ต้องถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดพิสดารทางการเมือง เกิดการร้องเรียนให้ยุบพรรคการเมือง และให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นด้วยบุคคลนิรนามร้อง กกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย ฐานปล่อยให้อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรค เป็นความผิดตามกฎหมายพรรค การเมือง
ตามด้วยการร้องของนักร้องมือ อาชีพจากพรรคพลังประชารัฐ ให้ตรวจสอบกรณีที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แจ้งว่าได้ลาออกจากกรรมการ 20 บริษัท ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม แต่กลับมีรายงานว่าเพิ่งจะลาออกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯแล้ว จึงต้องพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ม.170 (4) หรือ (5)
รัฐธรรมนูญ ม.170(4) ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ม.170(5) ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นความผิดที่อดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน โดนสอย หลังจากอยู่ในตำแหน่งไม่ถึงปี เท่านั้นยังไม่พอ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ยังกล่าวหาว่า น.ส.แพทองธารไม่ทำตามสัญญา อาจหลุดจากตำแหน่ง
เป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างประหลาด แค่ “ผิดสัญญา” ต้องถูกถอดถอนจากนายกฯ นายไพบูลย์อ้างว่าเป็นความผิดตาม ป.แพ่ง และพาณิชย์ ม.362 ที่ระบุว่า ผู้ใดโฆษณาให้คำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าต้องให้รางวัลแก่บุคคลผู้กระทำการนั้น ถึงแม้ผู้นั้นจะกระทำเพราะเห็นแก่รางวัล และอ้างถึงคำสัญญาของนายกฯที่จะให้
น่าจะหมายถึงการที่นายกรัฐมนตรี เคยสัญญาจะให้พรรค พปชร.ร่วมรัฐบาล แต่ไม่ทำตามสัญญา ซ้ำยังขับไสไล่ส่งให้เป็นฝ่ายค้าน จะใช้กฎหมายแพ่งทวงสัญญาได้หรือไม่ และยังมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยไม่ร้องเรียนใดๆ เพียงแต่ขอทวงบุญคุณที่ช่วยเหลือเพื่อไทยมาตลอดแต่ไม่เห็นความสำคัญ
...
ตามความเห็นของคอการเมือง “การให้ความสำคัญ” อาจหมายถึงว่า แม้จะเป็นผู้นำพรรค ที่มี สส.เพียงคนเดียว แต่อยากได้ตำแหน่งทางการเมือง เช่นรองนายกรัฐมนตรี ถือว่ามักน้อยกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่มี สส.ไม่ถึง 40 คน แต่วงการเมืองเดาใจว่า “อยากเป็นนายกรัฐมนตรี”
การเมืองไทยขณะนี้ตกอยู่ใน “ยุคนักร้อง” ร้องให้ยุบพรรค ร้องให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดา ฟังดูคล้ายกับว่าเป็นยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู ถ้าเป็นการร้องด้วยความเป็นจริง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เตือนว่ามีคนพยายามจะสอยนายกฯหรือล้มรัฐบาลคอยจับผิดด้วยเรื่องไร้สาระ ขอร้องว่าพอกันที.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม