พรรคร่วมส่งโผ ครม.ครบ “ภูมิธรรม” ปวดหัวศึกใน พปชร. คุกรุ่น รับได้คุยกับ “ธรรมนัส” แล้ว “หมอมิ้ง” ส่งกฤษฎีกา-ตร.-ก.ล.ต.-ป.ป.ช. สแกนคุณสมบัติละเอียดยิบ “ขั้วป้อม” ร่อนแถลงเข้าร่วม รบ. ยึดตามโควตาเดิมไม่เปลี่ยน แต่ “ไผ่” เคลม “กลุ่มเพชรบูรณ์” อยู่ฝั่ง “ผู้กอง” ส่องโผล่าสุดเพื่อไทยล็อกเก้าอี้เดิม “พิชัย” อดควบรองนายกฯ เหลือแค่ว่าการคลัง โยก“เสริมศักดิ์” ไปคุมทหาร หลีกทาง “สรวงศ์” นั่งท่องเที่ยว เติมคนใหม่ “ชูศักดิ์” คุมงานกฎหมาย “ธีรรัตน์”รมช.มหาดไทย ภท. 8 ที่นั่งยังแน่นหนึบ “ขิง” ลุ้นรมว.อุตฯ ส่ง “ปุ้ย” ไปช่วยคลัง อุ้มทีม “ผู้กอง” เขี่ยทิ้งกลุ่ม“ลุงป้อม” ดึง ปชป.เสียบ แต่ส่อวงแตก “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” ล่อกันเอง “อิ๊งค์” พร้อมหน้าครอบครัวทำบุญฉลองวันเกิด 38 ปีชื่นมื่น คลิปว่อนตุลาการฯเย้ยยุบค่ายส้ม “วิโรจน์-โรม” ฉะไม่เคารพอำนาจประชาชน

พรรคร่วมรัฐบาลส่งบัญชีรายชื่อรัฐมนตรีถึงมือพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครบแล้ว แต่ยังติดปัญหาที่พรรคพลังประชารัฐเคลียร์โควตากันยังไม่ลงตัวระหว่างกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. กับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ที่ต่างคนต่างอ้างตัวเลข สส.ไปคนละทาง

พรรคร่วมส่งโผ ครม.ครบแล้ว

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ว่า ได้รายชื่อมาเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังไม่ชัดเจน ส่วนจะยึดโผของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ขอให้ไปคุยกันเองให้ได้ข้อสรุป แต่ถ้าไม่มีข้อสรุป ต้องมาดูว่าเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่าตามกฎหมายพรรคการเมืองสามารถทำได้หรือไม่ เพราะมีกฎหมายกำหนดไว้ว่าการดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ต้องเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) นายภูมิธรรมตอบว่า เขายังเป็นพรรครวมกันอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นพรรคเราก็ต้องยึดตามมติพรรค แต่ถ้าเขาแตกขึ้นมาก็ต้องกลายเป็นกลุ่มการเมืองและพรรคการเมือง

...

คนกลางใน พปชร.โทร.มาเคลียร์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า ถ้าพรรคพปชร.ไม่ขับออก ก็จะอยู่กันไปแบบนี้ สามารถเข้าร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องดูรายละเอียดก่อน ทั้งนี้ มีคนกลางจากพรรค พปชร.โทรศัพท์มาคุย บอกไปว่าให้ไปจัดการให้ชัดเจนเอาแบบไหนให้สังคมรับรู้ อย่าต่างคนต่างให้ข่าวว่าฝั่งนี้เรียบร้อย ฝั่งนั้นเรียบร้อย เราไม่เข้าไปแทรกแซง อยู่ที่ว่าจัดการอย่างไร มาดูว่าจะร่วมกันอย่างไรเพื่อจัด ตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าคนที่โทร.มาคุยมาจากฝั่งไหน นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นคนอยู่ตรงกลางที่อยู่ในพรรค พร้อมหัวเราะก่อนย้ำว่า “คนกลางๆที่อยู่ในพรรค” เมื่อถามว่าคนกลางที่โทร.มา ประสานให้ทั้ง 2 ฝั่งหรือเลือกข้าง นายภูมิธรรมตอบว่า เขาน่าจะไม่ได้เลือกข้าง แต่อยากเห็นความชัดเจนก็ให้ไปจัดการแล้วกันทางเราไม่มีปัญหา คิดว่าคนที่จะร่วมมือกันทำงานได้จริงๆ ระหว่างที่ทำงานร่วมกันไม่มาแทงกันข้างหลังหรือมามีปัญหา เอาเท่านั้นแหละ เพื่อให้รัฐบาลรีบเดินหน้าทำงานได้

คุยปัญหาภายใน “ธรรมนัส” แล้ว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์รอเสียบเข้าร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมไม่ได้ปฏิเสธแต่ระบุว่า ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นยังอยู่ตรงนี้ ทั้งหมดที่จับมือร่วมกันยังจับมือกันอยู่ เหลือพรรค พปชร.ที่ยังไม่ชัดเจน ต้องเอาให้ชัดเจนว่าจะยังเป็นพรรคเดียวกันหรือไม่ และเราพอใจกับเงื่อนไขที่ยื่นมาหรือไม่ เมื่อถามย้ำว่าถ้าพรรค พปชร.ไม่ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์เสียบได้ทันทีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า หากไม่ชัดเจนอาจไม่ได้ทั้ง 2 ชุด หรืออาจได้ชุดใดชุดหนึ่งต้องไปว่ากัน ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่เอา พปชร.ที่แบ่งเป็นสองก๊ก นายภูมิธรรมตอบว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเราอาจต้องไปอีกมิติหนึ่งที่ต้องไปเลือก ส่วนจะเลือกกลุ่มที่มีจำนวน สส.เยอะกว่าหรือไม่นั้น ขอไปดูรายละเอียดอีกที ยอมรับว่าได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสถึงปัญหาภายในพรรค พปชร.บางส่วน

“อ้วน” ยังสองจิตสองใจ มท.-พณ.

ผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีปัญหา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยของพรรคเพื่อไทยก็จะเรียบร้อย ส่วนจะได้อยู่กระทรวงเดิมหรือไม่ ไม่ใช่คนตัดสินว่าจะได้อยู่ตรงไหน จะได้เป็นหรือไม่ยังไม่รู้เลย เมื่อถามว่าชอบกระทรวงมหาดไทยหรือกระทรวงพาณิชย์มากกว่ากัน นายภูมิธรรมตอบว่า ทำได้ทุกกระทรวง ก่อนหยอดทิ้งท้ายว่า “พาณิชย์ผมก็รัก”

พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

“หมอมิ้ง” รอส่งสแกนคุณสมบัติ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมายรวบรวมรายชื่อรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาล ส่งรายชื่อรัฐมนตรีชุดใหม่มาครบทั้งหมดแล้ว รวมถึงพรรค พปชร. หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานต่างๆทำการตรวจสอบ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากมีข้อสงสัยจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างรอบคอบ ส่วนการแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่จะนำเสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไป

“ขั้วป้อม” แถลงการณ์ร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพรรค พปชร.ฝั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มีความเคลื่อนไหว โดยออกแถลงการณ์ในนามพรรค พปชร.ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับพรรค พปชร.ในขณะนี้ ขอเรียนชี้แจงต่อสมาชิกพรรค พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ที่ผ่านมาพรรค พปชร.เข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายก รัฐมนตรี ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยได้มีการแถลงร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นเมื่อวันที่ 15 ส.ค. และในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 ส.ค. สส.พรรค พปชร.ร่วมลงมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ยึดตามโควตาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

แถลงการณ์ระบุอีกว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. หัวหน้าพรรค พปชร.ได้ส่งรายชื่อบุคคลที่พรรคเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จำนวน 4 ท่านไปให้ น.ส.แพทองธาร ผ่าน นพ.พรหมินทร์แล้ว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและบุคคลใดๆ เป็นบุคคลและตำแหน่งเดิมในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนคุณสมบัติตามกระบวนการต่อไป ปัจจุบันพรรค พปชร.ยังคงมี สส.ที่เป็นสมาชิกพรรค พปชร.จำนวน 40 ท่าน ที่มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อสนับสนุน น.ส.แพทองธารบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 รัฐมนตรีของพรรค พปชร. ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการรองนายกฯ และรักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมช.สาธารณสุข และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รักษาการ รมช.เกษตรและสหกรณ์

ไผ่ ลิกค์
ไผ่ ลิกค์

“ไผ่” เคลม “เพชรบูรณ์” อยู่ฝั่งผู้กอง

ที่รัฐสภา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องรายชื่อน่าจะจบหมดแล้ว กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสมีโควตาประมาณเดิม เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ร.อ.ธรรมนัสได้คุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยแล้ว เชื่อว่าสัดส่วนรัฐมนตรีจะสอดคล้องกับจำนวน สส. เพราะมีพรรคเล็กร่วมด้วย ส่วน สส.เพชรบูรณ์ที่มีข่าวมีชื่ออยู่ทั้งฝ่ายบ้านป่ารอยต่อ และกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส รวมถึงชื่อนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ก็อยู่กับตนเพราะเป็นน้อง ที่ผ่านมาทุกคนไม่ได้มีปัญหากับพรรค พปชร. และ พล.อ.ประวิตรยังรักเคารพเสมอแต่ขอทำงานตามข้อเท็จจริงที่ได้รับมา มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทย ตลอด เชื่อว่าข้อมูลที่มีเป็นข้อมูลจริงกรองมาอย่างดี

โยน “อิ๊งค์” ชี้ขาด “ลุงป้อม” อยู่หรือไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การร่วมรัฐบาลของพรรค พปชร. นอกจากกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสแล้วจะมีกลุ่ม พล.อ.ประวิตรอยู่ด้วยหรือไม่ นายไผ่ตอบว่า ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นผู้ตัดสิน ไม่อยากกดดัน สร้างเงื่อนไขทางการเมือง ยืนยันว่าทำงานร่วมกับทุกคนได้ ส่วนกระแสข่าวจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกลุ่ม ร.อ.ธรรมมนัส 3 ที่ แต่มีเงื่อนไขต้องนำนายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมช.สาธารณสุข มาร่วมด้วยนั้น เชื่อว่านายสันติมาร่วมอยู่แล้ว ส่วนการปรากฏตัวของนายสันติที่บ้านป่ารอยต่อ จะถูกมองเหยียบเรือสองแคมหรือไม่ เชื่อว่าไม่มีใครคิดร้ายกับหัวหน้าพรรค ยังรักและเคารพเหมือนเดิม เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ สส. 14 คนในกลุ่ม พล.อ.ประวิตร จะไหลมารวมกับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส นายไผ่ตอบว่า ร.อ.ธรรมนัสบอกว่า ตอนนี้เราอยู่กันเป็นครอบครัว เพราะได้เลือกแล้ว

ไม่รู้ “ลูกพี่” ดอดไปพบ “เสี่ยต่อ”

นายไผ่ยังกล่าวถึงกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัสไปพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อดึงมาร่วมรัฐบาลว่า ไม่ทราบ แต่การพูดคุยไม่ใช่หน้าที่เรา ร.อ.ธรรมนัสไม่กดดันการทำงานของนายกฯ เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยติดใจเรื่องคุณสมบัติ ร.อ.ธรรมนัส นายไผ่ตอบว่า ไม่มีใครติดใจ ร.อ.ธรรมนัส เท่าที่ทราบคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีการกำหนดกรอบไว้แล้ว จึงยื่นคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ คาดว่าอีก 2 สัปดาห์ จะได้เห็นหน้า ครม.กัน ส่วนเหล่านักร้องถ้าข้อมูลไม่ชัวร์จริงๆ ควรเบาบ้าง

