“วันนอร์” สั่งพักประชุมร่วมรัฐสภา วาระเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาล วันแรกแล้ว วันที่ 2 เริ่มจาก “เซีย จำปาทอง” ส.ส.พรรคประชาชน

เมื่อเวลา 00.35 น. วันที่ 13 กันยายน 2567 การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เข้าสู่การอภิปรายของ นายชิบ จิตนิยม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา โดยระบุถึงนโยบายเร่งด่วนที่ 3 เรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชาเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่ง MOU ที่เคยทำระหว่างกันผ่านมา 22 ปี ถือว่ามีการคืบหน้าค่อนข้างน้อย

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคือแนวคิดในการแก้ปัญหา ที่ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ต้องมีการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเล ไปพร้อมๆ กับการร่วมกันพัฒนาแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียม เมื่อเอา 2 เรื่องมารวมกันจึงทำให้กลายเป็นปัญหา ยากที่จะแก้ไขได้ เพราะหากมีการแตะเรื่องดินแดนก็อาจจะมีโอกาสเกิดข้อพิพาทขึ้นอีก และยังคงมีปัญหาเรื้อรังมาตลอด รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขมาหลายยุคหลายสมัย เมื่อมาถึงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการเจรจาโดยตรงกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรียบร้อยแล้ว แต่รายละเอียดของการเจรจาดูเหมือนจะไม่คืบหน้ามาก หากนำพื้นที่นี้มาใช้ได้จะเกิดประโยชน์มาก จะมีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รวมถึงธุรกิจต่อเนื่อง มีภาษีเข้ารัฐ แต่ปัญหาคือจะแก้ปัญหานี้อย่างไร และต้องมีข้อพึงระวัง

...

ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดคือ เราน่าจะมีการเจรจาประนีประนอมกัน เพราะขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ถือว่าดีขึ้นอย่างมาก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ บางท่านที่เป็นอดีตนักกฎหมายระหว่างประเทศ หรือแม้แต่อดีต สว.บางคน มีแนวคำพูดที่หมิ่นเหม่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น การพูดเอาแต่สนุกปาก จะสร้างความลำบากในการเจรจา

ต่อมา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวก่อนพักการประชุมว่า ในวันที่ 13 กันยายน 2567 จะเริ่มการประชุมในเวลา 09.00 น. โดยจะเริ่มที่ นายเซีย จำปาทอง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ต่อด้วย นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน และ นายอลงกต วรกี สว. แล้วจึงสั่งพักการประชุมในเวลา 00.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้ง 3 รายชื่อนี้ เดิมเป็น 3 คนสุดท้ายของการอภิปรายในวันแรกของการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่เมื่อประธานสั่งพักการประชุมจึงต้องไปเริ่มในวันที่ 2 แทน.

(ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)