มาถึงชั่วโมงนี้คงเห็นภาพรัฐบาลชุดใหม่แล้วว่าจะมีพรรค การเมืองไหนเข้าร่วมบ้าง นอกจากดูรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีแล้ว
เสียงสนับสนุนจาก สส.พรรคนั้นก็ต้องมากกว่ากลุ่มการเมืองในพรรคเดียวกันด้วย
การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เพื่อทวงถามใบกรอกประวัติรัฐมนตรีของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ปรึกษาซึ่งเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีไปก่อนหน้านั้น
แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อของ พล.ต.อ.พัชรวาท (น้องชาย) แต่คนอื่นได้รับกันไปแล้วนั่นก็แสดงว่า “บิ๊กป๊อด” ตกรถไฟไปแล้ว
คือเขาไม่เอา!
เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจและสิทธิเด็ดขาดที่จะตั้งใครไม่ตั้งใครเป็นรัฐมนตรีก็ได้ คนที่ยกมือสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐมนตรี
คำตอบก็คือเพราะเขาไม่เอาคนชื่อนี้อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ว่าคนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้
ไม่เกี่ยวกับมีประวัติที่มีคุณสมบัติต้องห้าม แต่เป็นเพราะเป็นน้องชาย “บิ๊กป้อม” มากกว่าเหตุผลอื่น
แต่อีกคนอันนี้คงชัดว่าคุณสมบัติไม่ผ่านจึงไม่ส่งชื่อให้ “เพื่อไทย” พิจารณา ก็ไม่ใช่ใครคู่กรณีสำคัญ
“ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศแตกหักแยกทางกับ “บิ๊กป้อม” จนทำให้เกิดปัญหาในการส่งชื่อรัฐมนตรีออกเป็น 2 บัญชี
“ผมเบื่อการเมืองแล้ว มันถึงจุดอิ่มตัว”
เขาให้สัมภาษณ์นักข่าวในทำนองที่จะบอกว่าการที่ไม่ได้คิดหวังจะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็เพราะเหตุผลนี้
แต่เหตุผลจริงๆแล้วเป็นเพราะติดปัญหาเรื่อง “คุณสมบัติ” มากกว่า จึงเสนอชื่อคนอื่นให้เป็นรัฐมนตรีแทน
...
นักการเมืองนั้นใครก็อยากเป็น “รัฐมนตรี” กันทั้งนั้นถ้าไม่มีอุปสรรคปิดกั้น
ย้อนกลับไปที่ประกาศชน “ลุงป้อม” ก็เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่เสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรี จึงเดินแผนไม่ให้กลุ่ม พล.อ.ประวิตรแม้จะร่วมรัฐบาลแต่มี สส.น้อยกว่ากลุ่มของเขา จึงติดต่อไปยังประชาธิปัตย์คือ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค เพื่อให้เข้ามาร่วมรัฐบาล
ประชาธิปัตย์ 21 เสียงบวกกับกลุ่ม สส.ของเขาก็ได้เสียงเกิน 40 เสียง มากกว่าพลังประชารัฐเดิมโดยจะได้ 2 เก้าอี้รัฐมนตรี
เมื่อสมประโยชน์ร่วมกันทุกอย่างจึงเดินต่อไปได้
ด้วยแนวคิดและชั้นเชิงการเมืองอย่างนี้ถูกเสนอไปยัง “เพื่อไทย” โดยผู้มีบารมีนอกพรรคเห็นชอบด้วยเพื่อเขี่ย “ลุงป้อม” ออกไป
เพราะรู้กันดีว่าต่างก็ไม่ชอบพอกันอยู่แล้วจึงอาศัยเงื่อนไขนี้จัดการ
ความจริงในทางการเมืองนั้น “ลุงป้อม” คงไม่ต้องการให้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้เพราะยังต้องการร่วมรัฐบาล เนื่องจากเป็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้หาก “อิ๊งค์” พลาดท่าเสียที
แต่ถูกจับไต๋ได้ไม่ต่างกับ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่”
การเมืองมันทันกันอยู่...
เมื่อเงื่อนไขเปิดให้อย่างนี้ก็เลยได้จังหวะเขี่ยให้พ้นไปจากเส้นทาง เพราะเห็นเขี้ยวเล็บกันมาแล้วอย่าง “เศรษฐา” ที่ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปนั้น
“พี่ใหญ่” แห่ง “บูรพาพยัคฆ์” คนนี้ก็มีส่วนร่วมขบวนด้วย!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม