การเดินทางกลับเมืองไทยหลังจากที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปี ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ถือว่ายาวนานพอสมควร
หลายคนคงคิดว่าไม่น่าจะกลับแล้วเพราะมีคดีติดตัวหลายคดี และที่สำคัญคนที่ไม่ชอบก็มีจำนวนมากไม่ต่างกับคนที่ชอบ
ดังนั้นการจะเดินทางกลับ จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักและเพื่อความปลอดภัยก็ต้องเคลียร์พื้นที่เคลียร์สถานการณ์
ทุกอย่าง
จู่ๆจะกลับมาง่ายๆคงเป็นไปไม่ได้ หรือนึกจะกลับก็มาได้ทันที
ที่สุด “ทักษิณ” ก็เปิดเผยเรื่องนี้ว่าก่อนจะเดินทางกลับได้มีการประสานกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีในตอนนั้นว่าต้องการจะกลับเมืองไทย
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการเปิดเผยจากปากของ “ทักษิณ”เอง
แม้ด้านหนึ่ง “ทักษิณ” พยายามที่จะบอกว่าไม่มีดีลอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อเรื่องนี้เปิดเผยออกมาอย่างนี้
ก็นี่แหละ...“ดีลลับ” ที่ว่ากันนั่นแหละ!
เพียงแต่ตัวละครจะเป็นใครอย่างไรก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการทุกอย่างจน “ทักษิณ” ได้กลับมารูปแบบอย่างที่เห็นกัน
ข้อใหญ่ใจความก็คือเมื่อเดินทางถึงไทยจะปลอดภัยไม่ต้องนอนคุกสักวันเดียว
แต่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่ “ทักษิณ” จะต้องปฏิบัติตามกติกา การที่ตกลงกันไว้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
อะไรต้องทำก็ต้องทำ...
แน่นอนว่าประเด็นทางการเมืองนั้นต้องยอมรับว่า “ทักษิณ” เป็นเจ้าของพรรค “เพื่อไทย” ซึ่งได้รับความนิยมระดับสูง โดยมีคู่แข่งสำคัญคือพรรค “ก้าวไกล” ปัจจุบันคือพรรค “ประชาชน” ในขณะที่พรรคแนวอนุรักษ์นิยม ก็ไม่มีพรรคการเมืองใดที่นำธงทางการเมืองได้
...
พรรค “ก้าวไกล” นั้นชัดเจนคือเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบก้าวหน้า และต้องการแก้ไข ม.112 ซึ่งบอกความหมายในตัวชัดเจน
ดังนั้น “เพื่อไทย” ต้องนำทัพการเมืองเพื่อเอาชนะ “ก้าวไกล” ให้ได้ด้วยการผนึกกำลังกับพรรคอนุรักษ์นิยมอื่นๆ
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในขณะนี้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแม้จะมีเสียงสนับสนุนอันดับ 1 ก็ตาม
ที่สุดก็มาลงเอยที่ “เพื่อไทย” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย “ทักษิณ” ได้ประกาศชูธงเชิดชูสถาบันและให้ “เพื่อไทย” ประกาศนโยบายนี้อย่างชัดเจน
อันเป็นการปูพื้นให้สังคมไทยได้รับรู้เรื่องนี้ หลังจากที่ถูกมองไปอีกด้านหนึ่งมาก่อน
ดังนั้นประเด็นหนึ่งนี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แรงต่อต้านแผ่วลงไปเหลือเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ที่ยังติดใจหรือไม่เชื่อใจ
แต่ก็ทำให้ “ทักษิณ” เดินถนนได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอีกหลายอย่างที่ตามมาคือการเปลี่ยนแปลง เช่น การประกาศว่าลืมอดีตไปหมดแล้ว มีแต่วันนี้และวันพรุ่งนี้
คนไทยจะต้องรักและสามัคคีกันเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งแต่ก่อนจะได้ฟังว่าเขาและเพื่อไทยจะนำประเทศไปสู่ความสำเร็จ
นี่คือความจริงทางการเมืองไทยอีกมุมหนึ่ง!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม