหม” หยันนโยบายก๊อบปี้ระดับมิรเรอร์ เค้นถามเงินหมื่นยังได้หรือไม่ “พิชัย” แจงทันควัน 25 ก.ย.แจกกลุ่มเปราะบางทันที “อิ๊งค์” ย้อนเข้าใจหัวอกคนอกหัก วอนเลิกคับแค้นผุดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง

รัฐบาลแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 วันแรก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงเน้นย้ำ 10 นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ เพื่อทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ขณะที่หัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตนโยบายเรือธงของรัฐบาลชุดนี้ เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อนายใหญ่ นายทุนและนายหน้า ไม่ได้ตกถึงประชาชนอย่างแท้จริง

นายกฯไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชุดใหญ่

เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 05.30 น. นายกฯถือฤกษ์ตรงวันเกิดตัวเองคือวันพฤหัสบดีและถือเป็นวันเถาะตามหลักโหราศาสตร์จีน เป็นวันที่มีการประนีประนอม เหมือนกระต่ายที่รักความสงบ รักสันติ การทำการในวันนี้เพื่อให้ทุกอย่างมีความรอมชอมผ่านไปได้อย่างราบรื่นด้วยดี และพบแต่สันติสุข โดยนายกฯจัดเตรียมเครื่องสักการะชุดผลไม้ 9 อย่างมาทำพิธีส่วนตัว ไม่มีรัฐมนตรีคนอื่นเข้าร่วม เริ่มจากสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตายายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เชิญพราหมณ์มาทำพิธี จัดโต๊ะสีขาวแยกวางต่างหากหน้าศาลพระภูมิ บนโต๊ะจัดวางชุดตุ๊กตาช้างม้าเบญจรงค์คู่ พร้อมพวงมาลัยและพานดอกบัว 2 พาน บนศาลพระภูมิ ได้นำชุดตุ๊กตาช้างม้าเบญจรงค์คู่และตุ๊กตานางรำชุดใหม่มาวางเพิ่ม จากนั้นขึ้นไปนั่งบนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเดินทางไปที่อาคารรัฐสภา แต่กำหนดการวันที่ 13 ก.ย. เวลา 07.30 น. ยังคงมีอยู่ นายกฯ และรองนายกฯจะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำทำเนียบฯพร้อมกัน

...

สักการะหน้าสภาครบถ้วนก่อนขึ้นเวที

จากนั้นเวลา 08.30 น. นายกฯเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถเบนซ์ รุ่น Vito Tourer สีบรอนซ์ เลขทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร เข้าอาคารรัฐสภา เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งแรก โดยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภา ทั้งศาลพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระภูมิชัยมงคล และศาลตายาย เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวฯ เป็นต้น และ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าร่วม เมื่อเดินเข้าอาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธารได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ก่อนขึ้นไปห้องประชุมรัฐสภา

ร่ายยาวแถลง 10 นโยบายเร่งด่วน

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมรัฐสภา โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯเป็นประธานการประชุมเพื่อให้ ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ นำความหวังคนไทยกลับมาเร็วที่สุด มีนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ดังนี้ 1.ผลักดันปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบ โดยไม่ขัดต่อวินัยการเงิน ไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมของผู้มีภาระหนี้สิน 2.การดูแลและส่งเสริม ปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ เช่น การพักหนี้ การจัดทำ Matching Fund หรือการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชน สร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง 3.การเร่งออกมาตรการลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การปรับปรุงกฎหมาย เช่น ทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน

เร่งสปีดดิจิทัลวอลเล็ตปัดฝุ่นครัวโลก

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า 4.สร้างรายได้ใหม่ด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี คาดว่ามูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพี นำไปจัดสรรสวัสดิการการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค 5.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกและผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล 6.ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ใช้แนวคิด “ตลาดนำนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นำเทคโนโลยีการเกษตรมาพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ฟื้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก 7.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล การแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในไทย 8.แก้ปัญหายาเสพติดเด็ดขาดและครบวงจร ตัดต้นตอ ปราบปรามยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด 9.เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพและอาชญากรรมข้ามชาติ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 10.สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการรัฐ

บูมโครงสร้างพื้นฐาน-ปฏิรูปภาษี

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ขณะที่นโยบายพัฒนาประเทศระยะกลางและระยะยาว จะต่อยอดพัฒนาภาคผลิตและบริการ สร้างความสามารถการแข่งขัน ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ปูพื้นฐานให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เช่น ส่งเสริมเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต ยกระดับภูมิปัญญาไทยไปสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งอาหารท้องถิ่น ผ้าไทย มวยไทย ศิลปะการแสดง ดนตรีไทย สุราชุมชน ยกระดับสินค้าโอทอป ให้ตอบสนองต่อความต้องการผู้บริโภคทั่วโลก ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้งทางราง ทางน้ำ ทางถนน และทางอากาศอย่างไร้รอยต่อ สร้างรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ยกระดับท่าเรือเพื่อเพิ่มศักยภาพเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า พัฒนาสนามบินและเส้นทางบินใหม่ๆ เช่น สนามบินล้านนา สนามบินอันดามัน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางคมนาคมและขนส่งภูมิภาค และจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การเปลี่ยนโครงสร้างทางภาษีครั้งใหญ่ ศึกษาความเป็นไปได้การปฏิรูประบบภาษีไปสู่แบบ Negative Income Tax ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเงินภาษีคืนเป็นขั้นบันได เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดินรัฐ แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน ยุติความขัดแย้งและแก้ไขข้อพิพาท

เร่งทำ รธน.ใหม่ฉบับประชาชน

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะยกระดับสาธารณสุขให้ดีกว่าเดิม ต่อยอดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ การส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ รัฐบาลจะสร้างการมีส่วนร่วมในการรับมือภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาฝุ่น pm 2.5 การยกระดับบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ จะพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทยและต่างชาติด้วยการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีนิติธรรม ความโปร่งใส ดังนี้ 1.เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็ว 2.สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินยึดมั่นหลักนิติธรรมและความโปร่งใส 3.ปฏิรูประบบราชการและกองทัพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อาทิ การปรับขนาดภาครัฐให้สอดคล้องกับภารกิจ การปรับเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ 4.ยกระดับการบริการภาครัฐให้สนองตอบความ ต้องการของประชาชน ขณะเดียวกันจะเสริมสร้างโอกาสให้ประเทศไทย และเกื้อกูลผลประโยชน์ประชาชน จะรักษาจุดยืนการไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ เดินหน้าสานต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุก

พาคนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลมีความมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกสร้างคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินชีวิต ตลอดจนดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่นตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทยและประเทศไทย สร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้ประเทศไทย จากวันนี้ไปถึงอนาคต

“เท้ง” สาวไส้ 1 ปี “รบ.3 นาย” สูญเปล่า

ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายเป็นคนแรกของ สส.ฝ่ายค้านว่า 1 ปีที่สูญเปล่า จากการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว จะตั้งชื่อเรียกเล่นๆว่า รัฐบาล 3 นาย นายใหญ่ นายทุน นายหน้า ที่มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง สยบยอมต่อกระบวนการนิติสงคราม ทำลายหลักนิติธรรม นิติรัฐของประเทศจนสิ้น คนยากไร้ก็สัญญาไม่เป็นสัญญาเงินใหม่ยังไม่เข้า หนี้เก่ายังไม่แก้ ปัญหาหมูเถื่อน ปลาหมอคางดำ รัฐบาลขาดอำนาจนำบริหารราชการ ดิจิทัลวอลเล็ตเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เรือธงลำนี้แทบไม่เหลือเค้าโครงอะไรอีกแล้ว ปราบยาเสพติดไม่บรรลุผล สวัสดิการเด็กเล็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ ไม่ได้เพิ่มขึ้น ความท้าทายประเทศในอนาคต 3 ปี จากนี้ที่คาดหวังจะเห็นจากคำแถลงนโยบายที่เป็นรูปธรรม อาทิ คนไทยต้องเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เสียหายปีละหลายหมื่นล้านบาท ไหนจะค่าแรงขั้นต่ำที่เคยอยู่ในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลชุดที่แล้ว กลับไม่อยู่ในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้

ดันเรือธงเพื่อนายใหญ่นายหน้านายทุน

นายณัฐพงษ์อภิปรายว่า ขอตั้งคำถามถึงนโยบายเรือธง เพื่อ 3 นาย นายใหญ่ นายหน้าและนายทุน เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายเรือธงที่ให้นายใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่ นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร มีข้อครหาว่าจะล็อกการประมูลเอื้อประโยชน์บางกลุ่ม เป็นเรือธงให้นายทุนหรือไม่ และนโยบายการเวนคืนที่ดินมากมาย เป็นนโยบายที่เอื้อนายหน้าค้าที่ดินหรือไม่ นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ปัญหานิติรัฐ และหยุดนิติสงคราม กลับไม่ได้ปรากฏในนโยบายเร่งด่วน และนโยบายเรือธง ประชาชนกำลังรอฟังผลลัพธ์ว่าการจัดตั้งรัฐบาลตัวแทน ที่สงสัยว่าอาจจะไม่ใช่ตัวจริง จะช่วยให้ 3 ปีต่อจากนี้เจ๊า หรือเจ๊ง หรือไม่ ถ้าเราไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ

จี้พูดนอกสคริปต์รื้อ รธน.โละคำสั่ง คสช.

นายณัฐพงษ์อภิปรายว่า ต้องการให้นายกฯ พูดนอกสคริปต์ แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ผู้นำที่ดีนอกจากการรับฟังความเห็นสมาชิกแล้ว ยังต้องชี้นำความคิดที่ถูกที่ควรให้กับสังคมด้วย และหวังว่านายกฯ จะลุกขึ้นตอบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นวาระด่วนของประเทศนี้ และมีประเด็นที่ต้องแก้ไขด่วนคือ แก้ไขมาตรฐานจริยธรรม ยกเลิกมาตรา 279 เพื่อเร่งรัดยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. เพิ่มหมวดป้องกันและต่อต้านรัฐประหาร ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่สามารถร่วมกันทำได้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ

“วิโรจน์” เตือนอย่าสั่งแต่ปากงบฯไม่มีให้

ต่อมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชน.อภิปรายถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า รัฐบาลที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนใดๆ ในการจัดสรรงบฯและรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาครบวงจร จนมาถึงคำแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธารไม่เห็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ ตั้งแต่การตั้งเป้าแก้ปัญหาที่สั่งแต่ปากแต่ไร้ผลในการปฏิบัติ ทำแบบสุกเอาเผากิน สั่งอย่างเดียวจะเอางานเร็ว แต่เงินงบฯไม่จ่าย ให้หน่วยงานปฏิบัติการปราบปราม การสำรวจ แล้วจะคืบหน้าได้อย่างไร หวังอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดนี้จะได้บทเรียนและไม่ทำเช่นนั้นอีก

ไล่ไปจับตัวใหญ่อย่าเน้นปั่นยอดคดี

นายวิโรจน์กล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ไขปมปัญหา 3 คือ 1.ควรมุ่งเน้นไม่ใช่การจับกุมคุมขัง สร้างภาพทำยอดคดี แต่ต้องมุ่งสนับสนุนงบฯการทำงานร่วมกับชุมชน ภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อพาผู้เสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดด้วยความสมัครใจ 2.การบำบัดฟื้นฟูผู้เสพติดต้องใส่ใจให้มากกว่านี้ เพิ่มแรงจูงใจให้เข้าบำบัดฟื้นฟู ผ่านการสนับสนุนงบฯในโครงการชุมชนล้อมรัก รัฐบาลควรประกาศใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ได้ ไม่ใช่แค่สั่งอย่างเดียว ต้องจัดสรรงบฯด้วย หากทำแต่ปาหี่ จับผู้เสพทำยอด จับแต่ไม่บำบัด คนที่ถูกจับจะวนกลับมาเสพใหม่ในชุมชนไม่จบไม่สิ้น ส่งเสริมแรงงานให้วงการค้ายาเสพติดจากเด็กเดินยาพัฒนากลายเป็นพ่อค้ายาเสพติด 3.ต้องใช้มาตรการถอนรากถอนโคนผู้จำหน่ายรายใหญ่ จับกุมแล้วต้องใช้ยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ให้จริงจัง ตัดอุปทานยาเสพติดอย่างได้ผล ขอย้ำนายกฯต้องจับตัวใหญ่ไม่ใช่จับตัวเล็กมาตีตราทำยอด ผู้เสพต้องได้รับการบำบัด ผู้ค้าต้องตามยึดทรัพย์ให้หมด ให้เป็นยาจกให้ได้ ถึงจะแก้ไขปัญหายาเสพติดได้

สว.ยกเพื่อนบ้านยังทำไม่สำเร็จ

นายขวัญชัย แสนหิรัณย์ สว.อภิปรายว่า การสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน เชื่อว่าไม่สามารถสัมฤทธิผลได้ภายใน 3-5 ปี ทันรัฐบาลปัจจุบัน ต้องใช้เวลามาก ทั้งสถานที่สร้าง การหาสถานที่ ใครจะเป็นผู้ลงทุน ประชาชนจะได้อะไร แม้ได้เล่นการพนันถูกกฎหมาย แต่อาจเกิดปัญหาสังคม โครงการนี้ใช้เวลานาน ไม่สอดคล้องนโยบายเร่งด่วน สิ่งเร่งด่วนขณะนี้คือแก้ปัญหาอุทกภัยมากกว่า มีผลศึกษาจากเพื่อนบ้านทางตะวันออกที่สร้างแต่เปิดไม่ได้ กลายเป็นเมืองร้างหรืออย่างประเทศทางใต้ของไทย มีโครงการสร้างจนเสร็จ เปิดแล้วแต่ไม่มีผู้เช่าพื้นที่ เพราะเศรษฐกิจมีปัญหา ขอให้ปรับรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องสภาพสังคม ลดความขัดแย้งให้เกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด

เด็กผู้กองเชียร์นโยบายรัฐบาล

ต่อมาช่วงเวลา 12.30 น. สส.พลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นอภิปรายติดกัน 2 คน คนแรกคือนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ พรรค พปชร. สังกัดกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรค พปชร.อภิปรายสนับสนุนนโยบายเร่งด่วนการหารายได้ต่างๆเข้าประเทศ ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เพราะคนไทยมีหนี้เยอะ แต่รายได้โตไม่ทัน ส่วนค่าไฟแพงขอสนับสนุนหาแหล่งก๊าซในประเทศเพิ่มเติม สร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน ทั้งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทยกับกัมพูชาในอ่าวไทย เจรจาการขุดเจาะน้ำมัน จะทำให้ต้นทุนค่าไฟในประเทศลดลงเหลือ 3 บาทกว่าๆ ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบแก้น้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซากเด็ดขาด ไม่ว่าใช้งบฯกลางหรือกู้เงิน

ซีก “ลุงป้อม” ซัดที่มา รบ.ตระบัดสัตย์

ขณะที่นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรค พปชร. สาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.อภิปรายวิจารณ์รัฐบาลดุเดือดว่า ความหวังคนไทยที่นายกฯแถลงจะทำให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เริ่มเลื่อนลอย รัฐมนตรีทั้งคณะเป็นคนเก่า 70-80% เหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่เขียนฉลากเพิ่มเติม มีพ่อแทนลูก ลูกแทนพ่อ น้องแทนพี่ องค์ประกอบ ครม.ชุดนี้มีทั้งสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่เป็นผลพวงจากพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศไทย ส่วนคนใหม่สืบทอดโดยสายเลือด สื่อมวลชนให้ฉายา ครม.ญาติกาบ้าง ผู้สืบสันดานบ้าง ไม่แปลกใจที่นโยบายรัฐบาลนี้ไม่ต่างจากรัฐบาลที่แล้ว ส่วนนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร บอกจะสร้างเศรษฐกิจดี คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่คนไทยจะถูกจ้างงานเป็นคนแจกไพ่ เป็นแรงงาน มีคนรวยไม่เกิน 10 ตระกูล แต่คนจนมีเป็นสิบๆล้านคน เป็นนโยบายจากกลุ่มชนชั้นนำเพื่อชนชั้นนำ เพื่อทุนขนาดใหญ่ ไร้ความหวังจากพฤติกรรมที่ทำ ยิ่งที่มาการตั้งรัฐบาลคือการตระบัดสัตย์ มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียงไปเป็นฝ่ายค้าน เสมือนหุงข้าวมาด้วยกัน พอข้าวสุกข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคงดออกเสียงเชิญมาเป็นรัฐบาล

พปชร.เปิดศึกเฉ่งกันเองกลางสภาฯ

จากนั้นนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรค พปชร.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ประท้วงว่า ตั้งแต่เริ่มต้นนายชัยมงคลทำผิดข้อบังคับ เสียดสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนหน้านี้สัก 2 สัปดาห์ยังเห็นด้วยนโยบายฉบับนี้ แต่วันนี้กลับเปลี่ยนใจ อยากให้ประธานกำชับสมาชิกปฏิบัติตามข้อบังคับ นายชัยมงคลจึงตอบว่า ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ต้องตรวจสอบรัฐบาล ไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้มาจากรัฐบาลชนชั้นสูงเพื่อชนชั้นสูง อาศัยมือประชาชนในคราบประชาธิปไตย แล้วอ้างประชาชนมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกลาม และมูมมาม ทำให้นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรค พท.ประท้วงให้นายชัยมงคลถอนคำพูดว่ากอบโกยและชนชั้นสูง นายชัยมงคลยอมถอนคำพูด

ทวงเริ่มแก้ รธน.เมื่อใดนิรโทษอย่าสูญ

น.ส.พุธิตา ชัยอนันต์ สส.เชียงใหม่ พรรค ปชน. อภิปรายว่า นโยบายรัฐบาลตกหล่นประเด็นสำคัญหลายประการ ไม่กล้าสัญญาจะเริ่มแก้รัฐธรรมนูญเมื่อไร เสร็จวันไหน ยังมีผู้รอคอยความยุติธรรมอยู่ เช่น เหตุล้อมปราบผู้ชุมนุม ปี 53 มีประชาชนตายด้วยอาวุธสงครามเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่มีหน้าไหนได้รับโทษ รัฐมนตรีหลายคนในห้องนี้เคยได้รับนิรโทษกรรมมาแล้ว ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พวกท่านจะคืนความยุติธรรมให้ประชาชนคนอื่นๆหรือไม่ พรรค ปชน. จะทวงถามความคืบหน้าการนิรโทษกรรม อย่าให้ 3 ปีต่อจากนี้เป็นเหมือน 1 ปีที่สูญเปล่า

ทิ่มวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด

ช่วงบ่าย นางอังคณา นีละไพจิตร สว.อภิปรายถึงการแก้ปัญหายาเสพติดว่า การที่รัฐบาลจะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านปราบปรามยาเสพติด กังวลว่าจะสร้างหลักประกันอย่างไรว่าจะไม่ละเมิดสิทธิข้ามชาติ รัฐบาลจะแก้ปัญหายาเสพติดเด็ดขาด มีหลักประกันอย่างไร จะไม่ซ้ำรอยนโยบายรัฐบาลช่วงทำสงครามยาเสพติดที่ผ่านมาที่มีคดีผู้ตายมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องยาเสพติด 1,187 คดี เป็นคดีฆาตกรรมที่ผู้ตายไม่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องยาเสพติด 834 คดี และยังมีคนถูกบังคับให้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง มีคนตาย คนหาย แต่ไม่มีคนผิด ที่รัฐบาลบอกจะพลิกฟื้นความเชื่อมั่น ยึดมั่นหลักนิติธรรม จะมีหลักนิติธรรมอย่างไร เมื่อยังมีวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด

สะกิดแผลตากใบแซะพ่อลูกชินวัตร

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.ได้หยิบยกเหตุการณ์สลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 มาอภิปราย พร้อมกับโชว์สไลด์รูปนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีคำบรรยายประกอบว่า “โอกาสของรัฐบาลลูกสาว อากาศของประชาชน ความรับผิดชอบทางการเมืองจากประวัติศาสตร์บาดแผลเหตุการณ์ตากใบ 25 ต.ค.2547” โดยนายรอมฎอนอภิปรายว่า เหตุการณ์ตากใบเมื่อ 20 ปี คือ บทเรียนที่นายกฯต้องเรียนรู้ ผู้เสียหายยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ หนึ่งในนั้นเป็น สส.ศาลพิจารณานัดแรกวันที่ 12 ก.ย.ไม่มีจำเลยไปศาล ออกหมายจับ 6 คน อยากเห็นนายกฯและรัฐบาล คลายปมปัญหาว่า วัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดต้องไม่มีอีก ขอให้นายกฯกล้าแสดงจุดยืน โน้มน้าวใจให้เพื่อนสมาชิกไปศาลในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อสร้างบรรทัดฐาน และหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งไปด้วยกัน ระหว่างอภิปราย สส.พรรค พท.พากันรุมประท้วง ให้เอารูปนายทักษิณที่เป็นคนนอกออกไป จนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ประชุม ตักเตือนและยืนยันให้นำออกไป แต่ สส.พรรค ปชน.หลายคนประท้วง โต้เถียงกันไปมา ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์ยืนยันว่า ผิดข้อบังคับ นายรอมฎอนยอมนำรูปนายทักษิณออกไป