ปชป.ให้อำนาจ หน.พรรค-เลขาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (กก.บห.) เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ประชุมมีมติมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค มีอำนาจเต็มในการเจรจา และตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งสัญญาณลักษณะไฟเขียวให้เข้าร่วมรัฐบาล โดยอ้างยึดดีลเดิมเพื่อรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้กับนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ปชป. ในช่วงการตั้งรัฐบาลเพื่อไทยยุคนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ฮ่องกง และนายเดชอิศม์เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เคยลงสมัคร สส.สงขลา ในนามพรรคไทยรักไทย และนำ 21 สส.ประชาธิปัตย์ โหวตสนับสนุนนายเศรษฐาขึ้นเป็นนายกฯ โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา นายเดชอิศม์ประสานพูดคุยผ่านคนใกล้ชิดนายทักษิณว่าพร้อมจะเข้าร่วมรัฐบาลตามดีลเดิม และขอให้มีเทียบเชิญมาอย่างเป็นทางการ เพื่อสามารถชี้แจงสังคมและสมาชิกผู้สนับสนุนพรรคได้

ขอเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ-รมช.มท.

ทั้งนี้ในส่วนของพรรค ปชป. ประสงค์ขอตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ และ รมช.มหาดไทย แต่คาดว่าอาจไม่ได้ตามที่ต้องการ ยิ่งเกิดปัญหาขัดแย้งภายใน พปชร. ในกลุ่มของ พล.อ.ประวิตร และกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสที่ส่งรายชื่อรัฐมนตรีซ้ำซ้อนกัน อาจต้องรอความชัดเจนในการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีของ พปชร. ที่คราวนี้เน้นในด้านจริยธรรมด้วย และการเจรจากับทางเพื่อไทยยังไม่มีการเสนอชื่อบุคคลใดของพรรค ปชป. ไปตรวจสอบคุณสมบัติแต่อย่างใด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งเทียบเชิญให้พรรค ปชป.เข้าร่วมรัฐบาล หากมีการส่งเทียบเชิญมา ต้องมีการประชุมร่วมระหว่าง กก.บห. และ สส.พรรค เพื่อมีมติร่วมในนามพรรคว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร

สมศักดิ์ เทพสุทิน
สมศักดิ์ เทพสุทิน

“สมศักดิ์” อยากนั่ง รมว.สธ.ต่อ

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการจัดโผ ครม.ว่า ไม่มีอำนาจต่อรองอะไร แต่ถ้าได้อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขต่อ น่าจะขับเคลื่อนงานต่างๆให้เห็นผลมากกว่านี้ เนื่องจากดำรงตำแหน่งประมาณ 3 เดือน ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆลงตัวอยู่แล้ว เหลือเพียงแต่การทำให้เป็นรูปธรรมที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี หากจะให้สมบูรณ์เหมือนสร้างตึกต้องใช้เวลา 3 ปี หากอยู่ต่อจะเร่งดำเนินการเต็มที่ให้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. มีโอกาสนำเสนอความก้าวหน้าร่าง พ.ร.บ.อสม. และร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ส่วนการคิกออฟโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ใน กทม. เดิมกำหนดวันที่ 26 ส.ค. ต้องเลื่อนออกไปก่อน รอให้ น.ส.แพทองธารมาเป็นประธานคิกออฟ

เพื่อไทยล็อกโควตารัฐมนตรีเดิม

สำหรับความคืบหน้าการจัดทำโผ ครม. ล่าสุดมีการส่งแบบฟอร์มให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี กรอกประวัติอย่างละเอียด รวมถึงคดีความต่างๆในอดีตหากมี โดยรัฐมนตรีชุดใหม่ส่วนใหญ่ยังเป็นชุดเดิมจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ยังคงมี 17 ที่นั่ง ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่เดิม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย ยังคงเป็นรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข นายพิชัย ชุณหวชิร ยังคงเป็น รมว.คลัง แต่อาจไม่ได้ควบรองนายกฯแล้ว ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็น รมช.คลังที่เดิม เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม ที่นางมนพร เจริญศรี และ นพ.สุรพงษ์ ปิยะโชติ ยังเป็น รมช.คมนาคม น.ส.จิราพร สินธุไพร ยังคงเหนียวแน่นที่ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ

“เสริมศักดิ์” ถูกโยกไปคุมทหาร

ด้านรายชื่อที่จะหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรี ประกอบด้วย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ส่วนรายชื่อที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ ที่จะเข้ามาดูด้านกฎหมาย อาจเป็นรองนายกฯ หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. อาจได้ไปแทนนายเกรียง เพื่อดูแลงาน กทม. ที่น่าสนใจคือนายสรวงษ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท. มีชื่อจะได้เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แล้วโยกนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิชย์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไปเป็น รมว.กลาโหม เนื่องจากเคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยมาก่อน มีความคุ้นเคยกับระบบราชการด้านความมั่นคง แต่ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม มีความพยายามจะขอกลับมาเป็น รมว.การท่องเที่ยวฯที่เดิม

8 ที่นั่ง ภท.ยังคงเหนียวแน่น

ส่วนพรรคภูมิใจไทย ส่งรายชื่อรัฐมนตรีคนเดิมทั้งหมด ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ นางศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย โดยในส่วนของนายชาดาต้องรอลุ้นว่าจะผ่านด่านการตรวจคุณสมบัติหรือไม่

“ขิง” ลุ้น รมว.อุตฯ–“ปุ้ย” ไปช่วยคลัง

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงนั่งรองนายกฯควบ รมว.พลังงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค มีโอกาสขึ้น รมว.อุตสาหกรรม แล้วโยก น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล จาก รมว.อุตสาหกรรม ไปเป็น รมช.คลังแทน ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมช.พาณิชย์ ที่เดิม ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา ยังเป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่นเดียวกับพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ยังคงเป็น รมว.ยุติธรรม

ล้างกลุ่ม “ลุงป้อม” ดึง ปชป.เสียบ

ที่น่าจับตาที่สุดคือพรรค พปชร. แกนนำสำคัญพรรคเพื่อไทยที่ใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจไม่เอากลุ่ม พล.อ.ประวิตร เปิดทางให้กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ที่มี 26 สส.ในมือ พร้อมตัดโควตา 2 รัฐมนตรีจากสาย พล.อ.ประวิตร มาให้พรรคประชาธิปัตย์แทน โดยนายเฉลิมชัยได้ส่งชื่อของตนเอง และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ไปให้แกนนำเพื่อไทย คาดว่าจะได้เก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ รมช.สาธารณสุข แต่ที่นายเดชอิศม์ไปเจรจาในรอบแรก คือเสนอชื่อตัวเองและนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ กลายเป็นว่ามีการส่งชื่อไม่ตรงกัน ทางพรรคเพื่อไทยจึงขอเอารายชื่อที่คุยกันในรอบแรก คือชื่อของนายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ ส่งไปตรวจสอบประวัติ อาจทำให้ ปชป.เกิดความขัดแย้งระหว่างนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์แทน

ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ประวิตร วงษ์สุวรรณ

สื่อยื่นสอยจริยธรรม “ลุงป้อม”

ที่รัฐสภา นายอิทธิพันธ์ บัวทอง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพปชร. ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ นายอิทธิพันธ์กล่าวว่า รวบรวมหลักฐานจากผู้ถูกกระทำ และมุมตรงข้ามในเหตุการณ์ หากเห็นภาพ ในหลายมุม น่าจะมีคำตอบอยู่ในใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการล้อเล่นหยอกล้อหรือไม่ ในกรณีแสดง พฤติกรรมใช้กำลังต่อผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามสัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

ติงนักการเมืองต้องมีวุฒิภาวะ

ด้านนายสุปัน รักเชื้อ ประธานสภาวิชาชีพข่าว วิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า เจตนารมณ์ที่ยื่นสอบจริยธรรม ไม่ได้ทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือก้าวล่วง แต่พิจารณาอย่างรอบด้านแล้วว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ใช่ “การหยุมหัว” แต่เป็นพฤติกรรมที่เกรี้ยวกราดและคุกคามสื่อ ขอให้สภาฯรายงานผลการพิจารณาทุกขั้นตอนให้รับทราบด้วย สื่อมวลชนต้องได้รับการ ปกป้องในการทำหน้าที่ เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เราทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสาร หากแหล่งข่าวไม่เต็มใจ ที่จะตอบหรือไม่พร้อมตอบ แค่บอกกับผู้สื่อข่าว นักการเมืองที่มีวุฒิภาวะหลายคนทำแบบนี้ เช่น อดีต นายกฯที่ไม่ตอบคำถามสื่อ เพียงแต่ยิ้มและเดินออกไป ยืนยันการยื่นสอบ พล.อ.ประวิตรไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่ก้าวล่วงไปจริยธรรมข้ออื่น เพราะเราปกป้องสิทธิเสรีภาพของพี่น้องสื่อมวลชน

