สาเหตุสำคัญที่พี่น้องชาวแพร่ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ฯลฯ ต้องเผชิญน้ำท่วมใหญ่ทุกปีๆๆ
เพราะแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายหลักสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนใหญ่รองรับปริมาณน้ำที่ไหลทะลักจากภาคเหนือตอนบน
เมื่อมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลพรวดลงมาพร้อมกันจึงทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมรวดเร็วรุนแรง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
และสร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสกับพี่น้องประชาชนนับล้านครอบครัว
รัฐบาลเองต้องหางบซ่อมแซมฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมและงบเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นเงินหลายพันล้านบาท เป็นรายจ่ายซ้ำซากทุกปีๆๆๆ
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการที่แม่น้ำยมไม่มีเขื่อนใหญ่เก็บกักน้ำเพื่อเกษตรกรรม และการอุปโภคบริโภคของประชาชน
เท่ากับปล่อยให้มวลน้ำหลายพันล้านลูกบาศก์เมตรถูกเททิ้งลงอ่าวไทยไปฟรีๆ อย่างน่าเสียดาย
แถมหลังน้ำท่วมใหญ่ผ่านไป แม่น้ำยมทั้งสายก็แห้งกรัง
ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีน้ำทำการเกษตร ไม่มีน้ำชลประทาน และไม่มีน้ำใช้น้ำกิน
นี่คือวงเวียนกรรมที่พี่น้องกลุ่มจังหวัดลุ่มแม่น้ำยม แพร่ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ต้องทนทุกข์ทรมานจากวิบัติภัยน้ำท่วมซ้ำซากมาหลายสิบปี!!
และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป หากไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาล
“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะตัดสินใจเดินหน้าโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อให้พี่น้องชาวลุ่มน้ำยมรอดพ้นความทุกข์ซ้ำซากเสียที
โครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นจะช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วม และช่วยป้องกันปัญหาน้ำแล้งเห็นผลทันตา
เขื่อนแก่งเสือเต้นจะเป็นกุญแจดอกสุดท้ายที่ทำให้แผนบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยครบวงจร!!
“แม่ลูกจันทร์” ดีใจที่ได้ยิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาการนายกฯ ประกาศว่าถึงเวลาต้องเดินหน้าโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนลุ่มน้ำยมตลอดมา
...
นายภูมิธรรมย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งหาข้อยุติโดยเร็ว!!
เพราะกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นจะสร้างเสร็จต้องใช้เวลาอีกหลายปี
ยิ่งล่าช้าพี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนนานขึ้นๆ แถมงบก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นก็แพงขึ้นๆทุกวัน!!
“แม่ลูกจันทร์” ขอเสนอให้รัฐบาลใช้โครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นเป็น “โมเดล” ในการแก้ปัญหาขัดแย้งตามระบอบประชาธิปไตย
เพราะโครงการนี้มีทั้งกลุ่มที่ต่อต้าน และมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนจนความขัดแย้งคาราคาซังมาแล้ว 35 ปี
“แม่ลูกจันทร์” เสนอให้รัฐบาลจัดให้พี่น้องประชาชนผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียกับโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น (แพร่–สุโขทัย–พิจิตร–นครสวรรค์) ได้ร่วมกันลงประชามติ เพื่อให้เกิดข้อยุติที่ชัดเจน
ถ้าผลการลงประชามติต้องการให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
รัฐบาลก็เดินหน้าได้อย่างสบายใจ
เพราะประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจแทนรัฐบาล
พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ก็คลอดออกมาแล้ว
ประเดิมซะเลยดีมั้ยโยม??
"แม่ลูกจันทร์"
คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม