“นายกฯอิ๊งค์” สั่งกำชับ รมต.ตอบทันทีทุกข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภา ส่วนนายกฯจะแถลงภาพรวมนโยบายรัฐบาลดิจิทัลวอลเล็ต ให้รอฟัง รมว.คลัง เคลียร์ทุกข้อข้องใจ ยันปัญหาเศรษฐกิจรอไม่ได้ ประชาชนรอไม่ไหว จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแจกเงินหมื่น “ภูมิธรรม” ดักคอฝ่ายค้าน รู้ไม่ใช่เวทีซักฟอก ชวนช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ พท.-ภท.จับมือส่ง “พิเชษฐ์-ภราดร” นั่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 และ 2 ราบรื่นไร้คู่แข่ง “วันนอร์” นำขึ้นทูลเกล้าฯทันที การเมืองร้อนฉ่า 4 คลิปร้อนกระหึ่มโซเชียลพาดพิง “ลุงป้อม” โยง แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ-เดินงานการเมือง โฆษก พปชร.ฉะชั่วร้ายใช้เอไอจัดฉากปล่อยคลิปเสียงหลุด หวังดิสเครดิตทำลายพรรค ขู่คอยดูข้อมูลของแท้ขย่มนโยบายรัฐบาล “สามารถ” ชี้เทคโนโลยีไปไกลมาก คัฟเวอร์เนียนเป๊ะ ย้อนคลิปบ้านจันทร์ส่องหล้าน่าสนใจกว่าเยอะ

รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันความพร้อมเต็มที่ในการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 ก.ย. โดยนายกฯระบุได้สั่งกำชับให้รัฐมนตรีตอบชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาทันที ขณะที่นายกฯจะตอบชี้แจงในภาพรวม

นายกฯเตรียมแถลงภาพรวมนโยบาย

เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าไปทำงาน มีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้ามาสมทบเพื่อเตรียมความพร้อมข้อมูลในการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 ก.ย. โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้กำชับรัฐมนตรีทุกกระทรวงชี้แจงทันทีในข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาว่า ใช่ รัฐมนตรีทุกท่าน ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ทำงานกันอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องต่างๆได้ตอบเอง เพราะมีรายละเอียดชัดเจนกว่า ส่วนนายกฯตอบภาพรวม โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะชัดเจนบนเวทีนี้ วันที่ 12 ก.ย.แถลงแล้ว ตนจะแถลงภาพรวมของนโยบาย แต่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต รมว.คลังจะเป็นคนแถลงรายละเอียด

...

ปรับดิจิทัลวอลเล็ต เศรษฐกิจรอไม่ได้ ประชาชนรอไม่ไหว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงไว้ 10,000 บาท ได้ทั้งหมดก้อนเดียวด้วยดิจิทัลวอลเล็ต แต่วิธีการทำกับการหาเสียงแตกต่างกัน จะอธิบายประชาชนอย่างไร นายกฯกล่าวว่า มันมีความแตกต่างแน่นอน พอได้ลงมือทำจริงๆ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลมีเรื่องระบบที่ต้องติดตั้งอีกนานมันต้องรอ แต่เศรษฐกิจรอไม่ได้ประชาชนรอไม่ไหว ฉะนั้นต้องปรับเปลี่ยนในจุดนี้ให้ประชาชนก่อน เพราะเป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ หากกระตุ้นไม่พอเรายังพร้อมที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในแบบดิจิทัล แต่ว่ามันมาช้ากว่า แต่เศรษฐกิจต้องถูกกระตุ้นก่อน เราทำอันนี้เสร็จไม่ใช่มีแค่นโยบายเดียว เรามีอีกหลายอันที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่อันนี้เป็นอันหลัก เร่งด่วนและเห็นผลทันที จึงอยากรีบทำ