“จิรัฏฐ์” หยันสู้ รปห.แต่ไม่ปฏิรูปกองทัพ

ต่อมานายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ปชน.อภิปรายถึงนโยบายกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งว่า “นายกฯบอกว่าการที่ประเทศไทยไร้เสถียรภาพทางการเมืองเป็นผลมาจากรัฐประหาร กระทบกระเทือนความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง วิเคราะห์อย่างดิบดีแต่ท่านจะป้องกันรัฐประหารอย่างไร ถ้าไม่มีนโยบายปฏิรูปกองทัพเลย ไม่มีอำนาจจัดวงกำลังพล ไม่มีอำนาจแก้กฎหมายเกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพของตัวเองไม่ได้ ไม่มีอำนาจบริหารงบฯกลาโหมเลย จะยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้อย่างไร ถ้าไม่แก้ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกลาโหม 2551 ฝ่ายค้านเสนอแก้กฎหมาย รัฐบาลเอาไปดองไว้ทำไม ถ้าจริงใจให้พรรค พท.ยื่นแก้กฎหมาย ไม่ต้องผ่านกฤษฎีกา ไม่ต้องผ่านสภากลาโหม รวมถึงกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ฝ่ายค้านยื่นแก้ไขไม่ให้กองทัพใช้เงินนอกงบประมาณอย่างอิสระ ท่านอุ้มไปดองไว้อีก 2 ฉบับที่ดองเอาไว้เป็นกฎหมายที่เกิดจากการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลคุณพ่อของท่าน คุณอาท่านในอดีต อย่าไปออกตัว ปกป้องกฎหมายที่เป็นผลผลิตมาจากการทำลายล้างครอบครัวท่านได้ไหม”

“ไหม” เค้นคอเงินหมื่นยังได้รึเปล่า

ช่วงเย็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชน. อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจว่า ตรวจนโยบายไม่มีอะไรแตกต่างจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ยังเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง เขียนคำกว้างๆ แต่ไม่รู้วิธีทำ เป้าหมายไม่ชัด บางนโยบายจางหายไป เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต คำว่า 10,000 บาทหายไป ขอให้รัฐบาลตอบมาว่า จะยังได้รับเงิน 10,000 บาทอยู่หรือไม่ นโยบายที่แถลงไม่เหมือนที่เคยหาเสียงไว้ แต่เหมือนกับวิสัยทัศน์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่พูดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 ตรงกัน 11 จาก 14 ประเด็น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ตเริ่มจากกลุ่มเปราะบางก่อน หลายสิ่งอาจรีไซเคิล ซิกเนเจอร์ของรัฐบาลไทยรักไทย เหมือนระดับมิลเลอร์ AAA+ อาจมีปัญหา ไม่ใช่การครอบงำ แต่เป็นความรับผิดชอบ ต่อไป ประชุม ครม.อาจเป็นเพียงพิธีกรรม เรื่องสำคัญอาจถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น ขอให้ท่านมาตอบรายละเอียดเอง อยากเห็นนายกฯที่มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นดาวฤกษ์ไม่ใช่ดาวเคราะห์ ขอเดาว่ามีมือที่มองไม่เห็นที่คอยมาสั่งอย่างเดียว จะเอาให้ได้ แต่ไม่รู้หน้างานเป็นอย่างไร เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ เหมือนเมาหมัดทำๆไปก่อน สุดท้ายเครดิตความเชื่อมั่นรัฐบาลจะไม่เหลือ พายุหมุนที่คาดหวัง จะกลายเป็นความกดอากาศต่ำ

“พิชัย” การันตีเงินก้อนแรกไหล 25 ก.ย.

จากนั้นเวลา 17.45 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ชี้แจงถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจว่า 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตต่ำ ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ศักยภาพจะยิ่งอ่อนด้อยปัญหายิ่งลุกลาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร เวลานี้น่าจะมีแนวคิดในทางเดียวกัน แต่วันนี้รัฐบาลรอเวลาไม่ได้ต้องฟื้นฟูและเสริมสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมๆกัน ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็นต้องเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คำนึงถึงความพร้อมของระบบและคำนึงถึงเงินในกระเป๋า รัฐบาลจะทำให้เร็วที่สุด การจ่ายเงินรอบแรกจะเป็นเงิน 10,000 บาท 14.2 ล้านคน วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท น่าจะกดปุ่มเคาะระฆังให้เงินก้อนแรกไหลได้วันที่ 25 ก.ย.นี้

