หลังจากดิ้นเป็น “ลิงแก้แห” มาเกือบ ปี โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหนึ่งหมื่นบาทให้ประชาชน 45 ล้านคน ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ติดซอยตัน

เพราะหากยังถูลู่ถูกังเดินหน้าต่อไปจะเกิดปัญหาตามมามากมายก่ายกอง

แต่ถ้าจะกลับลำล้มโครงการไปเลย พรรคเพื่อไทยก็โดนชาวบ้านด่าเปิง

จึงเป็นไฟต์บังคับให้รัฐบาลต้องเดินหน้าแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทต่อไป

แต่ลดขนาดโครงการให้เล็กลง 50 เปอร์เซ็นต์

โดยลดจำนวนผู้มีสิทธิได้รับเงินแจกฟรีจาก 45 ล้านคน ให้เหลือไม่เกิน 25 ล้านคน

ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมไม่มากเกินไป-ไม่น้อยเกินควร

การยอมลดขนาดโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้เล็กลง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับลดภาระที่รัฐบาลต้องกู้เงินมาแจกฟรีไปเท่าตัว!!

ยอดหนี้สาธารณะหรือหนี้สินรัฐบาลก็จะไม่สูงทะลุเพดาน

และไม่ฝ่าฝืนกฎเหล็ก พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง

“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่าโครงการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทกระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นกำลังซื้อประชาชนไม่ล่มปากอ่าวแน่นอน

แต่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอย่างไร??

ยังไม่สะเด็ดน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่แนวโน้มคือ...จะเปลี่ยนการแจกเงินดิจิทัลเป็นแจกเงินสดให้ใช้จ่ายได้สะดวกโยธิน

โดยมีมาตรการกำกับควบคุมให้รัดกุมยิ่งกว่าที่ผ่านมา

ข้อแตกต่างอย่างสำคัญคือ รัฐบาลจะไม่แจกเงินเทกระจาดให้ผู้มีอายุเกิน 16 ปีทุกคนอย่างที่ประกาศไว้

แต่มุ่งเป้าแจกเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 21 ล้านคน

นี่คือเป้าใหญ่ที่จะได้รับเงินอัดฉีดหนึ่งหมื่นบาทไปใช้จ่ายแก้ขัดหนักขัดเบาก่อนสิ้นปีนี้ตามกำหนดเดิม

โดยจะโอนเงินผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด รวดเร็วที่สุด และสะดวกที่สุด ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

...

ไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนใหม่ให้เวิ่นเว้อวุ่นวาย

พี่น้องประชาชนเมื่อได้รับโอนเงินสดจากรัฐบาล ก็เอาไปใช้จ่ายได้ทันที ไม่ต้องแปลงเป็นเงินดิจิทัลให้ปวดหัวมัวตา

เมื่อเงินก้อนใหญ่ถูกใช้จ่ายพร้อมกัน พายุหมุนเศรษฐกิจก็หมุนติ้วเป็นพัดลมติดเทอร์โบ

เศรษฐกิจที่หงอยเป็นไก่ง่วงจะเริ่มกระต๊ากอย่างแน่นอน

ป.ล.หากรัฐบาลปลดล็อกไม่ต้องไปใช้จ่ายตามภูมิลำเนาของตัวเอง ชาวบ้านก็ไม่ต้องเดินทางกลับบ้านให้ยุ่งยากลำบากลำบน

การใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นจะเกิดผลอย่างรวดเร็ว

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่ารัฐบาลต้องเสียเวลากระตุ้นเศรษฐกิจไปหนึ่งปีอย่างน่าเสียดาย

เพราะมัวไปทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

มัวไปทำเรื่องสั้นให้กลายเป็นเรื่องยาว

สุดท้าย...ไอ้ที่คิดวางแผนไว้ก็ต้องแก้ไขใหม่กันชุลมุนชุลเก

การคิดนโยบายหลายชั้นหลายเชิง คิดยุ่งคิดเยอะเกินไปกลายเป็นห่วงผูกคอรัฐบาลเองอย่างนี้แหละญาติโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม