ผลสำรวจซูเปอร์โพล ชี้คุณสมบัติ 10 ประการ “ผบ.ตร.คนต่อไป” ในใจตำรวจ ระบุ อยากเห็นองค์กรไม่แตกแยก หนุนสวัสดิการผู้น้อย แต่งตั้งเป็นธรรม แนะนายกฯ ใช้เป็นแนวทางพิจารณาคัดสรร

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง “คุณสมบัติ 10 ประการ ผบ.ตร.คนต่อไป ในใจตำรวจ” กรณีศึกษาตัวอย่างตำรวจทุกสายงานทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 466 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึงการติดตามข่าวของตำรวจว่าใครจะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนต่อไป พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.1 ติดตามข่าวสาร ในขณะที่ร้อยละ 4.9 ไม่ได้ติดตาม ที่น่าสนใจคือ

ขณะที่ถามถึงความต้องการของตำรวจต่อคุณสมบัติของ ผบ.ตร.คนต่อไป พบว่า

  • ร้อยละ 69.9 ระบุ เข้าถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ทำให้เกิดความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่แตกแยก
  • ร้อยละ 53.0 ระบุ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกเป็นเพื่อนร่วมทีม รับผิดชอบร่วมกัน
  • ร้อยละ 49.4 ระบุ มีระบบระเบียบ ไม่สั่งการสะเปะสะปะ
  • ร้อยละ 48.9 ระบุ เป็นผู้ฟังที่ดี ฟังเป็น ถามเป็น กระตุ้นทุกระดับมีส่วนร่วม ไม่รวมทุกอย่างไว้กับตัวเอง
  • ร้อยละ 48.9 เช่นกัน ระบุ มุ่งมั่นในการทำงาน สามารถขับเคลื่อนกำลังพลได้ดีมีประสิทธิภาพ
  • ร้อยละ 47.0 ระบุ วางตำแหน่งคนทำงานให้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน
  • ร้อยละ 44.0 ระบุ สื่อสารได้ดี ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม บอกเป้าหมายชัดเจน ลำดับความสำคัญได้เหมาะสม
  • ร้อยละ 42.7 ระบุ เข้มแข็ง เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ
  • ร้อยละ 40.6 ระบุ ไม่รวบอำนาจ ไม่รวมศูนย์อำนาจไว้กับตัว
  • ร้อยละ 37.1 ระบุ เคยเป็นผู้นำหน่วยระดับพื้นที่ เข้าถึงดูแลประชาชน

...


ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความต้องการของตำรวจต่อภารกิจแรกๆ ของ ผบ.ตร.คนต่อไป พบว่า

  • ร้อยละ 77.0 ระบุ สวัสดิการของตำรวจ
  • ร้อยละ 58.5 ระบุ ฟื้นฟูขวัญกำลังใจของตำรวจทุกระดับชั้น
  • ร้อยละ 54.3 ระบุ แก้ปัญหาหนี้สินของตำรวจ
  • ร้อยละ 44.6 ระบุ แต่งตั้งโยกย้ายเป็นธรรม
  • ร้อยละ 42.3 ระบุ ฟื้นฟูศรัทธาของประชาชน


ทั้งนี้ การสำรวจจากสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ยังได้เน้นย้ำถึงความต้องการของตำรวจไทยในการมี ผบ.ตร.คนต่อไป ที่มีคุณสมบัติและทัศนคติที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชน โดยที่คุณสมบัติที่ถูกกล่าวถึงสะท้อนถึงการมีทักษะในการจัดการและเป็นผู้นำที่แท้จริง รวมถึงความสามารถในการสื่อสารและการเป็นผู้ฟังที่ดี ตามที่เผยแพร่มีความมุ่งมั่นในการสร้างความร่วมมือและรักษาความยุติธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย

ส่วนภารกิจสำคัญของ ผบ.ตร.คนต่อไป อาทิ การปรับปรุงสวัสดิการของตำรวจ, ฟื้นฟูขวัญกำลังใจ, และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของตำรวจ ยังเน้นไปที่การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในสังคม

รายงานของซูเปอร์โพล ยังระบุด้วยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้ที่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ข้อเสนอแนะจากผลการสำรวจสามารถใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือกผู้ที่จะรับหน้าที่นี้ได้อย่างเหมาะสมควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. การเข้าถึงและเชื่อมต่อกับผู้ใต้บังคับบัญชา ควรเลือกบุคคลที่สามารถเข้าถึงและสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทุกระดับชั้น จะช่วยสร้างความรักความสามัคคีและไม่แตกแยกในองค์กร

2. การเป็นผู้ฟังที่ดีและการมีส่วนร่วม ผู้บัญชาการควรมีความสามารถในการฟังและสอบถามได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกระตุ้นให้ทุกระดับมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการดำเนินงาน

3. การจัดสรรทรัพยากรและคนเข้ากับงาน คัดเลือกผู้ที่มีความสามารถในการวางตำแหน่งคนทำงานให้เหมาะสมกับงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ขององค์กร

4. การสื่อสารที่ชัดเจน ผู้บัญชาการควรมีความสามารถในการสื่อสารที่ตรงประเด็น ชัดเจน และเข้าใจง่าย เพื่อนำพาองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้อง

5. ความเข้มแข็งและความกล้าหาญในการตัดสินใจ คัดเลือกบุคคลที่มีความเข้มแข็งและกล้าตัดสินใจในสถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งจะช่วยนำพาองค์กรผ่านวิกฤติต่าง ๆ ได้

6. การไม่รวบอำนาจ ต้องการบุคคลที่ไม่รวบรวมอำนาจทั้งหมดไว้กับตัว เพื่อส่งเสริมบรรยากาศของความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม

อย่างไรก็ตาม การนำเสนอข้อเสนอแนะเหล่านี้ในการคัดเลือก ผบ.ตร.ที่เหมาะสม จะช่วยให้ตำรวจไทยมีผู้นำที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยุติธรรมในการฟื้นฟูศรัทธาทั้งภายในองค์กรตำรวจ และจากภายนอกคือประชาชน.