“ภูมิธรรม เวชยชัย” ติดตามน้ำสุโขทัย กำชับยังขอให้เฝ้าระวังแม้สถานการณ์คลี่คลาย เล็งหาจุดรับน้ำแม่น้ำยม ป้องกันสุโขทัยท่วมซ้ำซาก เตรียมช่วยเหลือลดค่าน้ำ-ค่าไฟ พร้อมชง ครม. ฟื้นแผนทำทางน้ำยุค “ยิ่งลักษณ์” โชว์ควงตะหลิวผัดถั่วงอก “อนุทิน” สวมหมวกเชฟปรุงกะเพรา ก่อนลุยต่อ นครสวรรค์-ชัยนาท ขึ้น ฮ. บินตรวจบึงบอระเพ็ด - เขื่อนเจ้าพระยา

วันที่ 31 ส.ค. ที่ห้องประชุมศรีนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือตอนบน โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข และนายสุชาติ ทีคะสุข ผวจ.สุโขทัย ร่วมประชุมด้วย

โดยนายสุชาติ รายงานสรุปสถานการณ์ว่า จากสถานการณ์น้ำไหลเข้าท่วมริมพื้นที่ฝั่งแม่น้ำยม และคลองยมน่าน เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 อำเภอ 41 ตำบล 163 หมู่บ้าน 7,195 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 37,227 ไร่ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัยได้บูรณาการทุกภาคส่วนเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง โดยได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประสานงานและให้ความช่วยเหลือประชาชน แจ้งเตือนประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารตลอดจนแนวทางการปฏิบัติเพื่อเกิดความปลอดภัย สั่งการที่มีการตั้งชุดเฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างใกล้ชิด หากเกิดกรณีเร่งด่วนให้อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวเร่งสำรวจความเสียหายทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่ กรณีเส้นทางที่ได้รับผลกระทบชำรุดเสียหายได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดถูกตัดขาด

...

บัดนี้ สถานการณ์อุทกภัย จ.สุโขทัยโดยรวมได้เริ่มคลี่คลายลง จ.สุโขทัยได้เริ่มช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบสาธารณภัยได้ใช้ชีวิตในภาวะปกติได้ในเร็ววัน

ต่อมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนกลางมีความห่วงใยติดตามสถานการณ์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมีความห่วงใยได้ลงพื้นที่และวันนี้พวกเราได้มา จ.สุโขทัย ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งสถานการณ์น้ำที่เราเห็นค่อนข้างน่าเป็นห่วง ซึ่งพื้นที่ จ.สุโขทัยเป็นพื้นที่ราบแบน ส่วนใหญ่รับน้ำต่าง ๆ มาตลอด ที่สำคัญแม่น้ำปิง วัง น่าน มีจุดรับน้ำ แต่แม่น้ำยมไม่มี ตรงนี้อาจจะต้องมีการทบทวนว่าเราจำเป็นต้องหาช่องทางในการที่จะดูดซับน้ำ ก่อนที่จะปล่อยน้ำทะลักมาและยังท่วมสุโขทัยอีก ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัดจริงจังสักที ไม่อย่างนั้นน้ำท่วมซ้ำซาก เพราะผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือประชาชนในพื้นที่

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง ติดตาม แก้ไข และฟื้นฟู ประสานทุกจังหวัด ก็ต้องขอขอบคุณมากดำเนินการแก้ไขไปล่วงหน้าแล้ว ขณะนี้แม้ว่าน้ำจะหลากไปบ้างแล้วเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ยังอยู่ในฤดูฝน เพราะฉะนั้นยังต้องเฝ้าระวังเพื่อให้ราษฎรมีความอุ่นใจ และให้เร่งเข้าสำรวจพื้นที่ว่ายังมีพื้นที่ไหนที่เล็ดลอดสายตาไป เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เร่งเยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง

ด้านนายสุรสีห์ กิตติมงคล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ประเมินปริมาณฝนที่จะตกในช่วงเดือน ก.ย. พบว่า พื้นที่ภาคเหนือ 16 จังหวัด ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน ดังนั้น ต้องรีบเร่งระบายน้ำในพื้นที่ และซ่อมคันน้ำที่ชำรุด เพื่อควบคุมการไหลของน้ำ

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เสนอว่าควรมีแผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหาแม่น้ำยม ตั้งแต่ จ.พะเยา จนถึง จ.สุโขทัยที่มีน้ำท่วมมาตลอด ตนเองได้ทำงานร่วมกับสมศักดิ์มาโดยตลอด และเห็นว่ามีแต่การตั้งรับ ควรหามาตรการป้องกันมากกว่านี้

ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เกิดมาเห็นน้ำท่วมสุโขทัยมาตลอด ไม่มีปีไหนไม่ท่วม แม่น้ำยมที่ อ.ศรีสัชนาลัย รับน้ำได้ 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อมาถึงสุโขทัยรับได้ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ ต้องมีเขื่อนใหญ่ ๆ และเลิกแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน หากสร้างเขื่อนใหญ่ไม่ได้ ต้องสร้างเขื่อนเรียงหิน หรือเขื่อนคอนกรีตจุดต่าง ๆ รวม 9,640 เมตร มูลค่า 900 กว่าล้านบาท จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้

เช่นเดียวกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็มีแต่เรื่องบรรเทา ไม่มีเรื่องป้องกัน แต่ความเป็นจริงกระทรวงมหาดไทย ถูกกดดันเรื่องเขื่อนและฝาย แต่ไม่มีเจ้าภาพ โยนกันไปมาจึงไม่เรียบร้อย ดังนั้นควรเป็นงบกลาง รัฐบาลควรมีแผนในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ควรผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ

จากนั้น นายภูมิธรรม มาที่โรงครัวศูนย์ประสานกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและโรงครัวพระราชทาน พร้อมช่วยแม่ครัวผัดถั่วงอกใส่หมู ขณะที่นายอนุทินโชว์ฝีมือผัดกะเพรา

ต่อมา นายภูมิธรรม ได้พบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพจำนวน 200 ชุด พร้อมกล่าวว่า วันนี้แก้ปัญหาเฉพาะในการมอบถุงยังชีพ และสั่งให้เร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องลดค่าน้ำค่าไฟ กำลังดำเนินการโดยให้นำเข้า ครม. ตรวจความปลอดภัยหมู่บ้านที่ตัดน้ำตัดไฟ เพื่อคืนชีวิตปกติของท่าน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกองทัพ บริษัทก่อสร้าง ให้เด็กอาชีวะ และเทคนิคต่าง ๆ มาช่วยแก้ไขดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 3 ก.ย. 67 และปัญหาที่พี่น้องประสบทุกคนอยากแก้ปัญหาถาวร วันนี้เราจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแก้ไขทางเดินน้ำเป็นวาระแห่งชาติ งบประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งแผนนี้เคยมีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่เนื่องจากถูกรัฐประหารไปก่อน โดยเราจะนำกลับมาทบทวน เพราะเพื่อให้แม่น้ำยมมีพื้นที่รับน้ำเหมือนแม่น้ำปิง วัง น่าน ถ้าพี่น้องเห็นด้วยเราจะดำเนินการ ส่วนคนที่ค้านขอให้มาคุยกับพี่น้องที่กำลังโดนน้ำท่วม เพราะเสียงของเราที่อยู่ตามลุ่มน้ำประสบภัยมาตลอดชีวิต เป็นเสียงที่มีความหมาย

จากนั้นเวลา 13.30 น. นายภูมิธรรม และคณะ ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เขื่อนหาดสะพานจันทร์ ต.หาดกุมเกาะ อ.สวรรคโลก และตรวจติดตามสถานการณ์น้ำที่ประตูระบายน้ำบ้านคลองหกบาท ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก เพื่อรับฟังโครงการปรับปรุงคลองยม - น่าน เพื่อให้รับน้ำได้ปริมาณที่เพิ่มขึ้นตามแนวคลอง ซึ่งแผนการดำเนินงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 69

ต่อมาเวลา 15.15 น. นายภูมิธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 4 จ.นครสวรรค์ โดยมีนายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ส.ส.นครสวรรค์ เขต 2 นครสวรรค์รอต้อนรับ

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม สอบถามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยผู้ว่า ฯ นครสวรรค์ รายงานว่า ตอนนี้สถานการณ์น้ำปกติ สัปดาห์หน้าน้ำจะเข้ามาอีก โดยขณะนี้ระดับน้ำในเจ้าพระยาต่ำกว่าตลิ่ง 4-5 เมตร ซึ่งมวลน้ำที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์มีน้อยและไม่ได้มีพายุเติมเข้ามา แต่สัปดาห์หน้าจะต้องลุ้นอีกครั้งเพราะว่าจะมีพายุอีกหนึ่งลูก ทั้งนี้เรามีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์

จากนั้น นายภูมิธรรมและคณะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางไปยังจุดจอด ฮ. เขื่อนเจ้าพระยา ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยระหว่างทางบินตรวจสถานการณ์น้ำและพื้นที่การเกษตร โดยบินผ่านบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท