โปรดเกล้าฯ “ครม.แพทองธาร” นายกฯนำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ 6 ก.ย. ประเดิมถก ครม.นัดพิเศษ 7 ก.ย. หารือเตรียมพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา 11-12 ก.ย. “เพื่อไทย” เสริมกำลังห้องเครื่องตึกไทยฯเพิ่ม 2 รองนายกฯ มอบ “พิชัย” นั่งรองนายกฯควบ ก.คลัง “ประเสริฐ” รองนายกฯควบ รมว.ดีอี “เดชอิศม์” โต้ขบวนการทำลายกล่าวหาพัวพัน “โทนี่ เตียว” อาชญากรข้ามชาติ เอี่ยวค้ายาเสพติด แจงแค่อำนวยความสะดวกเข้ามาทำธุรกิจใน จ.สงขลา ไม่ได้ทำผิด จ่อฟ้องกลับสื่อปั่นข่าวเสียหาย “เอกนัฏ” โต้หักอุดมการณ์ร่วมงานคู่แค้น กปปส.อ้างบ้านเมืองต้องมาก่อน ยกเหตุภัยคุกคามและความท้าทายของประเทศเปลี่ยนไปแล้ว “โรม” หยัน ครม.ครอบครัวของแท้ ลูกนั่ง รมต.ไม่ได้เอาพ่อเสียบแทน เหน็บตัวจริงแถลงนโยบายไปหมดแล้วเมื่อ 22 ส.ค.

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว โดยนายกฯจะนำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 6 ก.ย.พร้อมนัดประชุม ครม.นัดพิเศษ หารือเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.

โปรดเกล้าฯ ครม.“แพทองธาร”

เมื่อเวลา 11.11 น. วันที่ 4 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 ส.ค.67 แล้วนั้น บัดนี้ น.ส.แพทองธารได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้

...

พท.เพิ่ม 2 รองนายกฯ “พิชัย–ประเสริฐ”

นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกฯและ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรองนายกฯและ รมว.พลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกฯและ รมว.คลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ก๊ก “ธรรมนัส” ยึด กษ.“บิ๊กเล็ก” รมช.กห.

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็น รมช.กลาโหม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็น รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็น รมช.คลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็น รมว.ต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี เป็น รมช.คมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็น รมช.คมนาคม

“เฉลิมชัย” คุม ทส. “เดชอิศม์” รมช.สธ.

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็น รมว.พาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็น รมช.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมช.พาณิชย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็น รมช.มหาดไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็น รมช.มหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็น รมว.ยุติธรรม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็น รมว.แรงงาน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็น รมว.วัฒนธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็น รมว.ศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็น รมช.ศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็น รมช.สาธารณสุข นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็น รมว.อุตสาหกรรม

นายกฯนำเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ 6 ก.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ประสานแจ้งให้นายกฯและรัฐมนตรีชุดใหม่ เตรียมความพร้อมเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 6 ก.ย.67 เวลา 17.00 น. ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน โดยเวลา 14.00 น. ขอให้นายกฯและรัฐมนตรีชุดใหม่ เดินทางมาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว และเวลา 15.00 น. นายกฯและรัฐมนตรีชุดใหม่ ขึ้นรถตู้ที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จัดเตรียมไว้พร้อมกัน เพื่อไปยังพระที่นั่งอัมพรสถานพร้อมกัน นอกจากนี้ สลค.ได้แจ้งรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันที่ 5 ก.ย.67 เวลา 10.00 น. ขอให้เข้ามาตรวจ RT-PCR ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล หากตรวจเองขอให้นำผลตรวจไปแสดงให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังในวันเข้าเฝ้าฯ

“อิ๊งค์” อุ้มน้องธาษิณเข้าตึกชินวัตร

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารชินวัตร 3 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยอุ้ม “น้องธาษิณ” ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชายคนเล็กมาด้วย ทันทีที่เข้ามาถึงนายกฯได้โบกมือทักทายสื่อมวลชนและให้น้องธาษิณสวัสดีพร้อมโบกมือทักทายสื่อฯด้วยเช่นกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่านำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง นายกฯไม่ตอบ ได้แต่หันมายิ้ม ก่อนเดินขึ้นตึกไปทันที ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ จะยังคงมีการเสนอชื่อ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช กลับมาเป็นเลขาธิการนายกฯอีกครั้ง

นัดถก ครม.วาระพิเศษ 7 ก.ย.