“อิ๊งค์” ย้อนหยุดคับแค้นสร้างวาทกรรม

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายว่า ปัญหายาเสพติดจะสานต่อนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯเน้นป้องกันตามแนวชายแดน จับผู้ค้ารายใหญ่ให้รายเล็กหายไปโดยปริยาย รอไม่ได้จะมุ่งเรื่องนี้อย่างเข้มข้น วางแผนแล้วลงพื้นที่แล้ว ได้เจอชาวบ้านพูดขึ้นเองว่าไม่เอาดิจิทัลวอลเล็ตแล้วเอาเรื่องยาเสพติดก่อน และเข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้งเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล พรรค พท.เคยได้เสียงอันดับ 1 แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้เช่นกัน มาเป็นฝ่ายค้านกับพรรคก้าวไกล 4 ปี แต่วันนี้พรรค พท.ถูกเลือกโดยประชาชน 10.9 ล้านคน และพรรคร่วมฯได้เสียงจากประชาชนเช่นกัน ทุกเสียงคือเสียงประชาชน ไม่มีเสียงใด มีศักดิ์ศรีหรือด้อยศักดิ์ศรีกว่ากัน อยากให้ทุกคนอภิปรายสร้างสรรค์ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชังให้เกิดความเข้าใจผิด เราเป็นคนรุ่นใหม่เป็นตัวอย่างให้ประชาชนได้ว่ามีการเมืองสร้างสรรค์ได้ ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงหาเสียง ไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านั้น ไม่อยากให้ฝ่ายค้านมีเรื่องคับแค้นใจเป็นฝ่ายแค้นแทน เราไม่ต้องแค้นกัน แต่ต้องเข้าใจกัน อยู่ในสภาฯด้วยหลักความเข้าใจที่ถูกต้อง

แจกหมื่นรอบ 2 ต้องดูเงื่อนไข 2-3 ปัจจัย

ต่อมาเวลา 19.45 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงถึงกรณีจะจ่ายเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับกลุ่มเปราะบางในวันที่ 25 ก.ย. ว่า ประมาณนั้น เมื่อถามต่อว่า กลุ่มที่ 2 จะจ่ายให้ในช่วงประมาณเดือนใด นายพิชัยตอบว่า เราจะดู 2-3 ปัจจัยก่อน ถึงจะกำหนดได้ทางเศรษฐกิจ แต่ต้องให้มีความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ เมื่อถามต่อว่า การจ่ายในรอบที่ 2 จะแบ่งจ่ายหรือจ่ายในครั้งเดียว นายพิชัยตอบว่า ต้องดูปัจจัยและองค์ประกอบก่อน เมื่อถามย้ำอีกว่า การจ่ายในรอบที่ 2 จะเป็นเงินสดใช่หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า อย่างที่บอกจะดูเงื่อนไขต่างๆเป็นอย่างไร มีหลายเรื่อง

“เด็จพี่” ร้องสอย “ลุงป้อม” เรียกรับเงิน

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค พท. ยื่นคำร้องเอาผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากคลิปเสียงที่เผยแพร่ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่อง 9 MCOT เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปรากฏการสนทนาของคน 2 คน คนหนึ่งเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตรคุยกับนายโอ๋ ชื่อเล่นของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นพฤติการณ์ทวงถามและเรียกรับเงิน กระทำผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรมนักการเมือง เป็นเจ้าพนักงานรัฐกระทำผิดรัฐธรรมนูญ เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามมาตรา 172 มาตรา 173 กฎหมาย ป.ป.ช.และ ป. อาญามาตรา 157 รวมทั้งผิดจริยธรรมร้ายแรงเพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดีฐานเรียกรับเงิน

“หนู” ไม่ใส่ใจคลิปฉะคุยกันต้องจริงใจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคลิปเสียง อย่าไปให้ความสำคัญ เปลืองเนื้อที่สมอง ลองฟังดูแล้วเป็นเรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ที่นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน เป็นเรื่องไม่ดี สนทนากันต้องซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่ควรอัดเทป ต้องเลิกค่านิยมเหล่านี้ แต่ไม่กังวลเพราะเวลาพูดตามข้อเท็จจริง เดี๋ยวนี้มีคนเตือนให้ระวังเวลาพูดจะอัดเทป อัดก็อัดไป ไม่ได้พูดอะไรเป็นความลับ หรือสิ่งผิดทำนองคลองธรรม เมื่อถามว่ายังมีคลิปเสียง ที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามีคลิปเสียงออกมาอีกหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า มีการอัดหรือไม่ ไม่รู้ วันที่ไปประชุมไม่ได้มีการชี้นำชี้แนะ ครอบงำ พูดคุยระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่ไม่มีนายกฯ เพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพ้นจากตำแหน่ง

“ธรรมนัส” เตือน “ลุง” แล้วระวังดักฟัง

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรค พปชร.กล่าวถึงคลิปเสียงคล้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.คุยกันในบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า ไม่ทราบ ไม่มีเสียงของตนเลย หรือว่ามีก็ไม่รู้ ขอไม่แสดงความคิดเห็น เมื่อถามว่า คลิปปล่อยมาเหมือนปิดสวิตช์ พล.อ.ประวิตร เพื่อเอาคืนกันหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า ในฐานะเคยเป็นสมาชิกพรรค พปชร.มีอะไรฝากถึง พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่มี ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เมื่อถามว่า มีหลายคนมองว่า คลิปที่หลุดออกมาเป็นฝีมือ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า จะเอามาจากไหน ออกมาตั้งนานแล้ว บางคลิปเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ลองฟังให้ดี คงไม่มีความสามารถขนาดนั้น แต่ได้เตือนสมัยที่อยู่ในพรรคแล้วว่าจะคุยอะไรทางโทรศัพท์ให้ระวังโดนดักฟัง แม้กระทั่งตนยังต้องระวัง ต้องมีกระบวนการภายในพรรคเอง อย่าไปโทษคนอื่นเลย เป็นเรื่องภายในมากกว่า ใครจะเข้าถึงตรงนั้นได้ง่ายๆ ไม่ใช่

แซะคนรักลุงอย่ามองสังคมโง่ไปหมด

เมื่อถามว่าใช่ AI ตามที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษก พปชร.ระบุหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “มันจะเป็นไปได้ยังไง พูดไปเรื่อย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยอมรับแล้วว่า เป็นเสียงท่านเอง ต้องฝากคนรักลุง จริงๆ เวลาคุณตอบสังคม อย่าไปบิดเบือนจนมองว่าสังคมมีแต่คนโง่ไปหมด มันไม่ใช่” เมื่อถามว่า มีคลิปบ้านป่ารอยต่อฯ แล้วกังวลจะมีคลิปบ้านจันทร์ส่องหล้าออกมาหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ทราบ มีแต่บ้านธรรมนัส ที่ จ.พะเยา เมื่อถามว่า ล่าสุดนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ เพิ่งลาออกจาก พปชร.ขาลงหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ทราบ ไม่อยากจะก้าวล่วงกับกิจกรรมภายใน เชื่อเถอะเดี๋ยวจะมีกลุ่มใหญ่ออกมาอีก เมื่อถามว่า กลุ่มใหญ่ที่ออกมาจะอยู่ด้วย ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่ เราอยู่กันขนาดนี้มีความสุขพอแล้ว อยากอยู่แบบไม่เป็นศัตรูกับใคร ออกมาอย่างสันติ เมื่อกลุ่ม สส.ทั้ง 20 คนออกมาโดยดีแล้ว ยังมาวุ่นวาย ให้ระวังหน่อยละกัน เพราะตั้งวอร์รูมฝ่ายกฎหมายให้กลุ่ม สส.ทั้ง 20 คนไว้แล้วใครวิพากษ์วิจารณ์ไม่เป็นข้อเท็จจริงให้ระวัง อย่ามาวุ่นวายกับพวกตนมาก

“อธิรัฐ” ทิ้ง พปชร.นั่งเลขาฯ “นฤมล”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ย. นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต รมช.คมนาคม และอดีต สส.นครราชสีมา ลูกชายนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตรองหัวหน้าพรรค ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว ขณะนี้ตระกูลรัตนเศรษฐ เหลือเพียงนายวิรัชคนเดียวเท่านั้นยังไม่ยื่นใบลาออก โดยมีกระแสข่าวว่านายอธิรัฐ ลาออกเพื่อไปเป็นเลขานุการนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่จะเสนอแต่งตั้งในการประชุม ครม. นัดแรกวันที่ 17 ก.ย.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่