ชุด กก.วินัย ทสท.เชือด สส.งูเห่า

ขณะที่คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) มีการประชุมสอบสวนจริยธรรมสส.ทั้ง 6 คน เป็นรายบุคคล กรณีฝ่าฝืนอุดมการณ์พรรค ทสท. และจุดยืนในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน โหวตสนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ คณะ กรรมการวินัยฯ ได้เชิญนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร มาให้ข้อมูลเป็นรายแรก เพราะกระทำความผิดหลายครั้ง แต่นางสุภาพรไม่ให้ความร่วมมือแม้จะมีหนังสือเชิญ ไปแล้ว ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการวินัยฯ พิจารณาเห็นว่าพฤติกรรมนางสุภาพรเข้าข่ายทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซ้ำซากหลายครั้ง ไม่สำนึกว่าตนเองได้เป็น สส.สมัยแรกในนามพรรค ทสท. รวมถึงมารยาท ในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน การลงมติในสภาฯหลายครั้ง พบว่านางสุภาพรลงคะแนนตรงกันข้ามกับ มติพรรคร่วมฝ่ายค้านตลอด พรรคให้โอกาสหลายครั้ง จึงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำของนางสุภาพรเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง สมควรได้รับการ ลงโทษด้วยการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ทสท. ส่วน สส.ที่เหลือคณะกรรมการวินัยฯ จะนัดหมายเป็นรายบุคคลให้โอกาสชี้แจง

แพทองธาร ชินวัตร
แพทองธาร ชินวัตร

“อิ๊งค์” ทำบุญฉลองวันเกิด 38 ปี

ช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปทำบุญเป็นการส่วนตัวในโอกาสวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 38 ปี วันที่ 21 ส.ค. ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ บิดา-มารดา นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีพร้อมลูกสาว นายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรณ์วงศ์ พี่สาว และบรรดาญาติ เพื่อนสนิท มาร่วมทำบุญ ถวายผ้าไตรจีวร สังฆทาน และภัตตาหารเพล แก่พระสงฆ์ 9 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนายทักษิณ น.ส.แพทองธาร นายพานทองแท้ และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ร่วมสนทนาธรรมกับพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯด้วย รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หอบดอกไม้ไปร่วมอวยพรด้วย

รอวิป รบ.ชงเลือกรอง ปธ.สภาฯ

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกำหนดการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่างว่า ต้องรอให้วิปรัฐบาลแจ้งเรื่องมาที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะจัดให้มีการเลือกวันใด สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงจะประสานว่ามีการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯกี่คน และเตรียมความพร้อมวิธีลงคะแนนเสียง การขานและการนับคะแนนให้เกิดความรวดเร็วและถูกต้องในการนับคะแนนเสียง เมื่อถามว่ามีการจับตาเรื่องการเข้ามาทำหน้าที่รองประธานสภาฯคนที่ 1 อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่มีปัญหาด้านการก่อสร้าง ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ตอบว่า ปกติแล้วรองประธานสภาฯจะมีงานภายใต้กำกับ เช่น งานของคณะกรรมการความโปร่งใสในการตรวจรับอาคารรัฐสภา เป็นงานเชิงนโยบาย แต่หลักการปฏิบัติการตรวจรับอาคารรัฐสภาเป็นเรื่องของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานราชการ ที่ได้ตรวจรับอาคารรัฐสภาไปแล้ว 100% เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา

บี้สอบ 2 บิ๊ก ภท.ปมเขากระโดง

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย และนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีถือครองที่ดินเขากระโดง ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ โดยนายภัทรพงศ์กล่าวว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาเป็นที่สุดว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หมายความว่า เป็นที่ดินสมบัติของแผ่นดิน ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบว่า บุคคลทั้ง 2 พักอาศัยในที่ดินดังกล่าวหรือไม่ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายอนุทินอยู่ กทม.แต่ไปมีภูมิลำเนาอยู่ จ.บุรีรัมย์ได้อย่างไร นายอนุทินยืนยันว่า ถือโฉนดถูกต้องตามกฎหมายแสดงถึงการยอมรับถือครองที่ดินเขากระโดง ทำไม่ได้เพราะศาลฎีกาตัดสินแล้วจะไปซื้อได้อย่างไร การเป็นรัฐมนตรีก่อนหน้านี้สิ้นสภาพไปแล้ว ก่อนเป็นรัฐมนตรีครั้งใหม่ให้สละสิทธิก่อน ถ้าขืนแต่งตั้งจะเป็นวิบากกรรมนายอนุทิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯผู้แต่งตั้ง

คลิปตุลาการฯว่อนเย้ยยุบค่ายส้ม

อีกเรื่อง โลกออนไลน์ได้แชร์คลิปจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Tanyatorn Rojmahamongkol” เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ส.ค. เป็นคลิปการบรรยายของนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พูดแซวพรรคประชาชนต้องขอบคุณที่ถูกยุบพรรค ทำให้ได้เงินบริจาคถึง 20 ล้านบาท ระบุว่า “เหมือนอย่างวันนี้ เขายังมีปัญหาอยู่ พรรคคุณไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อไปรับเงิน คุณออกในนามพรรคประชาชน ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อทำได้เปล่า? ใช้บัญชีเดิม ต้องตรวจสอบใช้บัญชีเดิมจริงหรือเปล่า? หรือคุณเปิดบัญชีใหม่ จริงๆต้องขอบคุณผม มีการยุบพรรคเห็นไหมได้เงินตั้งกี่ล้านภายใน 2 วัน ถ้าไม่ยุบเนี่ย เขาร้องไห้ฟรีเลยนะ ก่อนหน้านั้น เงินไม่มีนะ ต้องขอบคุณผมนะทำให้เขามีเงินเข้าไปตั้ง 20, 30 ล้าน สมาชิกเก่าเข้าไปจดทะเบียนเป็นสมาชิกตามไปด้วยเห็นไหม ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหนเลย ยุบปั๊บไปเปิดพรรคใหม่ได้ เอ้า! ไม่ข้องใจแล้วหรือ? เมื่อวานร้องไห้อยู่ อย่างนู้นอย่างนี้ สองวันเลิก จากน้ำตาเป็นเสียงหัวเราะ “ยักไหล่แล้วไปต่อ” เงิน 20 ล้าน พร้อมเสียงหัวเราะ”

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร

“วิโรจน์” แนะให้อ่านข้อจริยธรรม

ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า นายอุดมอาจขาดความตระหนักว่าไปร่วมงานเสวนาในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดออกมาตามที่คิดอยู่ในใจ โดยไม่ระมัดระวังทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายอุดมมีอคติหรือไม่ ขออนุญาตแนะนำให้นายอุดมไปอ่านมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการ เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่าน ด้วยอายุของนายอุดมน่าจะปรับปรุงตัวเองได้ไม่ยากนัก เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหากนายอุดม ตลอดจนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่นได้ดูคลิปก็น่าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายอุดมพูดเช่นกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่านายอุดมจะปรับปรุงการพูด และการให้ความคิดเห็นให้มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นในครั้งถัดๆไป