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงการประชุม ครม.นัดพิเศษว่า คาดว่าจะมีตั้งเลขาธิการนายกฯ เมื่อมีการถวายสัตย์ปฏิญาณ ทุกตำแหน่งจะพ้น แต่ต้องมีคนทำงานแทน ตำแหน่งนี้สำคัญ และเมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วถือเป็น ครม.ที่สมบูรณ์ แต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ต้องแถลงกับรัฐสภาก่อน โดยการประชุม ครม.นัดพิเศษจะคุยกันว่านโยบายที่จะร่วมกันแถลงรัฐสภาเป็นอย่างไร

ต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่ามีการประสานงานวันที่ 6 ก.ย. เวลา 17.00 น. ได้รับพระบรมราชานุญาต ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อพิจารณานโยบายรัฐบาลร่วมกันที่จะนำเสนอรัฐสภา เข้าใจว่าสภาฯมีความพร้อมในวันที่ 11 ก.ย. ที่จะเข้าแถลงนโยบายรัฐบาล ฉะนั้นหลังวันที่ 14-15 ก.ย.เป็นต้นไป ทุกคนจะสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ มีอำนาจเต็มตามกฎหมายครบถ้วน เป็นไปตามไทม์ไลน์ โดยนโยบายรัฐบาลพรรคร่วมรัฐบาลได้พูดคุยกันมาล่วงหน้าบ้างแล้ว

นัดถก 11–12 ก.ย. แถลงนโยบาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 ก.ย. น.ส.แพทองธาร จะเป็นประธานการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อเห็นชอบนโยบายที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา โดยก่อนการประชุมจะมีการถ่ายภาพหมู่ ครม.ทั้งคณะ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เบื้องต้นผู้แทนวิป 3 ฝ่ายเห็นสมควรเสนอประธานรัฐสภาพิจารณากำหนดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายของ ครม.ในวันที่ 11-12 ก.ย.โดยจะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาของการอภิปรายในวันที่ 9 ก.ย.อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมเพื่อหารือร่วมกับวิป 3 ฝ่ายวันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 408 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา เพื่อพิจารณาจัดสรรเวลาของแต่ละฝ่ายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา เบื้องต้นผู้แทนวิป 3 ฝ่าย เห็นควรประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.

“จุลพันธ์” รับดิจิทัลบางส่วนจ่ายเงินสด

ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2568 ในวาระ ที่ 2 และ 3 ที่มีข้อห่วงใยในงบฯโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ว่า รัฐบาลรับฟัง นายกฯคงจะพิจารณาปรับให้ปลอดภัย มากขึ้น ข้อห่วงใยจากทุกฝ่าย จึงเป็นไปได้ที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบ บางส่วนอาจจ่ายเป็นเงินสด สุดท้ายจะเป็นรูปแบบใดขอให้พรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยพิจารณา ร่วมกัน เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เพิ่งได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยเรื่องแนวนโยบาย ต้องนำทั้งหมดมารวมกัน ให้เกิดเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับได้ ผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วยืนยันยังคงเดินหน้าต่อ เพื่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศไทยด้วย การปรับมีทั้งข้อบวกและข้อลบ ต้องหาจุดสมดุลที่ เหมาะสมที่สุด ในระดับที่ยอมรับได้ ต้องหาจุดให้เหมาะสม

“ก๊กธรรมนัส” นั่งคอก พท.แค่ทักทาย

เมื่อถามถึงในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. มีภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และ สส.ในกลุ่ม มานั่งอยู่ในฝั่งป้ายพรรคเพื่อไทย (พท.) ถือเป็นสัญญาณอะไรหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในที่ประชุมสภาฯ ใครอยากนั่งตรงไหนไม่เคยมีการห้ามกัน จะนั่งข้างซ้าย ข้างขวาหรือนั่งคุยกันถือเป็นเรื่องปกติ แม้จะมีป้ายวางอยู่ แต่เวลาลงมติอยู่ในโซนนั้น แต่ในทางปฏิบัติจริงจะมีการเดินไปพูดคุยกันตามปกติ ไม่คิดมาก เพราะเป็นการทักทายกันสวัสดีกันเฉยๆ

“อดิศร” โอดไม่ทันเริ่มงานเจอไป 9 คดี

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ที่มีปัญหาคุณสมบัติที่มีการร้องเรียนกันอยู่ เป็นธรรมดาของนักร้องยังไม่ทำอะไรก็โดนไป 9 คดีแล้ว ถือเป็นสิทธิ์ แต่อย่าให้มากกว่านี้ ต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลที่มาด้วยความชอบธรรมตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า รัฐมนตรีบางคน ไม่ใช่ตัวจริง มีการนำบุตร หรือเครือญาติมาดำรงตำแหน่ง จะทำงานได้ดีหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า การกลั่นกรองเรื่องจริยธรรม คุณสมบัติครั้งนี้เข้มเป็น พิเศษ ตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา แต่คนที่มาแทนคนเดิม มีวุฒิการศึกษา วัยวุฒิที่เหมาะสม มีประสบการณ์ที่จะทำงานได้ กรณีบุตรสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย สส.อุทัยธานี พรรค ภท. จบปริญญาโทด้านกฎหมายจากลอนดอน อยู่ใกล้ชิดกับพ่อ เชื่อมั่นว่าทำงานได้

“เดชอิศม์” โต้รู้จัก “โทนี่ เตียว” ไม่ได้ทำผิด

เมื่อเวลา 10.35 น. ที่รัฐสภา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุขและเลขาธิการพรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) แถลงชี้แจงกรณีสื่อบางสำนักพาดพิงถึงประเด็นปัญหาจริยธรรมว่า ข้อกล่าวหาว่าตนพัวพัน กับนายเตียว วุย ฮวด หรือ “โทนี่ เตียว” อาชญากรข้ามชาติ เป็นนักธุรกิจใหญ่จากมาเลเซีย เข้ามาอยู่ใน จ.สงขลาร่วม 10 ปี ลงทุนเป็นพันล้านบาท ทั้งแม่ทัพภาค 4 ผวจ.สงขลา นอภ.สะเดาไปอำนวยความสะดวก ตนเป็นคนสงขลา เมื่อนักธุรกิจมาลงทุนจึงอำนวยความสะดวกให้ แต่มีเงื่อนไขต้องมาอย่างถูกกฎหมาย ไม่กระทำผิดกฎหมายไทย รู้จักนายโทนี่ เตียว เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เขาไปบวช ตนไปร่วมพิธีบวชตาม วิญญูชนคนสงขลาทั่วไป ตนและนายโทนี่ เตียว ไม่ได้ ทำผิดอะไร แต่ภายหลังทราบว่าเขาทำผิดกฎหมายที่จีน ถูกจับส่งตัวไปประเทศจีนแล้ว

ถูกฟ้องคดี ลต.แต่ศาลยกฟ้อง

นายเดชอิศม์กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวหาใน ป.ป.ช. เหตุเกิดเมื่อปี 2555 ขณะนั้นไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ทราบว่าผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดนสั่งฟ้องไปหมดแล้ว แต่ชื่อตนอาจไปอยู่ในกลุ่มไลน์ผู้ต้องหา เขาส่งรายชื่อเหล่านี้ไปตรวจสอบ ได้ทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช.ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ ป.ป.ช.ตอบว่าอยู่ในกระบวนการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่สามารถส่งข้อมูลให้ได้ ส่วนข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ยืนยันไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ ไม่ว่าฆ่าคนตาย ค้ายาเสพติด ถ้ามีคดีเหล่านี้ต้องมีหมายเรียกหรือหมายจับ ต้องรายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ ชีวิตตนมีคดีเดียวคือคดีการเลือกตั้งที่นายนวพล บุญญามณี เป็นผู้ฟ้อง สมัยเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา สุดท้ายศาลยกฟ้อง นอกจากจริยธรรมนักการเมืองสำคัญแล้ว จริยธรรมของสื่อมวลชนเป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน คนค้ายาเสพติดเป็นคนชั่วช้าสามานย์ คบไม่ได้ แต่คนไม่ค้ายาถูกสื่อสำนักใดสำนักหนึ่ง ทำให้คนเข้าใจว่าค้ายา คนพวกนี้เลวร้ายกว่าผู้ค้ายาเสียอีก ทำร้ายคนและสังคม ขอความยุติธรรมด้วย เพราะตนไม่เคยเกี่ยวข้องคดีและไม่มีด้วย