แบ่งเฟสแจกเงินหมื่นทำคู่นโยบายอื่น

เมื่อถามว่า จากรัฐบาลก่อนที่จะจ่ายเงินดิจิทัลรอบเดียวไม่แบ่งจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ แต่วันนี้เปลี่ยนไป การกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นตามเป้าหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า การวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายเฟสต้องกระตุ้น อย่าง 10,000 บาท ที่ได้แถลงไปแล้วว่าจะจ่ายก่อน เป็นการกระตุ้นอันหนึ่ง ภาพใหญ่หนึ่งภาพก่อน หลังจากนั้นไม่ลืมทิ้งโครงสร้างดิจิทัลที่เราต้องทำต่อด้วย ตอนแรกจะไม่ให้เป็นเงินสดเลยทั้งหมด จะเป็นเงินดิจิทัลทั้งหมด แต่อย่างที่บอกเศรษฐกิจรอไม่ได้ เลยต้องแบ่งเฟส ดิจิทัลยังอยู่แต่อาจเปลี่ยนเป็นว่า 5,000 บาทไหม หรืออย่างไร เดี๋ยวให้ รมว.คลังแถลงรายละเอียด เมื่อถามว่า พอแบ่งจ่ายอาจไม่ใช่พายุหมุนเหมือนที่ตั้งใจไว้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นการกระตุ้นแน่นอน แต่รูปแบบเปลี่ยนไป ขอให้ รมว.คลังแจงรายละเอียดอีกที เมื่อถามว่าเป้าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะลดลงหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ค่ะ เพราะเราแบ่งเฟสแล้ว และไม่ได้มีนโยบายเดียวที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ การแบ่งทีละเฟสควบคู่กับนโยบายอื่นๆ จะทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอยู่ดี

อ้างช้าเพราะรับฟังไม่เช่นนั้นมีปัญหา

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงจ่ายเงินดิจิทัลขณะที่ยังไม่ศึกษารายละเอียดจึงทำให้การจ่ายเงินล่าช้า นายกฯกล่าวว่า มันล่าช้าเพราะเราเข้ามาเราคิดว่าจริงๆแล้วระบบมันจะสามารถดำเนินไปได้เลย แต่มันต้องมีการรับฟัง แน่นอนถ้าไม่เกิดการรับฟัง มีปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งต้องรับฟังหลายๆฝ่ายว่ามีข้อกังวลหรือข้อสงสัยอะไร อันนี้คือสิ่งที่เราพยายามทำให้รัดกุม และดีที่สุดสำหรับประเทศด้วย เมื่อถามว่าในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีความมั่นใจเต็มที่หรือไม่ เนื่องจากทั้งฝ่ายค้านและ สว.จองคิวไว้เต็มที่ นายกฯกล่าวว่า “เหรอคะ เราก็ทำเต็มที่ แต่จริงๆแล้วขอโฟกัสเรื่องน้ำท่วม หลังการแถลงก่อน” เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นถึงกับจะต้องมีองครักษ์พิทักษ์นายกฯหรือไม่ นายกฯไม่ตอบได้แต่ร้องอ๋อ เมื่อถามว่า ยังมีเสียงข้อครหารัฐบาลแพทองธาร ไม่ต้องนับปีเอาแค่นับเดือนจะรอดหรือไม่ นายกฯยิ้มพร้อมกล่าวว่า ก็ช่วยกันนับ

เอาฤกษ์ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนขึ้นเวที

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในวันที่ 12 ก.ย. น.ส.แพทองธาร จะเดินทางถึงอาคารรัฐสภาเวลา 08.30 น. จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภา เริ่มจากศาลพระสยามเทวาธิราชฯ และศาลตา ศาลยายประจำรัฐสภา และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก่อนขึ้นแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จากนั้นเวลา 14.00 น. นายกฯจะเป็นประธานการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ จ.เชียงรายและ จ.เชียงใหม่ ที่อาคารรัฐสภา

ดักคอฝ่ายค้านควรสร้างความเชื่อมั่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 12-13 ก.ย. ที่พรรคประชาชน (ปชน.) เตรียมผู้อภิปรายกว่า 30 คน เราเอาความจริงใจ และความตั้งใจที่เตรียมการทั้งหมดผ่านนโยบายทุกข้อ ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤติ เมื่อถามว่าห่วงว่าฝ่ายค้านจะใช้เวทีเป็นเวทีซักฟอกรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ฝ่ายค้านคงรู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าสายตาประชาชนเฝ้ามองอยู่ สิ่งสำคัญต้องร่วมแรงร่วมใจกันพาประเทศให้พ้นวิกฤติ สิ่งดีที่สุดที่ทุกคนจะสบายใจคือฝ่ายค้านต้องช่วยกันส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจจากต่างประเทศ รัฐบาลเพิ่งเริ่มต้น จึงไม่ควรใช้อคติทางการเมืองและประโยชน์ทางการเมืองส่วนตนเข้ามาทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศขาดหายไป

โวยุคนี้ กลาโหมเน้นช่วยเหลือประชาชน

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เตรียมเข้าปฏิบัติหน้าที่กระทรวงกลาโหมวันที่ 16 ก.ย. จะหารือร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เข้าไปไม่ได้ต้องการเข้าไปขยายอำนาจอะไร แต่เข้าไปร่วมมือกับเหล่าทัพที่มีอำนาจบริหารจัดการอยู่แล้ว ยุคตนอยากเห็นกระทรวงกลาโหมทำตามบทบาทหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และเข้าไปแก้ไขบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนเต็มที่ และให้มีบทบาทส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยากขจัดข้อจำกัดที่อยู่ในอำนาจหน้าที่กระทรวงกลาโหม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เกิดความสามัคคี มีความเป็นประชาธิปไตย และแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจให้ประชาชน เชื่อว่าเหล่าทัพจะเข้าใจ เราไม่ได้แทรกแซง ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำทุกอย่างตามกระบวนการ ปรึกษาหารือตามขอบเขตของกฎหมาย และจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด

“จุลพันธ์” ยันลงทะเบียนตามเดิม

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขอยืนยันว่ากระบวนการลงทะเบียนยังเป็นไปตามกำหนดเดิม ผู้ที่มีสมาร์ทโฟนยังลงเบียนได้ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 ก.ย. ขณะนี้มีประชาชนมาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ 32 ล้านคน ส่วนผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.67 โดยลงทะเบียนผ่านสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รวม 2,500 สาขาทั่วประเทศ เตรียมบัตรประจำตัวประชาชนเอามาเป็นหลักฐานอย่างเดียวในการลงทะเบียน รายละเอียดการแจกเงินต้องรอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใน วันที่ 12 ก.ย. ก่อน หลังจากนั้นจะมีความชัดเจนแน่นอน

เพจส้มเรียกน้ำย่อย 3 ปีมีแต่เจ๊ากับเจ๊ง

เมื่อเวลา 18.00 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่า “9 โมงเช้าเจอกัน อภิปรายนโยบายรัฐบาลแพทองธาร 1 “1 ปีสูญเปล่า 3 ปีเจ๊าหรือเจ๊ง?” พรรค พท.เคยบอกว่า ปัญหาใหญ่ของประเทศรอไม่ได้ ต้องรีบตั้งรัฐบาลให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แต่ 1 ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นความสูญเปล่า นโยบายเรือธงไม่คืบหน้า ปัญหาเก่ายังค้างคา จนประชาชนไม่แน่ใจว่าจะคาดหวังอะไรได้กับ 3 ปีที่เหลือในรัฐบาลใหม่ของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร อย่างดีก็ “เจ๊า” แต่ดีไม่ดีก็อาจจะ “เจ๊ง” เพราะงบและโอกาสของประเทศร่อยหรอลงไปทุกที”

“เท้ง” นำทัพเผาหัว “ไหม” สับ ศก.

เพจเฟซบุ๊กพรรคประชาชน โพสต์ข้อความอีกว่า พบกับทัพผู้อภิปรายจากพรรค ปชน.จะฉายภาพรวม โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อการเมืองมีผู้อภิปราย อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา และนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. หัวข้อเศรษฐกิจ นำโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. และนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น รวมถึงด้านอาชญากรรม อาทิ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

ปชน.ไม่ส่งชิงเก้าอี้รอง ปธ.สภาฯ

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค ปชน. มีมติไม่ส่งแคนดิเดตชิงเก้าอี้รองประธานสภาฯ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ระบุว่า พรรคการเมืองไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาฯ ในเวลาเดียวกันได้ ส่วนการเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้านคงไม่ได้ใช้เวลามากนัก เป็นไปตามขั้นตอน ที่ผ่านมาอาจต้องรอให้ ครม.ลงตัวก่อน พรรค ปชน. ชัดเจน เดินหน้าในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกและตรวจสอบแทนประชาชน

ติงแก้ รธน.ถูกถอดพ้นนโยบายเร่งด่วน

นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนการอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาล จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ตรวจการบ้าน 1 ปี และอาจเสนอแนะสิ่งที่ดีขึ้นได้เพื่อประชาชน ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ต การแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกถอดออกจากนโยบายเร่งด่วน สังเกตเห็นถูกเปลี่ยนหมวดหมู่ การแก้ปัญหารัฐธรรมนูญต้องเดิน 2 เส้นทางคู่ขนาน คือต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เร็วที่สุด ตกลงวางกรอบเวลาไว้เท่าไหร่ หากทำประชามติ 3 ครั้ง จะทบทวนคำถามประชามติหรือไม่ รวมถึง ส.ส.ร.จะมาจากการเลือกตั้ง 100% หรือไม่ และสิ่งที่ยังไม่เห็นในร่างคำแถลงนโยบายคือการแก้ไขรายมาตรา ที่ต้องทำคู่ขนานเพื่อแก้ปัญหาที่จำเป็นเร่งด่วน อยากทราบว่ารัฐบาลจะสนับสนุนแนวทางนี้อย่างไร เราคาดหวังจะฟังนายกฯคนใหม่

“วันนอร์” แจงยังไม่มีหนังสือขอตัว “พิศาล”

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ขอหารือขั้นตอนส่งตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คิรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อดีตแม่ทัพภาค 4 ไปขึ้นศาลเบิกความนัดแรก วันที่ 12 ก.ย. ในฐานะจำเลยคดีสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ปี 47 ที่คดีจะหมดอายุความอีก 44 วัน นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า ยังไม่มีหนังสือจากศาลส่งมาขอตัว พล.อ.พิศาลไปดำเนินคดี รัฐธรรมนูญมาตรา 125 ให้ความคุ้มครองสมาชิก กรณีสภาจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตจับกุมหรือหมายเรียก สส.ในระหว่างสมัยประชุม ให้ประธานสภาฯบรรจุระเบียบ วาระ ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องมาถึงตนเพื่อบรรจุวาระ จึงต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ

“พิเชษฐ์”ไร้คู่แข่งซิวรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 1

ต่อมาเวลา 11.00น. เข้าสู่วาระการประชุมสภาฯประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรค พท. ลาออกจากรองประธานสภาฯคนที่ 2 ต้องเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 2 เพิ่มเติมต่อจากรองประธานสภาฯคนที่ 1 ด้วย จากนั้น น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรค ปชน. หารือว่าด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายที่พรรค ปชน.จะรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จึงไม่เสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ภท. เสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรค พท. เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 โดยไม่มีการเสนอชื่ออื่นมาแข่งขัน ถือว่านายพิเชษฐ์ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 โดยนายพิเชษฐ์แสดงวิสัยทัศน์ อาทิ จะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรวจสอบฝ่ายบริหารและให้สภาฯมีความใกล้ชิด นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้นำไปสู่รัฐสภาดิจิทัล ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาให้สมบูรณ์ สร้างท่าเทียบเรือฝั่งวุฒิสภา และ สส.ภายในปี 68 พร้อมทำที่จอดรถเพิ่มอีก 3,000 คัน ให้ถูกต้องตามกฎหมาย กทม.

“ภราดร” ลอยลำนั่งรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2

จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 2 โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรค พท. เสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท. เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2 โดยไม่มีการเสนอชื่อแข่งขันเช่นกัน โดยนายภราดรแสดงวิสัยทัศน์ว่า อยู่กับสภาฯมา 17 ปี เกือบครึ่งชีวิต เปรียบเป็นบ้านหลังที่ 2 ขอให้คำมั่นสัญญาจะไม่เป็นรองประธานสภาฯของพรรค ภท.หรือฝ่ายรัฐบาล แต่จะเป็นรองประธานสภาฯของ สส. 493 คน

ปธ.สภาฯนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทันที

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จะรีบนำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ ถือว่าเป็นบรรยากาศดีมาก ไม่เสียเวลาเรื่องต่างๆ ได้ประโยชน์ล้วนๆ ก่อนสั่งปิดประชุมเพื่อให้ สส.เตรียมตัวอภิปรายนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย.

ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 11 ก.ย. จะนำรายชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 และนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 ขึ้นทูลเกล้าฯทันที เพราะเป็นเรื่องด่วน ทำงานคนเดียวไม่ไหว การแบ่งงานรองประธานสภาฯทั้ง 2 คน จะเป็นไปตามเดิม แต่จะมาคุยกันอีกครั้ง เพื่อปรับให้เหมาะสมกับความสามารถ น่าจะตกลงกันได้

“เฉลิม” โผล่ร่วมประชุมสภาฯครั้งแรก

จากนั้นเวลา 12.00 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท.ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีถูกมองวัยวุฒิอาวุโสไม่พอจะควบคุมการประชุมสภาฯได้ ว่า เรื่องอาวุโสนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็น สส.สมัยเดียว แต่ตนเป็น สส.สมัยที่ 4 แล้ว น่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ในการขอความร่วมมือจากสส.ทุกท่านในที่ประชุม ที่ฝ่ายค้านอยากให้ทำหน้าที่โปร่งใส ยืนยันจะพยายามทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังปิดการประชุมสภาฯบรรดา สส.พรรคร่วมรัฐบาลต่างเข้าไปจับมือ โอบกอดแสดงความยินดีกับนายพิเชษฐ์ และนายภราดร รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ที่เข้ามาร่วมประชุมสภาฯเป็นครั้งแรก เข้าไปจับมือยินดีกับนายภราดรด้วย ขณะเดียวกันมีแกนนำพรรค พท.เข้ามาพูดคุยจับมือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม

คนการเมืองวิจารณ์ 4 คลิปร้อน

อีกเรื่องวันเดียวกัน รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ได้นำคลิปเสียงสนทนา 4 คลิปเผยแพร่ออกอากาศ เป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียล มีการอ้างพาดพิงถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรองนายกฯในหลายประเด็น โดยระหว่างการประชุมสภาฯที่กำลังพิจารณาเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 1 และคนที่ 2 ช่างภาพโฟกัสภาพไปที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ยกโทรศัพท์มือถือมาเปิดฟังรายการข่าวดังกล่าวอย่างตั้งอกตั้งใจในห้องประชุมสภาฯ เป็นคลิปเสียงหลุดทางการเมืองที่ฮือฮาในโลกโซเชียล

“อนุทิน” ชี้คลิปเก่าเสียงคล้าย “ลุงป้อม”

ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลิปเสียงคล้ายเสียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ระบุถึงการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ว่า มีคนส่งมาให้ แต่ฟังไม่ถนัด พยายาม หาอยู่ว่าเป็นเสียงใครในกระทรวง แต่ยังหาไม่เจอ ต้องไปหาห้องเงียบๆฟัง เมื่อถามว่ามีการขอตำแหน่งกันจริงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ฟังจากที่คนอื่นโทร.มาเล่าให้ฟัง ยืนยันว่าไม่มีในสมัยนี้ เป็นคลิปเก่า แต่ยังไม่ได้ฟังด้วยตัวเองแบบช้าๆ คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยว แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่เกี่ยวกัน เล่าสู่กันฟังธรรมดา ถ้าเราไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้อง อย่าเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องดีที่สุด มองผ่านๆบ้าง ฟังเพลินหูเพลินตา ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว

โฆษก พปชร.ฉะชั่วร้ายใช้ AI จัดฉากคลิป

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีสื่อบางสำนักเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาโยงประเด็นถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. และผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า ได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยัง พล.อ.ประวิตรและนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค แล้ว ยืนยันไม่ใช่เสียงพูดคุยของตัวเอง เพราะไม่ได้เคยพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวตามคลิป เชื่อมั่นว่าเป็นคลิปเสียงปลอมที่ทำขึ้นจากเทคโนโลยีทางดิจิทัล ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มักจะพบเห็นทำคลิปรูปแบบต่างๆและล้อเลียน พล.อ.ประวิตรเล่นการเมืองต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง การนำออกมาสู่สาธารณะควรตรวจสอบก่อนเผยแพร่ วอนให้สื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือหลงเชื่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ที่สร้างเรื่องมาเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรค พปชร. ใช้วิธีชั่วร้ายเก่าๆมาทำลายระบอบประชาธิปไตย

ขู่คอยดูหมัดเด็ดขย่มนโยบาย รบ.

พล.ต.ท.ปิยะกล่าวต่อว่า ปีนี้ปี 67 แล้ว ไม่ใช่ปี 39 ยังเล่นการเมืองที่สาดน้ำเน่าสิ่งสกปรกใส่กัน ยังมีการเลี้ยงงูเห่าไทยสร้างไทย งูเห่าประชาธิปัตย์ งูเห่า พปชร. แล้วการเมืองไทยจะพัฒนาใสสะอาด ประชาชนเชื่อมั่นในระบอบพรรคการเมืองได้อย่างไร ชอบเล่นใส่ร้ายป้ายสีใส่กัน เป็นการทำลายพรรค พปชร. ทั้งนี้ การอภิปรายรัฐบาลวันที่ 12-13 ก.ย.ขอให้จับตาดูข้อมูลของพรรคจะนำมาอภิปราย ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเท็จจริงและของแท้แน่นอน

บลัฟกลับคลิปบ้านจันทร์ฯน่าสนใจกว่า

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า เป็นคลิปหลุดหรือตั้งใจปล่อยไม่ทราบ แต่เทคโนโลยีวันนี้ไปไกลมาก ไม่ว่าจะปลอมเสียงหรือทำคลิปเสียง เช่น มีลุงป้อมคัฟเวอร์ เสียงชัดเหมือนลุงป้อมเป๊ะว่าลุงป้อมไปออกรายการร้องข้ามกำแพง ไม่ทราบว่าใครเป็นคนอัด ใครเป็นคนปล่อย แต่กำลังทำให้เข้าใจว่าเป็นเสียง พล.อ.ประวิตร ไม่เป็นธรรมกับ พล.อ.ประวิตร กระบวนการสืบสวนสอบสวนมีอยู่แล้ว เชื่อมั่นไม่ใช่เสียง พล.อ.ประวิตรการดิสเครดิตทางการเมืองมีทุกวัน พล.อ.ประวิตรไม่ใส่ใจเรื่องนี้ สื่อที่ได้คลิปมาต้องบอกว่า ได้มาจากใคร ต้องมีกระบวนการได้มาซึ่งหลักฐาน แต่เชื่อว่าบ้านจันทร์ฯน่าจะมีคลิปที่ประชาชนให้ความสนใจมากกว่า บ้านป่าฯ เมื่อถามว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยยอมรับว่ามีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรจริง นายสามารถตอบว่า ไม่ทราบ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ต้องไปถามปลัดมหาดไทยว่าคุยเรื่องอะไร

ชี้รุ่นใหญ่ไขก๊อกดีเปิดทางคนรุ่นใหม่

นายสามารถกล่าวอีกว่า กรณีกระแสข่าวสมาชิกพรรค พปชร.ตระกูลรัตนเศรษฐและอดีต สส. หลายคนลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร. เนื่องจากไม่พอใจนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่มาเป็นเลขาธิการพรรค พปชร. เป็นเรื่องดีได้ปรับโครงสร้างการทำงาน การที่คนเก่าออกเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่บ้าง ถ้าเอาแต่คนเก่าๆมาทำงาน คนรุ่นใหม่ไม่สามารถทำงานได้ ที่คนไม่ชอบนายไพบูลย์เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล เคารพการตัดสินใจ

ปลัด มท.รับเสียงตัวเองคุย “บิ๊กป้อม”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า 1 ใน 4 คลิป เป็นเสียงของตัวเองสมัย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กำกับดูแลฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงมหาดไทย เป็นการรายงานเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเสนอชื่อแต่งตั้งนายขจร ชวโนทัย เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กับนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ต้องนำเรียน พล.อ.ประวิตรให้ความเห็นชอบ ท่านเมตตาไม่ก้าวก่ายให้ความเห็นชอบให้เสนอเข้า ครม.

สว.แฉถูกล็อบบี้ถอนชื่ออภิปราย

นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา สว. กล่าวถึงกรณีการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของ สว. ในวันที่ 12-13 ก.ย. ว่า เดิมมี สว.ลงชื่อกว่า 70 คน และได้ ลงชื่ออภิปรายนโยบายรัฐบาลไว้ แต่มีคนมาพูดเพื่อขอให้พิจารณาถอนชื่อ จึงลองมาคิดดูว่าเวลาที่ได้คนละ 4-5 นาที อาจทำให้ไม่ได้สาระที่จะพูดครบ ตรงประเด็น จึงถอนชื่อออกมา ทราบว่าในขั้นตอนหลังจากที่ สว.ลงชื่อแล้ว มีการเรียกประชุมผู้อภิปราย กำชับให้ทำการบ้านให้ดี เพื่อให้เป็นหน้าเป็นตาของวุฒิสภา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้วุฒิสภา อีกทั้งต้องแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถที่จะอภิปรายด้วย เพราะการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนั้นมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนรับชมด้วย

“สวัสดิ์” คุมจัดเก้าอี้ กมธ.วุฒิสภา

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อสรรหาสมาชิกให้ดำรงตำแหน่ง กรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา เป็นนัดแรก หลังที่ ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบให้ตั้ง กมธ. 30 คน เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 โดยที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว.เป็นประธาน กมธ.เพื่อพิจารณาสรรหา สว.เป็น กมธ. 21 คณะ ภายใน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-19 ก.ย. โดยเปิดโอกาสให้ สว.แต่ละคนแสดงความจำนง เลือก กมธ.ได้คนละ 2 คณะ คณะละไม่เกิน 18 คน หากคณะใดสมัครเกิน 18 คน ให้เจรจากันเองก่อน ถ้าเจรจาไม่สำเร็จให้จับสลาก อย่างไรก็ตาม กมธ. 30 คน ชุดที่ พล.อ.สวัสดิ์ เป็นประธานมี สว.สายสีน้ำเงินถึง 22 คน สว.กลุ่มอิสระ 8 คน ทำให้กลุ่ม สว.อิสระ เกรงจะมีการล็อกตำแหน่งประธาน กมธ.คณะต่างๆให้กับ สว.สายสีน้ำเงินไว้ล่วงหน้า

สายสีน้ำเงินยึดเก้าอี้ ปธ.เรียบวุธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นมีการวางตัวประธาน กมธ.ชุดต่างๆแล้ว ส่วนใหญ่มาจาก สว.สายสีน้ำเงิน อาทิ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา เป็นประธาน กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ นายธวัช สุระบาล เป็นประธาน กมธ.การเกษตรและสหกรณ์ นายชีวภาพ ชีวธรรม ประธาน กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกมล รอดคล้าย ประธาน กมธ.ศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ประธาน กมธ.กฎหมายและการยุติธรรม นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธาน กมธ.เศรษฐกิจ การเงินและการคลัง พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ประธาน กมธ.พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วม ของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ประธาน กมธ.สาธารณสุข นายพรเพิ่ม ทองศรี พี่ชายนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช. มหาดไทย ประธาน กมธ.พลังงาน พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ประธาน กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธาน กมธ.พาณิชย์และการอุตสาหกรรม นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธาน กมธ.คมนาคม นายอลงกต วรกี เป็นประธาน กมธ.การปกครองท้องถิ่น นางเอมอร ศรีกงพาน ประธาน กมธ.พัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาสและความหลากหลายทางสังคม

“วรงค์” ร้อง กกต.ยุบ พท.ปมครอบงำ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย (พท.) กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำ และยอมให้คนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครอบงำ เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง 1.กรณีนายทักษิณ เชิญแกนนำพรรค พท.และพรรคร่วมรัฐบาล มาจัดตั้งรัฐบาลวันที่ 14 ส.ค. 2.นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระบุไม่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯควบ รมว.กลาโหม เท่ากับชี้นำหัวหน้าพรรค พท.แล้วยังตอบคำถามอีกว่า ไม่ใช่ครอบงำแต่เป็นการครอบครอง ชี้ชัดว่านายทักษิณเป็นหัวหน้าพรรค พท. 3.ประเด็นที่นายทักษิณตอบชัดเจนจะเอาพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าร่วมรัฐบาล ก็เป็นไปตามที่พูด

ทีม “นายกชาญ” กระอักเจอคดีอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักงาน กกต.ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 ก.ย.ถึงสำนักงาน กกต. จ.ปทุมธานี แจ้งให้ดำเนินคดีอาญา 2 ข้อหา แก่ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี กรณีที่ กกต.ไต่สวน และสั่งเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีใหม่แทนนายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ได้รับเลือกตั้งมาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 โดยระหว่างหาเสียงในวันที่ 8 มิ.ย. นายกฤษฏาจัดฉลองอุปสมบทให้บุตรชาย มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไปร่วมงานด้วย แต่นายชาญไม่ได้ไปร่วมงาน เป็นที่ทราบกันดีในพื้นที่ดังกล่าว “นายกเบี้ยว” เป็นทีมเดียวกับนายชาญ การที่นายทักษิณไปร่วมงาน พบปะพูดคุยกับผู้ร่วมงาน ที่มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการกระตุ้นคะแนนนิยมให้ นายชาญ กกต.เห็นว่า “นายกเบี้ยว” เป็นผู้มีส่วนทำให้นายชาญได้รับเลือกมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น สั่งดำเนินคดีอาญากับนายกฤษฎา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่