“โรม” ฉะไม่เคารพอำนาจประชาชน

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า การยุบพรรคไม่มีสังคมไหนยอมรับ ประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยแปลกใจที่เกิดการยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประชาชนเห็นใจจึงมาสมัครเป็นสมาชิก บริจาคเงิน อยากผลักดันให้กลับมาตั้งหลักได้อย่างภาคภูมิ ไม่ใช่เรื่องตลกหรือนำมาพูดเล่นว่า การยุบพรรคทำให้พรรค ปชช.มีรายได้ 20 ล้านบาท คนสั่งยุบพรรคไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำ ท่าทีเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่บนความเป็นกลางจริงหรือไม่ ทำลายศรัทธาจากประชาชนมากขึ้น ที่ระบุว่าพรรคควรขอบคุณนั้นคงไม่ได้ ควรคุยแบบจริงจังดีกว่าใช้ประโยคเยาะเย้ยถากถาง พูดไม่เคารพอำนาจประชาชน

ข้องใจเวลานี้ใครเป็นนายกฯตัวจริง

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงกรณีความแตกแยกในพรรค พปชร.ที่อาจมี สส.ซีก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มาเป็นฝ่ายค้านว่า ต้องรอดูความชัดเจน ใครไม่ได้เป็นรัฐบาลต้องมาเป็นฝ่ายค้าน ไม่ทราบเรื่องนี้จะจบอย่างไร สิ่งที่อยากเห็นคือการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ขณะที่บทบาทนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกระทบภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ น.ส.แพทองธาร หากตัดประเด็นที่นายทักษิณเป็นบิดา น.ส.แพทองธารยังมีสิทธิในฐานะพลเมือง แต่นายทักษิณตอบคำถามสื่อราวกับเป็นนายกฯเอง ไม่มั่นใจใครเป็นนายกฯ ตัวจริงกันแน่

เฉ่ง มท.ปล่อยใช้มูลนิธิเชิงการเมือง

เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นการปิดสวิตช์ 3 ป.หรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า ปิดจริงหรือเปล่า ต้องรอดู ป.1 ปิดจริงหรือไม่ หรือเป็นผู้มีอำนาจบางอย่าง ยังควบคุมและชักใย ป.2 ก็เงียบไป แต่ยังมีคดีทุจริตต่างๆ รัฐบาลจะไม่ดำเนินการอะไรใช่หรือไม่ ส่วน ป.3 อยากถามตรงๆ บ้านป่ารอยต่อเป็นมูลนิธิใช่หรือไม่ มูลนิธิไม่น่ามีวัตถุประสงค์ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ กระทรวงมหาดไทยหรือรัฐบาลจะไม่ดำเนินการอะไรหรือปล่อยให้ใช้มูลนิธิเคลื่อนไหวทางการเมือง คิดว่ามันแปลกๆ

“ไหม” จี้ ครม.ใหม่แถลงนโยบาย

วันเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเกณฑ์การแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเติมเงินสดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ทางออกนี้เราพูดกันมาพักหนึ่งแล้ว ที่เห็นด้วยคือจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ จ่ายเฉพาะกลุ่มเปราะบางก่อน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้โดยไม่ต้องรอ โครงการมีความไม่แน่นอนสูงมาก ตอนนี้มีข่าวลือเข้ามาเยอะว่าจะใช้งบประมาณทั้งปี 67 และปี 68 ทุกอย่างอยู่ในภาวะที่ชะงักงันไปหมด เดี๋ยวจะถอย เดี๋ยวจะเดินหน้า งงไปหมด ขอให้รัฐบาลชุดใหม่รีบมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อให้เกิดความชัดเจน

“วรภพ” ฝากรัฐคิดถึงรายย่อย

นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า คงต้องหารือภายในพรรค กรณีหากมีการตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ไปแล้ว เราไม่อยากให้การใช้อำนาจโดยเสียงข้างมากทำอะไรก็ได้ หรือตีความกฎหมายให้เป็นคุณกับรัฐบาลเอง โดยไม่สนใจการมีอยู่ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง หากจะเดินหน้าต่อขอให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้รายย่อยเข้ามาได้ประโยชน์มากที่สุด หากยังไม่มีการเปลี่ยนเงื่อนไข ผลประโยชน์ทั้งหมดจะไปตกกับร้านค้าสะดวกซื้อ เจ้าสัวขนาดใหญ่ ขณะที่ร้านค้าขนาดย่อยคงเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าที่ควร อยากฝากว่าหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจต้องคำนึงถึงร้านค้ารายย่อย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่