โวยมีขบวนการจ้องถล่มจ่อฟ้องกลับ

นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.ไม่เคยเรียกไปให้ข้อมูล ไม่เคยไปแม้แต่ดีเอสไอหรือขึ้นโรงพัก ยืนยันพรรคส่งชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีไปเพียง 2 คน ไม่มีส่งชื่อสำรอง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯยังเป็นผู้บริสุทธิ์ มีเพียงสำนักข่าวเดียวที่ถล่มตนและนายเฉลิมชัย เชื่อว่าเรื่องนี้มีขบวนการอยู่ข้างหลัง จ้องมาที่ตนและนายเฉลิมชัยเป็นพิเศษ ต้องดูว่ากรณีใดเข้าข่ายผิดกฎหมาย ต้องรักษาสิทธิฟ้องดำเนินคดีบ้าง เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง ส่วนจะฟ้องตัวนักข่าวหรือสำนักข่าว สงสารนักข่าวบางคน เพราะบางทีไม่ใช่คนชั่ว แต่ถูกให้ชั่วโดยเจ้านายสั่ง แต่บางคนชั่วโดยสันดานมีเช่นกัน หากไม่มีเจตนาชั่วจริง ตนไม่ต้องการฟ้องใคร

“ขิง” อ้างบ้านเมืองต้องมาก่อน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียงวิจารณ์ว่า เคยเป็นเลขาธิการกลุ่ม กปปส.ไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่กลับมาร่วมรัฐบาลพรรค พท.ว่า วันนี้เรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อน ณ จังหวะเวลานี้ ภัยคุกคามและความท้าทายของประเทศมันเปลี่ยนไป เป็นจังหวะสำคัญที่เราต้องร่วมมือกัน คนที่มีจุดยืนและอุดมการณ์เดียวกัน อาจมีวิธีที่ต่างกัน ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช.ต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อเป็นทางออกของประเทศที่ดีที่สุด อาจเป็นทางออกทางเดียว ส่วนจะเสียมวลชนผู้สนับสนุนหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ขอให้ผลงานกับระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ จะตั้งใจทำงานให้คุ้มค่ากับโอกาสที่ได้รับ เมื่อถามว่า ทำงานได้สนิทใจหรือไม่กับลูกของนายทักษิณ ชินวัตร นายเอกนัฏกล่าวว่า “ก็ต้องทำล่ะครับ วันนี้ขอให้คิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ทำงานด้วยกันได้ เราไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก”

แจง ตร.เรียกไปเป็นพยานคดี ม.112

เมื่อถามถึงข่าวที่ระบุว่า นายเอกนัฏไปเป็นพยานให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคดีมาตรา 112 นายเอกนัฏกล่าวว่า ความจริงมีหมายเรียกจากตำรวจมา ไม่ได้ไปโดยพลการ หากไม่ไปจะต้องถูกหมายจับ จึงต้องไปทำหน้าที่ตามกฎหมาย หากยังมีข้อสงสัยจะหาโอกาสที่แจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนเรื่องคุณสมบัติที่มีการท้วงติงกันก่อนหน้านี้ การตรวจสอบคุณสมบัติไม่ใช่หน้าที่ของตน เนื่องจากคดีของตนมีคำพิพากษาของศาลออกมาแล้ว ดังนั้นจะมีการไปร้องให้ตรวจสอบ ขอไม่พูดถึงขอเดินหน้าทำงานดีกว่า

“โรม” หยัน ครม.ครอบครัวของแท้

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวว่า หน้าตา ครม.ใหม่เป็นลักษณะ ครม.ครอบครัว พอลูกเป็นไม่ได้ เอาพ่อ น้องหรือเพื่อนมาเป็น ต้องยอมรับว่าในการเมืองบ้านเรา แม้อยากได้ผู้มีความสามารถตรงกับด้านนั้นๆ แต่เมื่อเจอทั้งเรื่องจริยธรรมที่เป็นการตีความอย่างกว้างของศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ สุดท้ายกลายเป็นเก้าอี้ดนตรีหมุนเวียนกันไป ครม.เป็นสมบัติผลัดกันชมหรือโควตาครอบครัวหรือไม่ สังคมตั้งคำถามลักษณะเดียวกัน ไม่มั่นใจว่าคนมานั่งเป็นรัฐมนตรีคือตัวจริงหรือไม่ หรือต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง อาจไม่ใช่ตัวแสดงจริง อาจทำให้การทำงานในอนาคตมีปัญหา ฝ่ายค้านจะตรวจสอบยากยิ่งขึ้น ตัวจริงอยู่หลังฉาก หากในอนาคตมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเราจะยังยอมรับให้ระบบแบบนี้ดำเนินต่อไปในอนาคตหรือไม่

เหน็บตัวจริงแถลงนโยบายรัฐบาลไปแล้ว

นายรังสิมันต์กล่าวว่า แม้จะมีการแถลงนโยบายสัปดาห์หน้า แต่ทราบกันดีว่าการแถลงนโยบายเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ส.ค. แต่ฝ่ายค้านพร้อมอภิปรายอย่างเข้มข้น ต้องยอมรับว่าเราได้เห็นการทำงานช่วงรัฐบาลของนายเศรษฐามีนายกฯ 2 คน มาวันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นนายกฯ 2 คนหรือ 1 คน ไม่แน่ใจว่าใช่ น.ส.แพทองธารหรือไม่ แต่เรากำลังอยู่ในบรรยากาศที่การเมืองขาดเสถียรภาพและความแน่นอน ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจ ที่จะสร้างปัญหาทางการเมือง ถ้ารัฐบาลนี้อาจกังวลทุกอย่างจนไม่กล้าทำอะไรเลย จะเป็นปัญหาใหม่ เพราะโลกมีความท้าทายหลายรูปแบบ ถ้ากลัวว่าผิดจริยธรรมหรือกลัวศาลรัฐธรรมนูญเล่นงานจะบริหารอะไรไม่ได้เลย โจทย์สำคัญคือจะแก้ปัญหาวิกฤติที่ทำลายเสถียรภาพที่เผชิญอยู่ตรงหน้าอย่างไร

หอการค้าจี้เร่งสร้างความเชื่อมั่น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า เรื่องที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำเร่งด่วนคือการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนก่อน เรื่องอื่นๆจะตามมา นโยบายต้องผลักดันคือเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแจกจ่ายให้ได้ก่อน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมถึงการดูแลค่าครองชีพ การจัดการปัญหาเรื่องน้ำ และต้องเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯปี 67 ให้ครบถ้วนและต่อเนื่องในปีหน้า ต้องอยู่ในกำหนดเวลา ขณะนี้ในตลาดไม่มีเงินหมุนเวียนเลย ถ้ามีเงินอัดฉีดเข้าไป จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้มาก เงื่อนไขการแจกเงิน 10,000 บาท เคยให้ข้อเสนอไปแล้วให้แจกกลุ่มเปราะบางก่อน กลุ่มผู้พิการจะรวมอยู่ในนี้ หากยังมีเงินเหลือและต้องการจะแจกให้ครบถ้วนกลุ่มอื่นๆต้องรอรัฐบาลแถลง พูดไปตอนนี้ไม่มีประโยชน์

“ผู้กองนัส” ยกก๊วนไขก๊อก กก.บห.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า คณะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ในฝั่งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคจำนวน 6 คน ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว ก่อนมีการประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 6 ก.ย. ในวันประชุมดังกล่าวมีวาระแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม แต่จะเปลี่ยนเลขาธิการพรรค โดยมีชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค จะมาเป็นเลขาธิการพรรคแทน ร.อ.ธรรมนัส ปัจจุบันกรรมการบริหารพรรค พปชร.มี 19 คน เป็นฝั่ง พล.อ.ประวิตร 13 คน และฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส 6 คน

“ศุภณัฐ” หั่นงบ ก.เกษตรฯส่อทุจริต

อีกด้าน การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระ 2-3 เมื่อเวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมเป็นวันที่ 2 พิจารณาในมาตรา 14 งบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ จำนวน 36,297,406,700 บาท โดยนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรค ปชน. อภิปรายว่า ขอแปรญัตติปรับลดงบกรมการข้าว ในโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบบาดาล 13 จุด 62 ล้านบาท ที่ปรับลดเหลือ 31.8 ล้านบาท และโครงการระบบสูบน้ำแบบระบบผิวดิน 480 ล้านบาท ปรับลดเหลือ 415 ล้านบาท รวม 2 โครงการ 447 ล้านบาท ลงอีก 5% เนื่องจากส่อทุจริตหลายอย่าง โดยเฉพาะการได้มาซึ่งราคากลาง สืบราคาจาก 3 บริษัทใบเสนอราคาของทั้ง 3 บริษัท หน้าตาฟอร์แมต ฟอนต์ เหมือนกันเป๊ะ มีโอกาสปั้นราคาได้ง่ายหรือไม่ ส่วนโครงการของกรมชลประทาน เช่น งานดินขุด ดินถม งานบดอัดโดยใช้แรงคน เฉพาะค่าแรงมีสัดส่วนกว่า 30% ของโครงการ เรตจ้างคนงานต่อหน่วยแพงกว่าใช้เครื่องจักร 10 เท่า มีส่วนต่างมหาศาลที่เกิดการทุจริต ที่หนักกว่าคือไม่ได้จ้างคนจริงๆ แต่ไปเรี่ยไรเอาแค่บัตรประชาชนมาเซ็นรับเงิน แล้วไปจ้างผู้รับเหมาให้ใช้เครื่องจักรทำงานจริง ถือเป็นสารตั้งต้นการทุจริต

