“ไพบูลย์” ลั่น แค่ข่าวโคมลอย หลังมีกระแสข่าวพลังประชารัฐอยู่เบื้องหลังเกมนิติสงคราม จ้องล้ม “แพทองธาร ชินวัตร” ยัน ไม่เคยเอี่ยว ชี้ “เรืองไกร” ร้องในนามส่วนตัว


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรคพลังประชารัฐ ถึงกรณีที่มีสื่อรายการหนึ่งออกมาแฉว่ามีกระบวนการทำนิติสงครามกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเชื่อมโยงมาถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เป็นข่าวโคมลอย ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำมีการออกมาพูดว่ากระบวนการดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากคนที่ตัวสูง ผิวขาว ใส่แว่น ซึ่งประจวบเหมาะกับบุคคลภายในพรรคนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวก็ปฏิเสธได้สมบูรณ์แบบ ยืนยันว่าตนไม่เคย เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ส่วนคำถามว่าจะมีการเอาผิดกับคนที่นำเอาเรื่องนี้มาเปิดโปงหรือไม่ นายไพบูลย์ ตอบว่า ตนไม่ทราบเรื่องอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าเราไม่ทำอย่างนั้น

...

ส่วนกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นร้องให้ตรวจสอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายไพบูลย์ เผยว่า นายเรืองไกร ทำในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามพรรค

ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเสริมว่า ตนขอแสดงความเห็นใจนายกรัฐมนตรี เพราะเพิ่งรับตำแหน่งก็มีหลายคนจองกฐิน ทั้งนี้ ประเทศไทยปกครองด้วยนิติรัฐ ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เพราะฉะนั้น การที่ผู้ใดกระทำการโดยไม่ยึดกฎหมาย บุคคลใดก็สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดคนนั้นได้ ดังนั้น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลควรทำคือเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย

สำหรับกรณีที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมโต๊ะแถลงข่าวกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ตอบว่า ต้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวผิดตามมาตรา 185 แห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ยังเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ คงจะมีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับพรรคต่อไป วันนี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีการพูดคุยกันว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่กระทำผิดข้อบังคับจะถูกพิจารณาตามหลักฐานและพฤติกรรมที่ปรากฏ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3-4 คน ร่วมกันพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรจะต้องรอ เพราะเพิ่งตั้งคณะทำงานในวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะส่งผลสั่นคลอนต่อรัฐบาลแพทองธารหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณา เพราะไม่ใช่หน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศ ผู้บริหารรัฐบาลจะต้องทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัด หากรัฐมนตรียอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาครอบครอง ครอบงำ หรือครอบครัว มันผิดกฎหมายชัดเจน ไม่ใช่แค่ในเรื่องที่ นายเรืองไกร ร้อง แต่ก็มีคนอื่นอีกเป็นร้อยเป็นพันมาร้อง ถ้าทำผิดกฎหมายอยู่เรื่อยๆ ก็จะมีคนแจ้งความหรือดำเนินคดีต่อไปเรื่อยๆ

ส่วนคำถามว่าในทางกฎหมายรัฐมนตรีคนเก่าสามารถไปร่วมการประชุมนั่งหัวโต๊ะเช่นนี้ได้หรือไม่ นายไพบูลย์ ตอบว่า เรื่องกฎหมายขอเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์.