ฉะเมินวาระแห่งชาติ “ปลาหมอคางดำ”

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรค ปชน. กล่าวว่า ขอตัดงบกรมประมง 5% เพราะไม่มีงบแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรฯ ยกเป็นวาระแห่งชาติ และกรมประมงยังแก้ปัญหาไม่ดีพอ มิหนำซ้ำยังอนุมัติงบไปก่อสร้างศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่จังหวัดของรัฐมนตรีอีก 208 ล้านบาท ผูกพันไปถึงปี 2570 ปีนี้ขอไป 41 ล้านบาท ไม่ควรอย่างยิ่ง งบปีนี้ไม่มี อะไรที่จริงใจและจริงจังต่อการแก้ปัญหาเลย นอกจากสร้างศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ขุดลอกกว๊านพะเยา ในจังหวัดบ้านของรัฐมนตรี

กมธ.ไม่รู้ไม่ชี้กรมชลฯสวมตอจ้างงาน

นายสรวุฒิ เนื่องจำนง สส.ชลบุรี พรรค พท.ในฐานะ กมธ.ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2568 ชี้แจงว่า กมธ.มีมติปรับลดงบกระทรวงเกษตรฯไปกว่า 367 ล้านบาท คิดเป็น 0.65% ในโครงการที่ไม่จำเป็น ขณะที่นายพัฒนา สัพโส กมธ.ฯเสียงข้างมาก กล่าวว่า กรณีนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรค ปชน. พูดเรื่องบัตรประชาชน ในโครงการกรมชลประทานที่ไม่ได้จ้างคนจริงๆนั้น นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของ กมธ.ฯไม่ไปก้าวล่วง เพราะมีหน้าที่พิจารณาในคำของบเท่านั้น แต่เป็นสิ่งดีที่ส่งสัญญาณไปถึงผู้เกี่ยวข้อง อาทิ สตง. ป.ป.ช.หรือรัฐมนตรี หลังอภิปรายครบถ้วน ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 14 ด้วยคะแนน 295 ต่อ 141 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1

อภิปรายราบเรียบฉลุย 5 มาตรารวด

ต่อมาช่วงเที่ยงถึงช่วงบ่าย การอภิปรายเป็นไปอย่างราบเรียบ โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบผ่านไปได้อย่างราบรื่น ทั้งมาตรา 15 งบของกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในกำกับวงเงิน 83,545,880,400 บาท มาตรา 16 งบกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานในกำกับ 5,827,760,600 บาท มาตรา 17 งบกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานในกำกับ 15,327,771,800 บาท มาตรา 18 งบกระทรวงพลังงาน 1,997,952,700 บาท มาตรา 19 งบกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานในกำกับ 4,596,056,500 บาท

สส.แห่ยินดี รมต.ใหม่ปลอบคนอกหัก

ขณะที่บรรยากาศหลังจากมีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ สส.หลายคน พากันเข้าไปยินดีกับรัฐมนตรีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ ที่อยู่ในห้องประชุมสภาฯ อาทิ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข มี สส.บางส่วน เข้าไปพูดคุยกับอดีตรัฐมนตรีที่ไม่ได้ไปต่อ เช่น นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เป็นต้น

“ปรีติ” อัดไฟนวัตกรรมแพงหูฉี่

ต่อมาเวลา 15.50 น. เข้ามาตรา 20 งบกระทรวงมหาดไทยวงเงิน 231,861,408,300 บาท การอภิปรายเริ่มเข้มข้น นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรค ปชน.อภิปรายว่า ขอแปรญัตติตัดลดงบ 3% คำแรกที่เอามาขึ้นสไลด์คือ “นวัตโกง” เพราะไปตรวจสอบ เจองบสร้างถนนพร้อมกับไฟนวัตกรรม 2 รายการ รวมมูลค่า 20 ล้านบาท ของ อบต.แห่งหนึ่ง ที่อุดหนุนจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ลองแกะเลขรหัสบัญชีไฟนวัตกรรมพบอยู่ในหมวดไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม 1 ชุด ประกอบด้วย เสาไฟและโคมไฟ พร้อมติดตั้ง ตั้งราคามาจาก สำนักงบประมาณในราคา 64,000 บาท แต่ตนเคยทำให้ชาวบ้านราคาไม่ถึง 10,000 บาท และยังเป็นไฟรูปทรงยูเอฟโอที่กระจายแสงได้ 360 องศาด้วยดีกว่าไฟนวัตกรรมอีก การประเมินราคาของสำนักงบฯไม่เป็นไปตามราคาตลาดทำรัฐเสียหาย อยากให้รื้อบัญชีนวัตกรรมทั้งหมด

ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท.ในฐานะ กมธ. ชี้แจง เรื่องบัญชีนวัตกรรมว่า เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 วิธีการอนุมัติผลิตภัณฑ์ขึ้นบัญชีนวัตกรรม ต้องให้กระทรวง อว.โดย สวทช.เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ ส่งให้สำนักงบประมาณไปตรวจสอบราคา กำหนดหรือต่อรองกับบริษัทที่ขอขึ้นบัญชีนวัตกรรม ดังนั้น เป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตามระเบียบทั่วไป จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 20 ด้วยคะแนน 296 ต่อ 149 งดออกเสียง 0 ไม่ลงคะแนน 2

“สุทิน” จัดโผทหารทิ้งให้ “บิ๊กอ้วน”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่า นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เก็บภาพถ่ายในช่วงปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ในฐานะ รมว.กลาโหม ออกจากห้องทำงาน ที่กระทรวงกลาโหมทันที หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ชุดใหม่ และยังได้เป็นประธานประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลปลายปี ร่วมกับปลัดกระทรวงกลาโหมและ ผบ.เหล่าทัพไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ทิ้งท้ายนานกว่า 3 ชั่วโมง หลังประชุมภาพรวมยังเชิญ ผบ.เหล่าทัพ หารือเป็นรายบุคคล ก่อนเห็นชอบตามโผที่เหล่าทัพเสนอ ทั้งนี้ นายสุทินยังไม่ได้ลงนามในบัญชีปรับย้ายนายทหารของแต่ละเหล่าทัพ จะให้อำนาจนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหมคนใหม่ เป็นผู้ลงนามเอง

“บิ๊กปู” ขึ้นแท่น ผบ.ทบ.คนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า รายชื่อนายทหารระดับสูงสำคัญๆที่ ผบ.เหล่าทัพ เสนอแต่งตั้งคาดว่า พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ.จะไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมในปี 2568 พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปี 2568 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) หรือ “บิ๊กปู” เสธ.ทบ. จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร (ตท.24) เป็นรอง ผบ.ทบ. พล.อ.วสุ เจียมสุ (ตท.25) เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ (ตท.26) เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ธงชัย รอดย้อย (ตท.25) เป็นเสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.)

“บิ๊กดุง” ยืนกราน “จิรพล” คุมทัพเรือ

ในส่วนตำแหน่ง ผบ.ทร.ที่ประชุมใช้เวลาพิจารณานานที่สุดกว่า 1 ชั่วโมง เพราะมี พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) หรือ “บิ๊กแมว” ที่ปรึกษาพิเศษ ทร.ถูกเสนอชื่อเป็น ผบ.ทร.แต่อยู่นอกตำแหน่งหลัก 5 ฉลามทัพเรือ จบหลักสูตรนายเรือจากเยอรมนี ไม่จบโรงเรียนนายเรือ และมีแคนดิเดตอีกหลายคนที่อยู่ในไลน์ เช่น พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ (ตท.23) ผู้ช่วย ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสธ.ทร. ส่วน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) รอง ผบ.ทร.ถูกส่งไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด โดย พล.ร.อ.อะดุง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ ผบ.ทร.ยืนยันเสนอชื่อ พล.ร.อ.จิรพล ขึ้นเป็น ผบ.ทร.

“บิ๊กอ้วน” ไม่หนักใจทำงานกับทหาร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงโผทหารประจำปี หลังนายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม จะให้ รมว.กลาโหมคนใหม่เป็นผู้พิจารณาว่า เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับกระทรวงกลาโหม ไม่น่ามีอะไรหนักใจ พวกเราเริ่มจากผลประโยชน์ของประเทศชาติ เชื่อว่าจะสามารถร่วมงานกับทุกเหล่าทัพได้ดี และมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่เป็นทหาร ยิ่งทำให้เข้าใจธรรมชาติสิ่งที่เป็นอยู่ของทหารได้มากยิ่งขึ้น จะช่วยทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อถามถึงมีภาพ สส.ปลอบนายสุทินที่รัฐสภา นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่นอยด์หรอก เราเป็นนักการเมืองต้องรู้ทำไปตามหน้าที่ ยังเป็นเพื่อนพี่น้องกันอยู่ ยิ่งท่านมีประสบการณ์เข้ามาช่วยกันได้

รทสช.ปั่นงานจัดอีเวนต์ลดภาระ ปชช.

เมื่อเวลา 13.40 น. ที่อาคารรัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แถลงข่าวการจัดงาน “รวมไทยสร้างชาติแฟร์” ว่า พรรค รทสช.ประกาศนโยบายตั้งแต่เริ่มจะรื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อสังคมที่ถูกต้องและเป็นธรรม ปัจจุบันประชาชนเผชิญความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ต้องเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายโดยนำหลักการการแบ่งปันมาใช้ คนมีมากแบ่งปันให้คนที่มีน้อย หรือคนขาดแคลน เป็นที่มาของการจัดงาน “รวมไทยสร้างชาติแฟร์” โดยร่วมกับผู้ค้าและภาคเอกชน นำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายราคาถูกกว่าท้องตลาด ระหว่างวันที่ 12-15 ก.ย. ที่ MBK Center ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ฝั่งถนนพระราม 1 ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.

“พิพัฒน์” ยัน 1 ต.ค. ค่าจ้างใหม่ 400

ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ว่า ยังยืนยันตามนโยบายเดิมของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะยังเดินหน้าปรับค่าจ้างต่อไปโดยนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างได้ยืนยันมาตลอดว่าค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท จะมีการประกาศใช้พร้อมกันทั้งประเทศในวันที่ 1 ต.ค. แต่จะเป็นการปรับในบางกลุ่มอาชีพและบางไซต์ของสถานประกอบการ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างขอให้รอการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างที่จะมีการประชุมบอร์ดค่าจ้างไตรภาคีในช่วงต้นเดือนนี้ หลังจากจะมีการประกาศอัตราค่าจ้างใหม่ ส่วนในเรื่องผลกระทบที่บางบริษัทมีการปิดกิจการอย่ามองว่ามาจากการปรับค่าจ้าง เพราะบางกิจการปิดไปแต่ก็มีเปิดเพิ่มใหม่ขึ้นมา ในเรื่องนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์ให้แรงงานอย่างใกล้ชิด

เปิดกรุ “พิชิต” หลังไขก๊อกมี 89 ล้าน

วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของนายพิชิต ชื่นบาน กรณีพ้นตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 โดยนายพิชิตมีทรัพย์สิน 89,001,051 บาท เป็นทรัพย์สินนายพิชิต 16,873,396 บาท อาทิ เงินฝาก 3,591,093 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,068,613 บาท ยานพาหนะ 2 คัน 6.5 แสนบาท ทรัพย์สินอื่น 10,206,697 บาท อาทิ นาฬิกา 16 เรือน มูลค่า 6.4 ล้านบาท แหวน 5 วง มูลค่า 935,000 บาท พระ งานศิลปะ วัตถุโบราณ 79 รายการ มูลค่า 846,697 บาท มีหนี้สิน 66,872 บาท ส่วน น.ส.แก้วมณี ใจซื่อ คู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภริยา มีทรัพย์สิน 72,127,655 บาท อาทิ เงินฝาก 5,359,443 บาท เงินลงทุน 4,901,247 บาท เงินให้กู้ยืม 11.9 ล้านบาท ที่ดิน 7 แปลง ที่ จ.เพชรบูรณ์ กทม.15,724,750 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง ที่เขตลาดพร้าว กทม. 6,676,000 บาท ยานพาหนะ 9 คัน มูลค่า 9,510,000 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ 12,348,500 บาท อาทิ สร้อยคอทองคำ กำไลทอง 15 เส้น น้ำหนัก 30 บาท มูลค่า 1,275,000 บาท งาช้าง 13 รายการ มูลค่า 8,450,000 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม 10 ใบ มูลค่า 770,000 บาท มีหนี้สิน 178,357 บาท

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่